พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,606 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 190/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องอัยการแทนโจทก์เดิม & ฟ้องซ้ำ: ศาลมีดุลยพินิจอนุญาตถอนฟ้องได้หากประเด็นยังไม่สิ้นสุด
คดีก่อนศาลพิพากษายกฟ้องคดีที่หลานฟ้องปู่เป็นคดีอุทลุมโดยอ้างเหตุว่าไม่มีอำนาจฟ้องยังมิได้วินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นแห่งคดีนั้นไม่ตัดสิทธิที่จะให้หลานขอให้พนักงานอัยการดำเนินคดีเป็นโจทก์แทน ฟ้องของอัยการโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 190/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีและฟ้องซ้ำ: การขอให้พนักงานอัยการฟ้องแทนกรณีศาลยกฟ้องเนื่องจากไม่มีอำนาจฟ้อง
คดีก่อนศาลพิพากษายกฟ้องคดีที่หลานฟ้องปู่เป็นคดีอุหลุมโดยอ้างเหตุว่าไม่มีอำนาจฟ้องยังมิได้วินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นแห่งคดีนั้นไม่ตัดสิทธิที่จะให้หลานขอให้พนักงานอัยการดำเนินคดีเป็นโจทก์แทน ฟ้องของอัยการโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 174/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องจำเลยรัฐมนตรีโดยไม่แสดงการกระทำละเมิดหรือพันธะตามกฎหมาย ศาลยกฟ้องตามมาตรา 172 ป.วิ.พ.
ฟ้องรัฐมนตรีว่าการมหาดไทย บรรยายว่าโจทก์เป็นคนไทยแต่เจ้าหน้าที่ให้จดทะเบียนต่างด้าว โจทก์ขอคืนสัญชาติต่อตำรวจท้องที่จนบัดนี้ยังไม่ทราบผลจึงขอให้ศาลไต่สวนสัญชาติ และเบิกถอนใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวดังนี้ไม่เป็นฟ้องที่ถูกต้องตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา172
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 170/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์และการได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินตามแนวรั้วเดิม แม้มีโฉนดแต่สืบไม่ได้แน่ชัด
จำเลยซื้อที่ดินจากผู้ที่ได้ครอบครองเป็นปรปักษ์ต่อโจทก์มากว่า 10 ปี จำเลยครอบครองมา 2 ปี จำเลยก็ได้กรรมสิทธิ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 86/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บาดแผลสาหัสจากการทำร้ายร่างกาย: การพิจารณาโทษฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส แม้ไม่ถึงแก่ชีวิต
ได้ความว่าผู้เสียหายถูกทำร้ายถึง 2 แห่งคือที่แขนและที่น่าอก บาดแผลทั้ง 2 แห่งนี้ปรากฏว่าระยะการรักษาเพียง 15 วันแผลตกนะเก็ดลุกขึ้นลงเรือนได้ แต่ได้ความว่าบาดแผลนี้รักษาอยู่ 23 วันยังไม่หายดี ระหว่างรักษาตัวทำการงานอะไรไม่ได้ เมื่อเบิกความเป็นพยานครั้งหลังจากเกิดเหตุ 2 เดือน 4 วัน หายใจรู้สึกเสียวที่น่าอกยังทำการงานอะไรไม่ได้ เช่นนี้ถือว่าเป็นบาดแผลสาหัสต้องตาม ม.256 ก.ม.อาญา ไม่ใช่บาดเจ็บธรรมดาตาม ม.254 ก.ม.อาญา
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยพยายามฆ่าคนโดยเจตนา ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามฟ้องแต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยผิดตาม ม.254 โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษฐานพยายามฆ่าหรือทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส ดังนี้เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าบาดแผลถึงสาหัสและฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาจะฆ่าก็ย่อมจะลงโทษจำเลยฐานทำร้ายบาดเจ็บสาหัสตาม ม.256 ได้.
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยพยายามฆ่าคนโดยเจตนา ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามฟ้องแต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยผิดตาม ม.254 โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษฐานพยายามฆ่าหรือทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส ดังนี้เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าบาดแผลถึงสาหัสและฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาจะฆ่าก็ย่อมจะลงโทษจำเลยฐานทำร้ายบาดเจ็บสาหัสตาม ม.256 ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 86/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บาดแผลจากการทำร้ายร่างกายเข้าข่าย 'บาดเจ็บสาหัส' แม้ระยะเวลารักษาไม่นาน แต่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
ได้ความว่าผู้เสียหายถูกทำร้ายถึง 2 แห่งคือที่แขนและที่หน้าอกบาดแผลทั้ง 2 แห่งนี้ปรากฏว่าระยะการรักษาเพียง 15 วันแผลตกสะเก็ดลุกขึ้นลงเรือนได้ แต่ได้ความว่าบาดแผลนี้รักษาอยู่ 23 วันยังไม่หายดีระหว่างรักษาตัวทำการงานอะไรไม่ได้เมื่อเบิกความเป็นพยานครั้งหลังจากเกิดเหตุ 2 เดือน 4 วัน หายใจรู้สึกเสียวที่หน้าอกยังทำการงานอะไรไม่ได้เช่นนี้ถือว่าเป็นบาดแผลสาหัสต้องตาม มาตรา 256 กฎหมายอาญาไม่ใช่บาดเจ็บธรรมดาตาม มาตรา254 กฎหมายอาญา
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยพยายามฆ่าคนโดยเจตนาศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามฟ้องแต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยผิดตาม มาตรา 254 โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษฐานพยายามฆ่าหรือทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสดังนี้เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าบาดแผลถึงสาหัสและฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาจะฆ่าก็ย่อมจะลงโทษจำเลยฐานทำร้ายบาดเจ็บสาหัสตาม มาตรา 256 ได้
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยพยายามฆ่าคนโดยเจตนาศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามฟ้องแต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยผิดตาม มาตรา 254 โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษฐานพยายามฆ่าหรือทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสดังนี้เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าบาดแผลถึงสาหัสและฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาจะฆ่าก็ย่อมจะลงโทษจำเลยฐานทำร้ายบาดเจ็บสาหัสตาม มาตรา 256 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1749/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน และการนำสืบหักล้างเอกสารกู้ยืม
ทำหนังสือกู้ให้ไว้ เพื่อสมนาคุณที่ผู้กู้ขายสุกรให้ร้านสหกรณ์ซึ่งผู้ให้กู้เป็นเลขานุการ ได้ให้ความสะดวกแก่ผู้กู้ โดยผู้กู้ไม่ได้รับเงินตามสัญญากู้เลยอาจขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน ผู้กู้นำสืบหักล้างเอกสารกู้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1749/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน และการนำสืบหักล้างเอกสารกู้ยืม
ทำหนังสือกู้ให้ไว้ เพื่อสมนาคุณที่ผู้กู้ขายสุกรให้ร้านสหกรณ์ซึ่งผู้ให้กู้เป็นเลขานุการ ได้ให้ความสะดวกแก่ผู้กู้ โดยผู้กู้ไม่ได้รับเงินตามสัญญากู้เลยอาจขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน ผู้กู้นำสืบหักล้างเอกสารกู้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1707/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสุจริตของผู้กระทำผิดและผลต่อการเอาผิดทางอาญา แม้ใบอนุญาตไม่ชอบ
ถึงแม้จะวินิจฉัยว่าใบเสร็จรับเงินค่าใบอนุญาตเร่ขายไม่ใช่เป็นใบอนุญาตให้ทำการเร่ขายได้ก็ดี แต่ข้อเท็จจริงซึ่งศาลฎีกาจำต้องถือตามคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์คือ จำเลยเชื่อโดยสุจริตว่าเป็นใบอนุญาตให้เร่ขายได้แล้วเช่นนี้ จึงย่อมเอาผิดแก่จำเลยหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1707/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความเชื่อโดยสุจริตเป็นเหตุยกฟ้อง แม้ใบอนุญาตไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ถึงแม้จะวินิจฉัยว่าใบเสร็จรับเงินค่าใบอนุญาตเร่ขายไม่ใช่เป็นใบอนุญาตให้ทำการเร่ขายได้ก็ดี แต่ข้อเท็จจริงซึ่งศาลฎีกาจำต้องถือตามคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์คือ จำเลยเชื่อโดยสุจริตว่าเป็นในอนุญาตให้เร่ขายได้แล้วเช่นนี้ จึงย่อมเอาผิดแก่จำเลยหาได้ไม่