พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,606 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1335/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสิ้นสุดความจำเป็นในการพิจารณาคดีหลังจำเลยเลิกกิจการ ศาลฎีกายกฟ้อง
เมื่อเหตุที่มีการโต้แย้งในอันที่จะขอให้ศาลบังคับได้หมดไปแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องวินิจฉัยคดีต่อไป ศาลฎีกาย่อมยกฎีกาเสีย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1321/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า: ศาลมีอำนาจวินิจฉัยสิทธิ แม้ยังไม่มีกฎหมายรับรองสิทธินั้นโดยตรง
การโต้แย้งสิทธิตาม ป.วิ.แพ่ง ม.55 นั้นหาจำต้องมีกฎหมายรับรองสิทธินั้นไว้โดยตรงเสียก่อนอย่างใดไม่ เมื่อผู้ใดโต้แย้งผู้นั้นก็อาจมาขอความคุ้มครองจากศาลได้เสมอ เช่นในกรณีขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเมื่อมีข้อโต้แย้งว่าใครจะมีสิทธิดีกว่าในการที่จะจดทะเบียนก่อน ดังนี้ศาลก็ต้องรับวินิจฉัยให้ อย่าว่าแต่ในระหว่างผู้ที่ยังไม่ได้จดทะเบียนด้วยกันเลยเจ้าของเครื่องหมายการค้าอ้นแท้จริงแม้จะยังมิได้จดทะเบียน จะยกขึ้นต่อสู้กับผู้ที่จดทะเบียนแล้วในศาลก็ยังได้ตามมาตรา 41 แห่ง พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า
ศาลฎีกามีอำนาจยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้วให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้ออุทธรณ์ใหม่ทั้งหมดหรือบางส่วน (อ้างฎีกาที่ 277/2496)
ศาลฎีกามีอำนาจยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้วให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้ออุทธรณ์ใหม่ทั้งหมดหรือบางส่วน (อ้างฎีกาที่ 277/2496)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1321/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า: ศาลมีอำนาจวินิจฉัยสิทธิแม้ยังมิได้จดทะเบียน
การโต้แย้งสิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 นั้นหาจำต้องมีกฎหมายรับรองสิทธินั้นไว้โดยตรงเสียก่อนอย่างใดไม่ เมื่อผู้ใดโต้แย้งผู้นั้นก็อาจมาขอความคุ้มครองจากศาลได้เสมอเช่นในกรณีขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า เมื่อมีข้อโต้แย้งว่าใครจะมีสิทธิดีกว่าในการที่จะจดทะเบียนก่อน ดังนี้ศาลก็ต้องรับวินิจฉัยให้ อย่าว่าแต่ในระหว่างผู้ที่ยังไม่ได้จดทะเบียนด้วยกันเลย เจ้าของเครื่องหมายการค้าอันแท้จริงแม้จะยังมิได้จดทะเบียน จะยกขึ้นต่อสู้กับผู้ที่จดทะเบียนแล้วในศาลก็ยังได้ตามมาตรา 41 แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า
ศาลฎีกามีอำนาจยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้วให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้ออุทธรณ์ใหม่ทั้งหมดหรือบางส่วน (อ้างฎีกาที่ 277/2496)
ศาลฎีกามีอำนาจยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้วให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้ออุทธรณ์ใหม่ทั้งหมดหรือบางส่วน (อ้างฎีกาที่ 277/2496)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1212/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานะสัญชาติของบุคคลเกิดในไทยที่มีบิดาเป็นชาวต่างชาติ และได้รับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว
คนต่างด้าวที่เกิดในประเทศไทยได้ขอรับใบสำคัญประจำตัวตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนต่างด้าวแล้วย่อมขาดจากสัญชาติไทยตาม พ.ร.บ.สัญชาติ(ฉบับที่ 2) 2496 ม.5
คนต่างด้าวได้ยื่นฟ้องต่อศาล ขอให้แสดงว่ามีสัญชาติไทยก่อนใช้พ.ร.บ.สัญชาติฉบับที่ 2 ก็ตามหามีผลให้คนต่างด้าวมีสัญชาติไทยไม่ พ.ร.บ.สัญชาติ (ฉบับที่ 2) 2496 ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ
คนต่างด้าวได้ยื่นฟ้องต่อศาล ขอให้แสดงว่ามีสัญชาติไทยก่อนใช้พ.ร.บ.สัญชาติฉบับที่ 2 ก็ตามหามีผลให้คนต่างด้าวมีสัญชาติไทยไม่ พ.ร.บ.สัญชาติ (ฉบับที่ 2) 2496 ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1212/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานะสัญชาติไทยของบุคคลเกิดในไทยที่มีบิดาเป็นชาวต่างชาติภายหลังพ.ร.บ.สัญชาติ (ฉบับที่ 2) 2496
คนต่างด้าวที่เกิดในประเทศไทยได้ขอรับใบสำคัญประจำตัวตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนคนต่างด้าวแล้วย่อมขาดจากสัญชาติไทยตามพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ 2)2496 มาตรา 5
คนต่างด้าวได้ยื่นฟ้องต่อศาล ขอให้แสดงว่ามีสัญชาติไทยก่อนใช้พระราชบัญญัติสัญชาติ ฉบับที่ 2 ก็ตามหามีผลให้คนต่างด้าวมีสัญชาติไทยไม่
พระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ 2)2496 ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ
คนต่างด้าวได้ยื่นฟ้องต่อศาล ขอให้แสดงว่ามีสัญชาติไทยก่อนใช้พระราชบัญญัติสัญชาติ ฉบับที่ 2 ก็ตามหามีผลให้คนต่างด้าวมีสัญชาติไทยไม่
พระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ 2)2496 ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1188/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าช่วงที่ผิดสัญญาและการขัดขวางการรื้อถอนทรัพย์สินหลังบอกเลิกสัญญาเช่า
สัญญาเช่ามีกำหนด 1 ปีและห้ามเช่าช่วง ผู้เช่าจะขอสืบพยานว่าเป็นที่เข้าใจระหว่างคู่สัญญาว่าเช่าโดยไม่มีกำหนดเวลาและผู้เช่ามีสิทธิให้เช่าช่วงได้นั้นเป็นการสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสาร ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.แพ่ง ม.94
ผู้เช่าทำผิดสัญญาเช่าและผู้ให้เช่าบอกเลิกสัญญาก่อนครบกำหนดสัญญาเช่าผู้เช่ายังคงอยู่ต่อไปเมื่อครบสัญญาเช่าแล้วดังนี้ ผู้เช่ายังขืนอยู่ต่อไป จึงเป็นการละเมิดไม่ใช่เป็นการเช่าใหม่โดยไม่มีกำหนดเวลา
ผู้เช่าทำผิดสัญญาเช่าและผู้ให้เช่าบอกเลิกสัญญาก่อนครบกำหนดสัญญาเช่าผู้เช่ายังคงอยู่ต่อไปเมื่อครบสัญญาเช่าแล้วดังนี้ ผู้เช่ายังขืนอยู่ต่อไป จึงเป็นการละเมิดไม่ใช่เป็นการเช่าใหม่โดยไม่มีกำหนดเวลา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1188/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่ากำหนดเวลา การเช่าช่วง และผลของการขัดสัญญา การครอบครองหลังสัญญาหมดอายุไม่ถือเป็นการเช่าใหม่
สัญญาเช่ามีกำหนด 1 ปีและห้ามเช่าช่วง ผู้เช่าจะขอสืบพยานว่าเป็นที่เข้าใจระหว่างคู่สัญญาว่าเช่าโดยไม่มีกำหนดเวลา และผู้เช่ามีสิทธิให้เช่าช่วงได้นั้นเป็นการสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสาร ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94
ผู้เช่าทำผิดสัญญาเช่า และผู้ให้เช่าบอกเลิกสัญญาก่อนครบกำหนดสัญญาเช่า ผู้เช่ายังคงอยู่ต่อไปเมื่อครบสัญญาเช่าแล้วดังนี้ ผู้เช่ายังขืนอยู่ต่อไป จึงเป็นการละเมิดไม่ใช่เป็นการเช่าใหม่โดยไม่มีกำหนดเวลา
ผู้เช่าทำผิดสัญญาเช่า และผู้ให้เช่าบอกเลิกสัญญาก่อนครบกำหนดสัญญาเช่า ผู้เช่ายังคงอยู่ต่อไปเมื่อครบสัญญาเช่าแล้วดังนี้ ผู้เช่ายังขืนอยู่ต่อไป จึงเป็นการละเมิดไม่ใช่เป็นการเช่าใหม่โดยไม่มีกำหนดเวลา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1012/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายโดยผ่านตัวแทนอำพราง: สิทธิในการฟ้องขับไล่และผลกระทบต่อฐานะทางกฎหมายของผู้ซื้อ
โจทย์ฟ้องขับไล่จำเลยโดยอ้างว่าจำเลยอาศัย จำเลยต่อสู้ว่าโรงเรือนและที่พิพาทเป็นของจำเลยซื้อมาจากผู้อื่น แต่ทางการไม่อนุญาตให้ทำนิติกรรมเป็นผู้ซื้อได้ เพราะเป็นคนต่างด้าว จึงมอบให้จำเลยเป็นตัวแทนไปทำนิติกรรมแทนจำเลยดังนี้ ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยเสีย แล้วพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี เป็นการไม่ชอบเพราะถ้าฟังตามคำให้การของจำเลยแล้ว รูปคดีไม่ใช่เรื่องอาศัย โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยได้ จึงต้องฟังพยานต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1012/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายโดยตัวแทนอำพราง: สิทธิในการครอบครองและการฟ้องขับไล่
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยโดยอ้างว่าจำเลยอาศัย จำเลยต่อสู้ว่าโรงเรือนและที่พิพาทเป็นของจำเลย ซื้อมาจากผู้อื่น แต่ทางการไม่อนุญาตให้ทำนิติกรรมเป็นผู้ซื้อได้ เพราะเป็นคนต่างด้าว จึงมอบให้จำเลยเป็นตัวแทนไปทำนิติกรรมแทนจำเลย ดังนี้ ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยเสียแล้วพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี เป็นการไม่ชอบเพราะถ้าฟังตามคำให้การของจำเลยแล้ว รูปคดีไม่ใช่เรื่องอาศัย โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยได้ จึงต้องฟังพยานต่อไป (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 7/2497)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1009/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงสัญชาติและการใช้สิทธิทางศาล: กรณีไม่มีข้อพิพาทเรื่องสิทธิ
ยื่นคำร้องว่าเป็นคนมีสัญชาติไทยตามกฎหมาย แต่สำคัญผิดไปขอใบสำคัญต่างด้าว จึงขอให้แสดงว่าเป็นคนไทย ดังนี้ไม่ใช่กรณีจะต้องใช้สิทธิทางศาลตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 เพราะสิทธิของผู้ร้องมิได้ถูกโต้แย้งอย่างใด ดังนั้นแม้ว่าผู้ว่าราชการจังหวัดจะยื่นคำร้องคัดค้านเข้ามาก็ไม่ทำให้กลายเป็นคดีมีข้อพิพาทตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 188 ข้อ 4