พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,606 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1399-1400/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิรับมรดกของผู้คบหากันฉันสามีภริยา - การโอนสิทธิให้บุคคลภายนอกโดยสุจริต
เป็นภริยาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่อยู่กินฉันสามีภริยากันกว่า10 กว่าปี และมีบุตรด้วยกันหลายคน เมื่อชายตายหญิงเชื่อโดยสุจริตว่าตนมีสิทธิรับมรดกของชาย จึงได้ขอรับมรดกที่ดินมีโฉนดของผู้ตาย เมื่อไม่มีทายาทคนใดมาคัดค้านจนหญิงได้รับโฉนดมาและโอนขายให้แก่บุคคลภายนอก บุคคลภายนอกได้เสียค่าตอบแทนโดยสุจริตและได้จดทะเบียนโดยสุจริตแล้ว บุคคลภายนอกย่อมได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1299 วรรคท้าย ทายาทจะขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายเสียไม่ได้
ส่วนที่ดินที่ยังมิได้รับโอนมาทายาทย่อมขอให้เพิกถอนประกาศขอรับมรดกของหญิงนั้นได้
ส่วนที่ดินที่ยังมิได้รับโอนมาทายาทย่อมขอให้เพิกถอนประกาศขอรับมรดกของหญิงนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1362/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนฟ้องแล้วฟ้องใหม่ไม่ถือเป็นประนีประนอม หากไม่มีหลักฐานการชำระหนี้ครบถ้วน การต่อสู้เรื่องปลดหนี้ต้องมีหลักฐาน
โจทก์เคยฟ้องจำเลยให้ชำระเงินตามสัญญากู้ เป็นเงิน 10,000 บาท แล้วโจทก์ขอถอนฟ้องคดีนั้นเสีย โดยโจทก์บรรยายในคำร้องขอถอนฟ้องว่า "จำเลยได้มาขอความตกลงโดยยอมชำระหนี้ให้แล้วจึงหมดความจำเป็นที่จะดำเนินคดีต่อไป โจทก์จึงขอถอนฟ้อง" ครั้นเมื่อศาลอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องไปแล้ว ต่อมาโจทก์มาฟ้องจำเลยใหม่ โดยอ้างว่าจำเลยชำระเงินให้เพียง 8400 บาท ยังมิได้ชำระอีก 1600 บาท จึงขอให้ศาลบังคับ ดังนี้ จะถือว่าถ้อยคำที่โจทก์บรรยายมาในคำร้องขอถอนฟ้องเป็นการประณีประนอมไม่ได้ เพราะไม่มีความหมายว่า จำเลยได้ชำระหนี้ให้เสร็จสิ้นแล้ว หรือว่าได้มีความตกลงเป็นสัญญาประนีประนอมกันขึ้นแล้วหากจำเลยจะต่อสู้ว่า โจทก์ตกลงยอมรับชำระหนี้เพียง 8400 บาท ก็เป็นเรื่อง ต่อสู้ขอปลดหนี้ ต้องบังคับตามมาตรา 340
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1362/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนฟ้องแล้วฟ้องใหม่: ถ้อยคำในคำร้องไม่ใช่การประนีประนอมและจำเลยต้องมีหลักฐานการปลดหนี้
โจทก์เคยฟ้องจำเลยให้ชำระเงินตามสัญญากู้ เป็นเงิน 10,000 บาท แล้วโจทก์ขอถอนฟ้องคดีนั้นเสีย โดยโจทก์บรรยายในคำร้องขอถอนฟ้องว่า "จำเลยได้มาขอความตกลงโดยยอมชำระหนี้ให้แล้วจึงหมดความจำเป็นที่จะดำเนินคดีต่อไป โจทก์จึงขอถอนฟ้อง" ครั้นเมื่อศาลอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องไปแล้ว ต่อมาโจทก์มาฟ้องจำเลยใหม่ โดยอ้างว่าจำเลยชำระเงินให้เพียง 8400 บาท ยังมิได้ชำระอีก 1600 บาท จึงขอให้ศาลบังคับ ดังนี้ จะถือว่าถ้อยคำที่โจทก์บรรยายมาในคำร้องขอถอนฟ้องเป็นการประณีประนอมไม่ได้เพราะไม่มีความหมายว่า จำเลยได้ชำระหนี้ให้เสร็จสิ้นแล้ว หรือว่าได้มีความตกลงเป็นสัญญาประนีประนอมกันขึ้นแล้ว หากจำเลยจะต่อสู้ว่า โจทก์ตกลงยอมรับชำระหนี้เพียง 8400 บาทก็เป็นเรื่อง ต่อสู้ขอปลดหนี้ ต้องบังคับตามมาตรา 340
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1358-1359/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของอาคารไม่ต้องรับผิดชอบความเสียหาย หากผู้เช่าขัดขวางการซ่อมแซมและปล่อยปละละเลยจนเกิดเหตุ
ผู้เป็นเจ้าของอาคารได้พยายามที่จะซ่อมแซมอาคารของตนที่ชำรุดทรุดโทรม แต่ผู้เช่าซึ่งครองอาคารอยู่ขัดขวาง ไม่ยอมออกจากอาคาร จึงทำการซ่อมไม่ได้ เจ้าของอาคารจึงขายอาคารให้จำเลย เมื่อตกมาเป็นของจำเลยแล้ว จำเลยก็ยังพยายามที่จะหาทางรื้อถอนเพื่อป้องกันอันตรายอันอาจมีขึ้น แต่ผู้เช่าก็คงขัดขวางเช่นเดิมจำเลยร้องต่อกรมการอำเภอ แต่ทางอำเภอก็ไม่อาจช่วยจัดการให้ได้ มิหนำซ้ำผู้เช่ายังไปรับรองต่ออำเภออีกว่าถ้าเกิดความเสียหายใดๆ ขึ้น ผู้เช่าจะเป็นผู้รับผิดชอบเอง แต่แล้วผู้เช่าก็หาได้จัดการบำบัดปัดเป่า เพื่อมิให้เกิดอันตรายขึ้นอย่างใดไม่ คงปล่อยทิ้งไว้ จนกระทั่งฝาผนังตึกพังลงมาทับตึกของโจทก์เสียหาย ดังนี้ จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของอาคารที่พัง ไม่จำต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นตามที่บัญญัติไว้ใน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 434
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1358-1359/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของอาคารไม่ต้องรับผิดชอบความเสียหาย หากผู้เช่าขัดขวางการซ่อมแซมและไม่บำรุงรักษา จนเกิดอันตราย
ผู้เป็นเจ้าของอาคารได้พยายามที่จะซ่อมแซมอาคารของตนที่ชำรุดทรุดโทรม แต่ผู้เช่าซึ่งครองอาคารอยู่ขัดขวาง ไม่ยอมออกจากอาคาร จึงทำการซ่อมไม่ได้ เจ้าของอาคารจึงขายอาคารให้จำเลย เมื่อตกมาเป็นของจำเลยแล้ว จำเลยก็ยังพยายามที่จะหาทางรื้อถอนเพื่อป้องกันอันตรายอันอาจมีขึ้นแต่ผู้เช่าก็คงขัดขวางเช่นเดิมจำเลยร้องต่อกรมการอำเภอ แต่ทางอำเภอก็ไม่อาจช่วยจัดการให้ได้ มิหนำซ้ำผู้เช่ายังไปรับรองต่ออำเภออีกว่าถ้าเกิดความเสียหายใด ๆ ขึ้น ผู้เช่าจะเป็นผู้รับผิดชอบเอง แต่แล้วผู้เช่าก็หาได้จัดการบำบัดเป่า เพื่อมิให้เกิดอันตรายขึ้นอย่างใดไม่คงปล่อยทิ้งไว้ จนกระทั่งฝาผนังตึกพังลงมาทับตึกของโจทก์เสียหาย ดังนี้ จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของอาคารที่พัง ไมจำต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นตามที่บัญญัติไว้ใน ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 424
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1357/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการฟ้องเพิกถอนการประชุมสภาเทศบาล: ไม่มีสิทธิฟ้องหากกฎหมายไม่ได้บัญญัติไว้
สมาชิกสภาเทศบาลหรือราษฎรในท้องถิ่นนั้น ไม่มีสิทธิที่จะมาร้องหรือฟ้องศาลขอให้เพิกถอนการประชุมสภาเทศบาล โดยอ้างว่าเป็นการกระทำฝ่าฝืน พ.ร.บ.เทศบาล พ.ศ. 2496 เพราะ พ.ร.บ.เทศบาล พ.ศ. 2496 หาได้มีบทบัญญัติให้บุคคลใช้สิทธิทางศาลในเรื่องนี้ไว้แต่อย่างไรเลย กรณีต่างกับในเรื่องเลือกตั้ง ซึ่งมีบทบัญญัติให้สิทธิเช่นนี้ไว้ หรือแม้แต่ในเรื่องหุ้นส่วนบริษัทก็ยังมี ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 1195 ให้ศาลถอนมติของที่ประชุมที่ฝ่าฝืนกฎหมายหรือข้อบังคับของบริษัทได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1357/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการฟ้องเพิกถอนมติสภาเทศบาล: สมาชิกสภาไม่มีสิทธิฟ้องร้องหากกฎหมายไม่ได้ให้สิทธิไว้
สมาชิกสภาเทศบาลหรือราษฎรในท้องถิ่นนั้น ไม่มีสิทธิที่จะมาร้องหรือฟ้องศาลขอให้เพิกถอนการประชุมสภาเทศบาล โดยอ้างว่าเป็นการกระทำฝ่าฝืน พระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ.2496 เพราะพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ.2496 หาได้มีบทบัญญัติให้บุคคลใช้สิทธิทางศาลในเรื่องนี้ไว้แต่อย่างไรเลย กรณีต่างกับในเรื่องเลือกตั้ง ซึ่งมีบทบัญญัติให้สิทธิเช่นนี้ไว้หรือแม้แต่ในเรื่องหุ้นส่วนบริษัทก็ยังมีประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1195 ให้ศาลถอนมติของที่ประชุมที่ฝ่าฝืนกฎหมายหรือข้อบังคับของบริษัทได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1355/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนทรัพย์สินสินสมรสเพื่อชำระหนี้ระหว่างคดี: จำเลยไม่สามารถโอนได้โดยสมบูรณ์หากโจทก์ไม่ยินยอม
ระหว่างคดีที่ภริยาฟ้องหย่าและแบ่งสินบริคณห์สามีทำยอมความเอาที่ดินสินสมรสใช้หนี้ในคดีที่มีผู้ฟ้องสามีเป็นจำเลย โดยภริยาไม่ได้ยินยอมด้วย สามีจะโอนที่ดินไปโดยสมบูรณ์ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1350/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อกับเช่าทรัพย์เป็นคนละประเภทกัน ไม่อาจนำบทบัญญัติกฎหมายว่าด้วยการเช่าทรัพย์มาใช้บังคับกับสัญญาเช่าซื้อได้
การเช่าซื้อกับเช่าทรัพย์เป็นเอกเทศสัญญาคนละประเภทจะนำพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขันไปใช้ในการเช่าซื้อไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1346/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบเรือของกลางในคดีฝิ่น: ศาลฎีกายกฎีกาโจทก์ เหตุข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าเรือเป็นของใช้ในการกระทำผิด
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันว่า จำเลยมีฝิ่นไว้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน ให้จำคุกจำเลยไว้ 1 ปี 6 เดือนและปรับ 4,662,000 บาท ฝิ่นของกลางให้ริบ ส่วนเรือของกลาง ไม่ใช่ของใช้ในการกระทำผิดคือมีไว้ซึ่งฝิ่นโดยตรง ไม่ใช่ของควรริบ ให้คืนให้จำเลยไป ดังนี้ โจทก์จะฎีกาโต้เถียงว่า เรือเป็นของที่ใช้ในการกระทำผิดไม่ได้ ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง