คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ดุลยการณ์โกวิท

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,606 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 396/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเงินกู้ที่มีประกันทรัพย์สินมูลค่าสูงกว่าหนี้ เป็นโมฆะตาม ป.พ.พ. มาตรา 656
กู้เงินแล้วมอบที่ดินมีโฉนดให้ทำต่างดอกเบี้ย ตกลงกันว่าถ้าไม่ใช้เงินคืนภายใน 3 เดือน โอนที่ดินที่ประกันให้เป็นกรรมสิทธิแก่ผู้ให้กู้ ดังนี้ เป็นเรื่องสัญญากู้ธรรมดานั่นเอง หาใช่เป็นสัญญาจะซื้อขายที่ดินไม่ แม้จะพ้นกำหนด 3 เดือนแล้ว ไม่ใช้เงินคืนก็ตามเมื่อปรากฎว่ากู้กันเพียง 1000 บาท ส่วนที่ดินที่ประกันมีราคา 3000 บาท ผู้ให้กู้จะเอาที่ดินที่ประกันตามสัญญากันไว้ไม่ได้ ข้อตกลงเช่นนี้เป็นโมฆะตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 656 วรรค 3./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 395/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของฟ้องคดีลักทรัพย์-รับของโจร การระบุวันเวลาทำผิดชัดเจนเพียงพอต่อการดำเนินคดี
ฟ้องบรรยายว่า เมื่อเวลาค่ำคืนระหว่างวันที่ 6 - 7 พฤศจิกายน 2494 คนร้ายได้ลักทรัพย์ของผู้เสียหายไป ต่อมาวัน
ที่ 7 เดือนเดียวกัน เวลากลางวัน จับของกลางได้ที่ลิ้นชักตู้ของจำเลยทั้งนี้โดยจำเลยเป็นคนร้ายลักทรัพย์นั้นมาร หรือมิฉะนั้นจำเลยก็รับเอาทรัพย์ดังกล่าวแล้ว ไว้จากโจรโดยรู้ว่าเป็นของร้ายได้มาจากการกระทำผิดกฎหมาย ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญา มาตรา 293, 294, 321 คงถือได้ว่า ฟ้องดังกล่าวได้มีวันเดือนปีที่หาว่าจำเลยทำ
ผิดไว้แล้ว เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 158(5) แล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 395/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญา: การระบุวันเวลาการกระทำผิดและการรับของโจร
ฟ้องบรรยายว่า เมื่อเวลาค่ำคืนระหว่างวันที่ 6-7พฤศจิกายน2494 คนร้ายได้ลักทรัพย์ของผู้เสียหายไปต่อมาวันที่ 7 เดือนเดียวกัน เวลากลางวัน จับของกลางได้ที่ลิ้นชักตู้ของจำเลยทั้งนี้โดยจำเลยเป็นคนร้ายลักทรัพย์นั้นมา หรือมิฉะนั้นจำเลยก็รับเอาทรัพย์ดังกล่าวแล้ว ไว้จากโจรโดยรู้ว่าเป็นของร้ายได้มาจากการกระทำผิดกฎหมายขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 293,294,321คงถือได้ว่า ฟ้องดังกล่าวได้มีวันเดือนปีที่หาว่าจำเลยทำผิดไว้แล้วเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 392/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้จ้างวานให้ผู้อื่นกระทำผิด: การกระทำยังอยู่ในชั้นเตรียมการ ไม่ถึงขั้นความผิดตามมาตรา 174
จำเลยใช้ให้คนผู้หนึ่งไปเป็นผู้ว่าจ้างคนอื่น ให้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ที่จำเลยโกรธเคืองให้ถึงแก่ความตายดังนี้ เมื่อผู้ที่รับใช้รู้สึกสำนึกตัวกลัวความผิดไม่ไปจ้างคนตามที่จำเลยใช้เช่นนี้ ถือได้ว่าจำเลยมิได้ใช้ให้ผู้นั้นกระทำความผิดด้วยตนเองโดยตรงเป็นแต่ให้ผู้นั้นหาจ้างคนมากระทำความผิดอีกชั้นหนึ่งซึ่งเท่ากับใช้ให้ผู้นั้นไปกระทำความผิดตามมาตรา 174 นั่นเองจึงอยู่ในขั้นเตรียมการ ยังห่างไกลต่อผลมาก จำเลยย่อมไม่มีความผิดตามมาตรา 174 วรรค 1

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 392/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ผู้อื่นจ้างวานฆ่า: อยู่ในชั้นเตรียมการ ไม่ถึงแก่ความผิดตาม ม.174 วรรค 1
จำเลยใช้ให้คนผู้หนึ่งไปเป็นผู้ว่าจ้างคนอื่น ให้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ที่จำเลยโกรธเคืองให้ถึงแก่ความตาย ดังนี้ เมื่อผู้ที่รับใช้รู้สึกสำนึกตัวกลัวความผิดไม่ไปจ้างคนตามที่จำเลยใช้ เช่นนี้ ถือได้ว่าจำเลยมิได้ใช้ใช้ผู้นั้นกระทำความผิดด้วยตนเองโดยตรง เป็นแต่ให้ผู้นั้นหาจ้างคนมากระทำความผิดอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งเท่ากับใช้ให้ผู้นั้นไปกระทำความผิดตามมาตรา 174 นั่นเอง จึงอยู่ในชั้นเตรียมการ ยังห่างไกลต่อผลมา จำเลยย่อมไม่มีความผิดตามมาตรา 174 วรรค 1./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 390/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีขับไล่หมดความจำเป็นเมื่อจำเลยและบริวารออกจากที่ดินและรื้อสิ่งปลูกสร้างแล้ว
ในคดีที่ศาลพิพากษาให้จำเลยกับบริวารออกจากสถานที่เช่าของโจทก์ โจทก์ได้ขอบังคับคดี ขอให้ศาลขับไล่บุคคลที่อยู่ในสถานที่เช่าอ้างว่าเป็นบริวารของจำเลย บุคคลในจำนวนนั้นบางคนยื่นคำร้องคัดค้านว่า ไม่ใช่บริวารของจำเลย แต่เป็นผู้เช่าช่วงได้โต้เถียงกันขึ้นมาจนถึงศาลฎีกา จึงปรากฏว่าจำเลยและบริวารทั้งหลายได้ออกไปจากที่ดินของโจทก์และสิ่งก่อสร้างทั้งหลายโจทก์ก็ได้รื้อออกหมดแล้ว ดังนี้ ศาลไม่จำต้องออกหมายบังคับให้เพราะการบังคับคดีเรื่องขับไล่ออกจากสิ่งก่อสร้างหมดความจำเป็นที่จะต้องสั่งอย่างใดแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 390/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีขับไล่สิ้นผลเมื่อจำเลยและบริวารออกจากที่ดินและรื้อสิ่งปลูกสร้างแล้ว
ในคดีที่ศาลพิพากษาให้จำเลยกับบริวารออกจากสถานที่เช่าของโจทก์ โจทก์ได้ขอบังคับคดี ขอให้ศาลขับไล่บุคคลที่
อยู่ในสถานที่เช่า อ้างว่าเป็นบริวารของจำเลย บุคคลในจำนวนนั้นบางคนยื่นคำร้องคัดค้านว่า ไม่ใช่บริวารของจำเลย แต่เป็นผู้เช่าช่วง ได้โต้เถียงกันขึ้นมาจนถึงศาลฎีกา จึงปรากฎว่าจำเลยและบริวารทั้งหลายได้ออกไปจากที่ดินของโจทก์ และสิ่งก่อสร้างทั้งหลายโจทก์ก็ได้รื้อออกหมดแล้ว ดังนี้ ศาลไม่จำต้องออกหมายบังคับให้ เพราะการบังคับคดีเรื่องขับไล่ออกจากสิ่งก่อสร้างหมดความจำเป็นที่จะต้องสั่งอย่างใดแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 380/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีแทนผู้เสมือนไร้ความสามารถ: ผู้พิทักษ์ไม่มีอำนาจฟ้องแทน เว้นแต่กรณีที่ต้องได้รับความยินยอม
ผู้เสมือนไร้ความสามารถยังสามารถประกอบกิจการต่างๆ ได้ด้วยตนเอง เว้นแต่ในบางกรณีจะต้องได้รับความยินยอมจากผู้พิทักษ์เสียก่อนเท่านั้นฉะนั้นผู้พิทักษ์จึงหามีอำนาจฟ้องคดีแทนผู้เสมือนไร้ความสามารถได้ไม่
(อ้างฎีกาที่ 666/2495)
เรื่องอำนาจฟ้องเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นต่อสู้ ศาลก็ควรยกขึ้นวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 380/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีแทนผู้เสมือนไร้ความสามารถ: ผู้พิทักษ์ไม่มีอำนาจฟ้องแทนโดยตรง
ผู้เสมือนไร้ความสามารถยังสามารถประกอบกิจการต่าง ๆได้ด้วยตนเอง เว้นแต่ในบางกรณีจะต้องได้รับความยินยอมจากผู้พิทักษ์เสียก่อนเท่านั้น ฉะนั้นผู้พิทักษ์จึงหามีอำนาจฟ้องคดีแทนผู้เสมือนไร้ความสามารถได้ไม่.
(อ้างฎีกาที่ 666/2495)
เรื่องอำนาจฟ้องเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นต่อสู้ ศาลก็ควรยกขึ้นวินิจฉัย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 315/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซ่อมแซมแล้วเข้าอยู่: สิทธิผู้เช่ายังคงมีอยู่แม้คนกลางปฏิเสธกำหนดค่าเช่า ผู้ให้เช่าผิดสัญญาเมื่อให้ผู้อื่นเช่า
ผู้เช่าและผู้ให้เช่าทำสัญญายอมความกันว่า ผู้เช่ายอมออกจากห้องเช่าชั่วคราวเพื่อให้เจ้าของห้อง คือผู้ให้เช่าทำการซ่อมแซมห้องเช่าเมื่อซ่อมแล้ว ผู้ให้เช่ายอมให้ผู้เช่าเข้ามาอยู่ในห้องที่เคยเช่าได้ ส่วนอัตราค่าเช่าตกลงกันให้คนกลางกำหนด ดังนี้ เป็นสัญญากันครบถ้วนตั้งแต่วันทำสัญญายอมความกันแล้ว
แม้คนกลางจะไม่ยอมเป็นผู้กำหนดอัตราค่าเช่าให้สิทธิของผู้เช่าที่จะเข้าอยู่ในห้องพิพาทก็ยังคงมีอยู่ส่วนอัตราค่าเช่าคู่กรณีมีทางที่จะขอให้ศาลชี้ขาดได้ฉะนั้นเมื่อฝ่ายผู้ให้เช่าได้นำห้องพิพาทไปให้ผู้อื่นเช่าเสียผู้ให้เช่าจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา แต่ผู้เช่าจะฟ้องศาลขอเข้าอยู่ในห้องพิพาทนั้นบุคคลภายนอกได้เข้าอยู่เสียแล้วจึงเป็นเรื่องวัตถุแห่งหนี้ ไม่เปิดช่องให้บังคับได้ผู้เช่าคงฟ้องได้แต่เรียกค่าเสียหายจากผู้ให้เช่า
of 161