พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,606 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 283/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองไม้แปรรูปเกินปริมาณที่กฎหมายกำหนดในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ และไม้ของกลางต้องริบ
จำเลยมีไม้แปรรูป จำนวนเกิน 0.20 ลูกบาศก์เมตรไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ เป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 48 ไม้แปรรูปของกลางจึงต้องริบตามมาตรา 74
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 283/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองไม้แปรรูปเกินขนาดโดยไม่ได้รับอนุญาตในเขตควบคุม เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ ไม้ต้องริบ
จำเลยมีไม้แปรรูป จำนวนเกิน 0.20 เมตรลูกบาศก์ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตในเขตควบคุมแปรรูปไม้ เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48 ไม้แปรรูปของกลางจึงต้องริบตามมาตรา 74./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 200/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกู้ยืมเงินและจำนำ: หลักฐานเป็นหนังสือสำคัญเมื่อมูลหนี้เกิน 50 บาท
เอาเงินเขาไปแล้วมอบทองรูปพรรณให้ไว้เป็นประกันนั้นแม้การมอบทองรูปพรรณให้ไว้จะเป็นจำนำ ซึ่งอาจบังคับกันได้โดยไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือก็ดีแต่ถ้าได้บังคับจำนำกันแล้ว ได้เงินไม่พอชำระต้นเงินและดอกเบี้ยจึงต้องมาฟ้องร้องขอให้บังคับชำระเงินที่ยังขาดอยู่แล้วก็เท่ากับฟ้องร้องให้ชำระหนี้เงินที่กู้ยืมไปนั่นเองถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญแล้วก็จะฟ้องร้องให้บังคับคดีไม่ได้(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2496)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 200/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกู้ยืมเงินและจำนำ: การบังคับจำนำแล้วฟ้องชำระหนี้เงินกู้ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ
เอาเงินเขาไปแล้วมอบทองรูปพรรณให้ไว้เป็นประกันนั้น แม้การมอบทองรูปพรรม์ให้ไว้จะเป็นจำนำ ซึ่งอาจบังคับ
กันได้โดยไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือก็ดี แต่ถ้าได้บังคับจำนำกันแล้ว ได้เงินไม่พอชำระต้นเงินและดอกเบี้ย จึง
ต้องมาฟ้องร้องขอให้บังคับชำระเงินที่ยังขาดอยู่แล้ว ก็เท่ากับฟ้องร้องให้ชำระหนี้เงินที่กู้ยืมไปนั่นเอง ถ้ามิได้มีหลัก
ฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญแล้ว ก็จะฟ้องร้องให้บังคับคดีไม่ได้./
(ประชุมใหญ่)
กันได้โดยไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือก็ดี แต่ถ้าได้บังคับจำนำกันแล้ว ได้เงินไม่พอชำระต้นเงินและดอกเบี้ย จึง
ต้องมาฟ้องร้องขอให้บังคับชำระเงินที่ยังขาดอยู่แล้ว ก็เท่ากับฟ้องร้องให้ชำระหนี้เงินที่กู้ยืมไปนั่นเอง ถ้ามิได้มีหลัก
ฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญแล้ว ก็จะฟ้องร้องให้บังคับคดีไม่ได้./
(ประชุมใหญ่)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 198/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานพนันสลากกินรวบ: การกระทำความผิดสำเร็จเมื่อขายสลาก และการฟ้องไม่เคลือบคลุม
โจทก์ฟ้องบรรยายว่าจำเลยลักเล่นการพนักนสลากกินรวบ พนันเอาทรัพย์สินกัน ขอให้ลงโทษ ดังนี้ ไม่เป็นฟ้อง
เคลือบคลุม เพราะการเล่นการพนันสลากกินรวบนั้น เป็นการพนันประเภท 1 ที่ได้ระบุไว้ใน พ.ร.บ.การพนันแล้ว
ส่วนที่ว่าการพนันสลากกินรวบเล่นกันอย่างใดนั้นเป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์จะนำสืบในเวลาพิจารณาได้ ไม่จำต้องบรรยายมาในฟ้อง.
ในฟ้องโจทก์บรรยายมาด้วยว่า จำเลยเคยต้องโทษฐานเล่นการพนันมาแล้ว พ้นโทษไปยังไม่เกิน 3 ปี และอ้าง
พ.ร.บ.การพนัน (ฉะบับที่ 3) พ.ศ. 2485 มาตรา 3 ซึ่งเป็นบทเพิ่มโทษมาด้วย แม้จะไม่มีคำขอให้เพิ่มโทษจำเลย ก็ถือได้ว่าโจทก์ฟ้องขอให้เพิ่มโทษจำเลยมาด้วยแล้ว ศาลย่อมพิพากษาให้เพิ่มโทษจำเลยตามกฎหมายที่กล่าวได้.
โจทก์นำสืบวิธีเล่นได้ว่า จำเลยขายสลากให้แก่ผู้ซื้อ โดยถือเอาเลขท้าย 3 ตัวของรางวัลที่ 1 ของสลากกินแบ่งรัฐบาล
งวดที่จะออกต่อไปเป็นหลักแพ้ชนะ ถ้าเลขสลากที่ผู้ซื้อตรงกับเลขท้าย 3 ตัวที่ออก ผู้ขายก็จะต้องใช้เงินให้ผู้ซื้อ ดังนี้
ฟังได้ว่า จำเลยเป็นเจ้ามือเล่นการพนันสลากกินรวบแล้ว และแม้ว่า จำเลยจะถูกจับเสียก่อนวันที่สลากกินแบ่งใน
งวดนั้นจะออกก็ดี ก็ถือได้ว่าเป็นความผิดสำเร็จแล้ว ตั้งแต่เมื่อจำเลยขายสลากให้แก่ผู้ซื้อไป./
เคลือบคลุม เพราะการเล่นการพนันสลากกินรวบนั้น เป็นการพนันประเภท 1 ที่ได้ระบุไว้ใน พ.ร.บ.การพนันแล้ว
ส่วนที่ว่าการพนันสลากกินรวบเล่นกันอย่างใดนั้นเป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์จะนำสืบในเวลาพิจารณาได้ ไม่จำต้องบรรยายมาในฟ้อง.
ในฟ้องโจทก์บรรยายมาด้วยว่า จำเลยเคยต้องโทษฐานเล่นการพนันมาแล้ว พ้นโทษไปยังไม่เกิน 3 ปี และอ้าง
พ.ร.บ.การพนัน (ฉะบับที่ 3) พ.ศ. 2485 มาตรา 3 ซึ่งเป็นบทเพิ่มโทษมาด้วย แม้จะไม่มีคำขอให้เพิ่มโทษจำเลย ก็ถือได้ว่าโจทก์ฟ้องขอให้เพิ่มโทษจำเลยมาด้วยแล้ว ศาลย่อมพิพากษาให้เพิ่มโทษจำเลยตามกฎหมายที่กล่าวได้.
โจทก์นำสืบวิธีเล่นได้ว่า จำเลยขายสลากให้แก่ผู้ซื้อ โดยถือเอาเลขท้าย 3 ตัวของรางวัลที่ 1 ของสลากกินแบ่งรัฐบาล
งวดที่จะออกต่อไปเป็นหลักแพ้ชนะ ถ้าเลขสลากที่ผู้ซื้อตรงกับเลขท้าย 3 ตัวที่ออก ผู้ขายก็จะต้องใช้เงินให้ผู้ซื้อ ดังนี้
ฟังได้ว่า จำเลยเป็นเจ้ามือเล่นการพนันสลากกินรวบแล้ว และแม้ว่า จำเลยจะถูกจับเสียก่อนวันที่สลากกินแบ่งใน
งวดนั้นจะออกก็ดี ก็ถือได้ว่าเป็นความผิดสำเร็จแล้ว ตั้งแต่เมื่อจำเลยขายสลากให้แก่ผู้ซื้อไป./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 198/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพนันสลากกินรวบ: ความผิดสำเร็จเมื่อขายสลาก และการเพิ่มโทษผู้กระทำผิดซ้ำ
โจทก์ฟ้องบรรยายว่าจำเลยลักเล่นการพนันสลากกินรวบพนันเอาทรัพย์สินกัน ขอให้ลงโทษดังนี้ ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุมเพราะการเล่นการพนันสลากกินรวบนั้น เป็นการพนันประเภท 1 ที่ได้ระบุไว้ในพ.ร.บ.การพนันแล้ว ส่วนที่ว่าการพนันสลากกินรวบเล่นกันอย่างใดนั้นเป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์จะนำสืบในเวลาพิจารณาได้ ไม่จำต้องบรรยายมาในฟ้อง
ในฟ้องโจทก์บรรยายมาด้วยว่า จำเลยเคยต้องโทษฐานเล่นการพนันมาแล้ว พ้นโทษไปยังไม่เกิน 3 ปีและอ้าง พ.ร.บ.การพนัน(ฉบับที่ 3) พ.ศ.2485 มาตรา3 ซึ่งเป็นบทเพิ่มโทษมาด้วยแม้จะไม่มีคำขอให้เพิ่มโทษจำเลยก็ถือได้ว่าโจทก์ฟ้องขอให้เพิ่มโทษจำเลยมาด้วยแล้ว ศาลย่อมพิพากษาให้เพิ่มโทษจำเลยตามกฎหมายที่กล่าวได้
โจทก์นำสืบวิธีเล่นได้ว่า จำเลยขายสลากให้แก่ผู้ซื้อโดยถือเอาเลขท้าย 3 ตัวของรางวัลที่ 1 ของสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดที่จะออกต่อไปเป็นหลักแพ้ชนะถ้าเลขสลากที่ผู้ซื้อตรงกับเลขท้าย 3 ตัวที่ออก ผู้ขายก็จะต้องใช้เงินให้ผู้ซื้อดังนี้ ฟังได้ว่า จำเลยเป็นเจ้ามือเล่นการพนันสลากกินรวบแล้วและแม้ว่า จำเลยจะถูกจับเสียก่อนวันที่สลากกินแบ่งในงวดนั้นจะออกก็ดีก็ถือได้ว่าเป็นความผิดสำเร็จแล้ว ตั้งแต่เมื่อจำเลยขายสลากให้แก่ผู้ซื้อไป
ในฟ้องโจทก์บรรยายมาด้วยว่า จำเลยเคยต้องโทษฐานเล่นการพนันมาแล้ว พ้นโทษไปยังไม่เกิน 3 ปีและอ้าง พ.ร.บ.การพนัน(ฉบับที่ 3) พ.ศ.2485 มาตรา3 ซึ่งเป็นบทเพิ่มโทษมาด้วยแม้จะไม่มีคำขอให้เพิ่มโทษจำเลยก็ถือได้ว่าโจทก์ฟ้องขอให้เพิ่มโทษจำเลยมาด้วยแล้ว ศาลย่อมพิพากษาให้เพิ่มโทษจำเลยตามกฎหมายที่กล่าวได้
โจทก์นำสืบวิธีเล่นได้ว่า จำเลยขายสลากให้แก่ผู้ซื้อโดยถือเอาเลขท้าย 3 ตัวของรางวัลที่ 1 ของสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดที่จะออกต่อไปเป็นหลักแพ้ชนะถ้าเลขสลากที่ผู้ซื้อตรงกับเลขท้าย 3 ตัวที่ออก ผู้ขายก็จะต้องใช้เงินให้ผู้ซื้อดังนี้ ฟังได้ว่า จำเลยเป็นเจ้ามือเล่นการพนันสลากกินรวบแล้วและแม้ว่า จำเลยจะถูกจับเสียก่อนวันที่สลากกินแบ่งในงวดนั้นจะออกก็ดีก็ถือได้ว่าเป็นความผิดสำเร็จแล้ว ตั้งแต่เมื่อจำเลยขายสลากให้แก่ผู้ซื้อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 197/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ป้องกันตัวจากการถูกทำร้ายต่อเนื่อง แม้จมน้ำแล้ว ศาลยกฟ้อง
จำเลยไม่ได้เป็นผู้ก่อเหตุขึ้นก่อน แต่ผู้ตายเข้าใจว่าจำเลยตีภริยาตน จึงเกิดโทษะชักมีดวิ่งมาทำร้ายจำเลย ถึงกับ
กระโดดจากสพานน้ำไปหาจำเลยในเรือแล้วตกลงไปในน้ำด้วยกัน ผู้ตายโผกอดปล้ำเอามีดทำร้ายจำเลยมีบาดเจ็บ
ถึง 4 แห่ง จนจมน้ำไปด้วยกัน เมื่อต่างโผล่ขึ้นมาแล้วจำเลยจะต้องนึกรู้ว่าตนจะถูกทำร้ายอีก และจำเลยกำลังอ่อน
เพลียเพราะต้องจมน้ำ และน้ำตรงนั้นก็ลึกหยั่งไม่ถึง จะหลีกเลี่ยงด้วยวิธีอื่นไม่ได้ จำเลยจึงยิงผู้ตาย ตาย ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นการป้องกันตัวที่ไม่เกินสมควรแก่เหตุ ควรได้รับยกเว้นโทษตามมาตรา 50.
กระโดดจากสพานน้ำไปหาจำเลยในเรือแล้วตกลงไปในน้ำด้วยกัน ผู้ตายโผกอดปล้ำเอามีดทำร้ายจำเลยมีบาดเจ็บ
ถึง 4 แห่ง จนจมน้ำไปด้วยกัน เมื่อต่างโผล่ขึ้นมาแล้วจำเลยจะต้องนึกรู้ว่าตนจะถูกทำร้ายอีก และจำเลยกำลังอ่อน
เพลียเพราะต้องจมน้ำ และน้ำตรงนั้นก็ลึกหยั่งไม่ถึง จะหลีกเลี่ยงด้วยวิธีอื่นไม่ได้ จำเลยจึงยิงผู้ตาย ตาย ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นการป้องกันตัวที่ไม่เกินสมควรแก่เหตุ ควรได้รับยกเว้นโทษตามมาตรา 50.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 197/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวโดยชอบธรรม: เหตุทำร้ายเกิดขึ้นก่อน, จำเลยตกอยู่ในภาวะอันตราย, และการใช้สิทธิป้องกันตัวที่สมควร
จำเลยไม่ได้เป็นผู้ก่อเหตุขึ้นก่อนแต่ผู้ตายเข้าใจว่าจำเลยตีภริยาตนจึงเกิดโทสะชักมีดวิ่งมาทำร้ายจำเลย ถึงกับกระโดดจากสะพานน้ำไปหาจำเลยในเรือแล้วตกลงไปในน้ำด้วยกันผู้ตายโผกอดปล้ำเอามีดทำร้ายจำเลยมีบาดเจ็บถึง 4 แห่ง จนจมน้ำไปด้วยกัน เมื่อต่างโผล่ขึ้นมาแล้วจำเลยจะต้องนึกรู้ว่าตนจะถูกทำร้ายอีกและจำเลยกำลังอ่อนเพลียเพราะต้องจมน้ำ และน้ำตรงนั้นก็ลึกหยั่งไม่ถึงจะหลีกเลี่ยงด้วยวิธีอื่นไม่ได้ จำเลยจึงยิงผู้ตายตาย ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นการป้องกันตัวที่ไม่เกินสมควรแก่เหตุ ควรได้รับยกเว้นโทษตามมาตรา 50
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 184/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เงินบำรุงท้องที่เป็นเงินของแผ่นดิน ยักยอกเป็นความผิดทางอาญา ไม่ต้องรอการร้องทุกข์
เงินบำรุงท้องที่เป็นเงินที่ทางรัฐให้เรียกเก็บเพื่อใช้จ่ายบำรุงความผาสุกของราษฎรในท้องที่ ผู้ใดไม่เสียเจ้าพนักงานอาจยึดทรัพย์สินมาขายทอดตลาดเอาเงินชำระได้ฉะนั้นเมื่อเจ้าพนักงานเรียกเก็บเงินนี้มาจากราษฎรได้แล้ว เงินนี้ก็เป็นเงินของแผ่นดินหาใช่เงินของราษฎรที่เสียภาษีแต่ละคนไม่ และเมื่อสมุห์บัญชีอำเภอรับเงินนี้ไว้จากราษฎรในฐานที่เป็นสมุห์บัญชีอำเภอสมุห์บัญชีอำเภอก็มีหน้าที่รับผิดชอบปกครองดูแลรักษาเงินนี้ไว้เมื่อสมุห์บัญชีอำเภอยักยอกเงินนี้ไป ก็ย่อมมีผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 131 และในการดำเนินคดี ก็ไม่จำต้องให้ราษฎรเจ้าของเงินมาร้องทุกข์ขอให้ดำเนินคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 184/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ยักยอกเงินบำรุงท้องที่: เงินแผ่นดิน, หน้าที่ปกครองดูแลรักษา, ไม่ต้องมีผู้ร้องทุกข์
เงินบำรุงท้องที่เป็นเงินที่รัฐให้เรียกเก็บเพื่อใช้จ่ายบำรุงความผาสุขของราษฎรในท้องที่ ผู้ใดไม่เสีย เจ้าพนักงานอาจยึดทรัพย์สินมาขายทอดตลาดเอางเงินชำระได้ ฉะนั้นเมื่อเจ้าพนักงานเรียกเก็บเงินนี้มาจาก
ราษฎรได้แล้ว เงินนี้ก็เป็นเงินของแผ่นดิน หาใช่เงินของราษฎรที่เสียภาษีแต่ละคนไม่ และเมื่อสมุห์บัญชีอำเภอรับ
เงินนี้ไว้จากราษฎรในฐานที่เป็นสมุห์บัญชีอำเภอ สมุห์บัญชีอำเภอก็มีหน้าที่รับผิดชอบปกครองดูแลรักษาเงินนี้ไว้
เมื่อสมุห์บัญชีอำเภอยักยอกเงินนี้ไป ก็ย่อมมีผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 131 และในการดำเนินคดี ก็ไม่จำเป็นให้ราษฎรเจ้าของเงินมาร้องทุกข็ขอให้ดำเนินคดี./
ราษฎรได้แล้ว เงินนี้ก็เป็นเงินของแผ่นดิน หาใช่เงินของราษฎรที่เสียภาษีแต่ละคนไม่ และเมื่อสมุห์บัญชีอำเภอรับ
เงินนี้ไว้จากราษฎรในฐานที่เป็นสมุห์บัญชีอำเภอ สมุห์บัญชีอำเภอก็มีหน้าที่รับผิดชอบปกครองดูแลรักษาเงินนี้ไว้
เมื่อสมุห์บัญชีอำเภอยักยอกเงินนี้ไป ก็ย่อมมีผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 131 และในการดำเนินคดี ก็ไม่จำเป็นให้ราษฎรเจ้าของเงินมาร้องทุกข็ขอให้ดำเนินคดี./