คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ดุลยการณ์โกวิท

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,606 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 41/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษคดีฝิ่น: ศาลลงโทษจำคุกได้ แม้กฎหมายไม่ได้กำหนดทั้งจำทั้งปรับ และไม่เรียงกะทงโทษ
กฎหมายฝิ่นไม่ได้บัญญัติไว้เป็นพิเศษว่าต้องลงโทษทั้งจำทั้งปรับ ฉะนั้นศาลย่อมลงโทษจำคุกจำเลยสถานเดียวได้ตาม ก.ม. ลักษณะอาญามาตรา 11, 23.
พ.ร.บ.ฝิ่น 2472 แก้ไขเพิ่มเติม 2472 มาตรา 9 บัญญัติให้เรียงกะทงลงโทษตามรายตัวผู้กระทำผิด ฉะนั้นจำนะ ก.ม.-ลักษณะอาญามาตรา 71 มาใช้ไม่ได้./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 41/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษทางอาญาในคดีฝิ่น: ศาลมีอำนาจลงโทษจำคุกอย่างเดียวได้ และการเรียงกระทงลงโทษตามตัวผู้กระทำผิด
กฎหมายฝิ่นไม่ได้บัญญัติไว้เป็นพิเศษว่าต้องลงโทษทั้งจำทั้งปรับฉะนั้นศาลย่อมลงโทษจำคุกจำเลยสถานเดียวได้ตาม กฎหมายลักษณะอาญามาตรา 11,23
พระราชบัญญัติฝิ่น 2472 แก้ไขเพิ่มเติม 2476 มาตรา 9 บัญญัติให้เรียงกระทงลงโทษตามรายตัวผู้กระทำผิดฉะนั้นจะนำกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 71 มาใช้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1590/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยายามลักทรัพย์: การกระทำที่แสดงเจตนาและเข้าสู่ลักษณะแห่งการกระทำความผิด
จำเลยปีนขึ้นไปบนม้าแล้วใช้มือโหนประตู จะปีนเข้าไปในบริษัท เผอิญได้ยินเสียงบังโคลนรถจักรยานของตำรวจกระทบกันดังขึ้น จำเลยทำการลักทรัพย์ไม่สำเร็จก็พากันหนีไป ดังนี้ เป็นการกระทำเข้าขั้นพยายามลักทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1590/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยายามลักทรัพย์: การกระทำถึงขั้นพยายาม แม้จะลักทรัพย์ไม่สำเร็จ
จำเลยปีนขึ้นไปบนม้าแล้วใช้มือโหนประตู จะปีนเข้าไปในบริษัท เผอิญได้ยินเสียงบังโคลนรถจักรยานของตำรวจกระทบกันดังขึ้น จำเลยทำการลักทรัพย์ไม่สำเร็จก็พากันหนีไป ดังนี้ เป็นการกระทำเข้าขั้นพยายามลักทรัพย์แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1442/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หมิ่นประมาท: คำด่าหยาบคาย vs. ใส่ความทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง และการพิสูจน์ความจริงของผู้ต้องหา
ด่าเขาว่า "อีร้อยควย อีดอกทอง " เป็นเพียงคำด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย มิใช่เรื่องใส่ความ จึงเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทซึ่งหน้าตาม ก.ม. ลักษณะอาญามาตรา 335(2) แต่ถ้อยคำที่กล่าวตอนต่อจากนั้นว่า " มันเย็ดกันทั่วเมือ ใครๆเขาก็รู้กันทั้งนั้น เย็ดกันรอบบ้านเย็ดกับยี่เก ฯลฯ" เหล่านี้มิใช่เป็นคำด่าว่ากันด้วยถ้วยคำหยาบคายธรรมดา แต่เป็นถ้อยคำที่ผู้ด่ากล่ายยืนยันให้เห็นว่าผู้ถูกด่าเป็นหญิงไม่ดี เที่ยวร่วมประเวณีกับคนทั่วไป โดยไม่เลือกสถานที่ จึงเป็นถ้อยคำที่ทำให้ผู้ถูกด่าเสื่อมเสียชื่อเสียง และอาจทำให้ผู้อืนดูหมิ่น เกลียดชังได้จึงเป็นการหมิ่นประมาทใส่ความตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 282 มิใช่เรื่องประมาทซึ่งหน้า
คดีหมิ่นประมาท ซึ่งโจทก์ร้องขอให้พิสูจน์ความจริง ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 284 นั้น เมื่อปรากฏว่าในชั้นต้นจำเลยปฏิเสธว่ามิได้ทำผิด จนเมื่อศาลสืบพยานไปสิ้นแล้ว จำเลยจึงกลับรับสาราพว่าได้ทำผิดตามฟ้อง ศาลสอบถามถึงเรื่องที่โจทก์ขอให้พิสูจน์ความจริง จำเลยก็แถลงว่า ไม่สามารถพิสูจน์ได้ เช่นนี้ คดีเข้าลักษณะที่ว่าศาลได้บังคับให้จำเลยพิสูจน์ความจริง แต่จำเลยพิสูจน์ให้เห็นจริงมิได้ ดั่งที่บัญญัติไว้ในมาตรา 384 แล้ว คดีจึงลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 284 ได้
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2496)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานหมิ่นประมาทตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 282,284,335(2) และขอให้เพิ่มโทษฐานไม่เข็ดหลาบด้วย จำเลยรับสารภาพตลอดถึงข้อเพิ่มโทษด้วย แต่ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยผิดตามมาตรา 339 ซึ่งเป็นผิดฐานลหุโทษ ยันจะเพิ่มโทษฐานไม่เข็ดหลาบไม่ได้ จึงไม่ได้กล่าวถึงการเพิ่มโทษด้วย โจทก์อุทธรณ์ว่าจำเลยควรมีผิดตามมาตรา 282 284 ในเรื่องเพิ่มโทษหรือไม่ ไม่ได้โต้เถียงกัน ดังนี้ เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยผิดตามมาตรา 282 ซึ่งอาจเพิ่มโทษตามมาตรา 72 ได้แล้ว ศาลอุทธรณ์ก็ต้องเพิ่มโทษจำเลยตามฟ้องด้วย จะถือว่าฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ไม่ได้ขอให้เพิ่มโทษไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1442/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หมิ่นประมาท: การแยกแยะคำด่าหยาบคายกับใส่ความทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง และการพิสูจน์ความจริงตามกฎหมาย
ด่าเขาว่า "อีร้อยควย อีดอกทอง" เป็นเพียงคำด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย มิใช่เรื่องใส่ความ จึงเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทซึ่งหน้าตาม กฎหมายลักษณะอาญามาตรา 339(2) แต่ถ้อยคำที่กล่าวตอนต่อจากนั้นว่า "มันเย็ดกันทั่วเมืองใครๆ เขาก็รู้กันทั้งนั้น เย็ดกันรอบบ้านเย็ดกับยี่เกฯลฯ" เหล่านี้มิใช่เป็นคำด่าว่ากันด้วยถ้อยคำหยาบคายธรรมดา แต่เป็นถ้อยคำที่ผู้ด่ากล่าวยืนยันให้เห็นว่าผู้ถูกด่าเป็นหญิงไม่ดี เที่ยวร่วมประเวณีกับคนทั่วไป โดยไม่เลือกสถานที่ จึงเป็นถ้อยคำที่ทำให้ผู้ถูกด่าเสื่อมเสียชื่อเสียงและอาจทำให้ผู้อื่นดูหมิ่นเกลียดชังได้ จึงเป็นการหมิ่นประมาทใส่ความตาม กฎหมายลักษณะอาญามาตรา 282 มิใช่เรื่องหมิ่นประมาทซึ่งหน้า
คดีหมิ่นประมาท ซึ่งโจทก์ร้องขอให้พิสูจน์ความจริง ตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 284 นั้น เมื่อปรากฏว่าในชั้นต้นจำเลยปฏิเสธว่ามิได้ทำผิด จนเมื่อศาลสืบพยานไปสิ้นแล้ว จำเลยจึงกลับรับสารภาพว่าได้ทำผิดตามฟ้อง ศาลสอบถามถึงเรื่องที่โจทก์ขอให้พิสูจน์ความจริง จำเลยก็แถลงว่า ไม่สามารถพิสูจน์ได้ เช่นนี้ คดีเข้าลักษณะที่ว่าศาลได้บังคับให้จำเลยพิสูจน์ความจริง แต่จำเลยพิสูจน์ให้เห็นจริงมิได้ ดั่งที่บัญญัติไว้ในมาตรา 284 แล้ว คดีจึงลงโทษจำเลยตาม กฎหมายลักษณะอาญามาตรา 284 ได้ (ประชุมใหญ่)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานหมิ่นประมาทตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 282,284,339(2) และขอให้เพิ่มโทษฐานไม่เข็ดหลาบด้วย จำเลยรับสารภาพตลอดถึงข้อเพิ่มโทษด้วย แต่ศาลชั้นต้นเห็นว่า
จำเลยผิดตามมาตรา 339 ซึ่งเป็นผิดฐานลหุโทษอันจะเพิ่มโทษฐานไม่เข็ดหลาบไม่ได้ จึงไม่ได้กล่าว ถึงการเพิ่มโทษด้วย โจทก์อุทธรณ์ว่าจำเลยควรมีผิดตามมาตรา 282,284 ในเรื่องเพิ่มโทษหรือไม่ ไม่ได้โต้เถียงกัน ดังนี้เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยผิดตามมาตรา 282 ซึ่งอาจเพิ่มโทษตามมาตรา 72 ได้แล้ว ศาลอุทธรณ์ก็ต้องเพิ่มโทษจำเลยตามฟ้องด้วย จะถือว่าฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ ไม่ได้ขอให้เพิ่มโทษไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1415/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ที่ดินวัด: อาณาเขตจริงสำคัญกว่าโฉนด
วัด 2 วัดเป็นวัดมานมนานด้วยกัน มีอาณาเขตติดต่อกันต่างวัดต่างมีเจ้าอาวาสปกครองมีนิกายต่างกัน การทำสังฆกรรมก็ไม่ได้ทำร่วมกัน และมีเขตพรรษาต่างหากจากกัน ต่อมาเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองรังวัดออกโฉนดที่ดินของ 2 วัดนี้ รวมเป็นโฉนดเดียวกันแล้วลงชื่อวัดหนึ่งเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แต่ผู้เดียว ดังนี้ ก็หาทำให้วัดที่มีชื่อในโฉนดมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินรวมทั้ง 2 วัดแต่ฝ่ายเดียวไม่ ต่างวัดต้องถือกรรมสิทธิ์ตามเขตที่เป็นจริง ของแต่ละวัด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1400/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปล่อยทรัพย์ในชั้นบังคับคดี: อุทธรณ์กรรมสิทธิ์หลังศาลชั้นต้นปล่อยทรัพย์แล้วเป็นเรื่องใหม่
ในชั้นบังคับคดีมีผู้ร้องหลายรายร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่โจทก์นำยึดเมื่อศาลชั้นต้นสั่งปล่อยทรัพย์แล้วโจทก์มิได้อุทธรณ์ การปล่อยทรัพย์ในชั้นบังคับคดีก็ย่อมเสร็จสิ้นไป ผู้ร้องด้วยกันจะอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์ชี้ขาดข้อโต้แย้งระหว่างผู้ร้องด้วยกันและจำเลยว่าฝ่ายใดจะมีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินนั้นอีกนั้น ไม่มีประเด็นที่ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยให้ ควรจะต้องไปว่ากล่าวกันอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1400/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการปล่อยทรัพย์: ศาลชั้นต้นสั่งปล่อยทรัพย์แล้วโจทก์ไม่โต้แย้ง ถือเป็นที่สุด ส่วนข้อพิพาทเรื่องกรรมสิทธิในมรดกต้องไปฟ้องร้องอีกคดี
ในชั้นบังคับคดีมีผู้ร้องหลายรายร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่โจทก์นำยึดเมื่อศาลชั้นต้นสั่งปล่อยทรัพย์แล้วโจทก์มิได้อุทธรณ์ การปล่อยทรัพย์ในชั้นบังคับคดีก็ย่อมเสร็จสิ้นไป ผู้ร้องด้วยกันจะอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์ชี้ขาดข้อโต้แย้งระหว่างผู้ร้องด้วยกันและจำเลยว่าฝ่ายใดจะมีกรรมสิทธิในทรัพย์สินนั้นอีกนั้น ไม่มีประเด็นที่ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยให้ ควรจะต้องไปว่ากล่าวกันอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1398/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม, สิทธิการรับโบนัส, การหักเงินเดือน, และผลของคำมั่นสัญญา
นายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างโดยลูกจ้างมิได้มีความบกพร่องในหน้าที่การงานที่นายจ้างจ้างทำ อันจะเป็นเหตุให้นายจ้างงดจ่ายโบนัสตามที่ได้ตกลงกันไว้แล้ว นายจ้างก็จะต้องจ่ายเงินโบนัสให้ลูกจ้าง
นายจ้างไม่มีสิทธิหักเงินเดือนของลูกจ้างไว้เพื่อใช้หนี้ที่ลูกจ้างเป็นลูกหนี้คนอื่นอยู่ เว้นแต่ลูกจ้างจะตกลงยินยอมให้หักเงินเดือนตนไว้
นายจ้างสั่งเลิกจ้างลูกจ้างโดยระบุเป็นคำมั่นว่าให้จ่ายเงินบำเหน็จก้อนหนึ่งให้ลูกจ้าง ลูกจ้างก็ยอมรับตามนั้น ดังนี้นายจ้างจะไม่จ่ายเงินบำเหน็จโดยอ้างว่าตนได้ทราบขึ้นภายหลังว่า ลูกจ้างปฏิบัติหน้าที่บกพร่องย่อมไม่ได้
of 161