พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,606 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1398/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม, สิทธิการรับโบนัส, การหักเงินเดือน, และผลของคำมั่นสัญญา
นายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างโดยลูกจ้างมิได้มีความบกพร่องในหน้าที่การงานที่นายจ้างจ้างทำ อันจะเป็นเหตุให้นายจ้างงดจ่ายโบนัสตามที่ได้ตกลงกันไว้แล้ว นายจ้างก็จะต้องจ่ายเงินโบนัสให้ลูกจ้าง
นายจ้างไม่มีสิทธิหักเงินเดือนของลูกจ้างไว้เพื่อใช้หนี้ที่ลูกจ้างเป็นลูกหนี้คนอื่นอยู่ เว้นแต่ลูกจ้างจะตกลงยินยอมให้หักเงินเดือนตนไว้
นายจ้างสั่งเลิกจ้างลูกจ้างโดยระบุเป็นคำมั่นว่าให้จ่ายเงินบำเหน็จก้อนหนึ่งให้ลูกจ้าง ลูกจ้างก็ยอมรับตามนั้น ดังนี้นายจ้างจะไม่จ่ายเงินบำเหน็จโดยอ้างว่าตนได้ทราบขึ้นภายหลังว่า ลูกจ้างปฏิบัติหน้าที่บกพร่องย่อมไม่ได้
นายจ้างไม่มีสิทธิหักเงินเดือนของลูกจ้างไว้เพื่อใช้หนี้ที่ลูกจ้างเป็นลูกหนี้คนอื่นอยู่ เว้นแต่ลูกจ้างจะตกลงยินยอมให้หักเงินเดือนตนไว้
นายจ้างสั่งเลิกจ้างลูกจ้างโดยระบุเป็นคำมั่นว่าให้จ่ายเงินบำเหน็จก้อนหนึ่งให้ลูกจ้าง ลูกจ้างก็ยอมรับตามนั้น ดังนี้นายจ้างจะไม่จ่ายเงินบำเหน็จโดยอ้างว่าตนได้ทราบขึ้นภายหลังว่า ลูกจ้างปฏิบัติหน้าที่บกพร่องย่อมไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1387/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
โทษกักกันเป็นโทษเพิ่มเติมนอกเหนือจากโทษฐานความผิด การลดโทษตามมาตรา 59 จึงใช้ไม่ได้
โทษกักกันเป็นโทษเพิ่มสถานหนึ่งต่างหากจากโทษอันเป็นฐานความผิดที่ได้กระทำลง ฉะนั้นแม้จำเลยจะรับสารภาพศาลก็จะลดโทษกักกันให้ตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 59 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1387/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
โทษกักกันเป็นโทษเพิ่มสถาน ลดหย่อนตามมาตรา 59 มิได้
โทษกักกันเป็นโทษเพิ่มสถานหนึ่งต่างหากจากโทษอันเป็นฐานความผิดที่ได้กระทำลง ฉะนั้นแม้จำเลยจะรับสารภาพศาลก็ลดทษกักกันให้ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 59 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1319/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฎีกาจำเลยในคดีหมิ่นประมาท: การดำเนินการไต่สวนมูลฟ้องและการขอบังคับคดี
ราษฎรเป็นโจทก์ฟ้องกันเองขแให้ลงโทษทางอาญาศาลไต่สวนมูลฟ้องแล้ว สั่งงดสืบพยานต่อไปแล้ว ยกฟ้งอโจทก์เสีย โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนมูลฟ้องต่อไป แล้วสั่งหรือพิพากษาใหม่นั้น จำเลยจะฎีกายังไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องระหว่างศาลกับโจทก์ ส่วนจำเลยยังมิได้เข้ามามีฐานะเป็นคู่ความตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 165 วรรค 3
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1319/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฐานะคู่ความและการฎีกา - การที่จำเลยยังไม่ได้เข้ามาเป็นคู่ความในคดี
ราษฏรเป็นโจทก์ฟ้องกันเองขอให้ลงโทษทางอาญา ศาลไต่สวนมูลฟ้องแล้ว สั่งงดสืบพยานต่อไปแล้ว ยกฟ้องโจทก์เสีย โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนมูลฟ้องต่อไป แล้วสั่งหรือพิพากษาใหม่นั้น จำเลยจะฎีกายังไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องระหว่างศาลกับโจทก์ ส่วนจำเลยยังมิได้เข้ามามีฐานะเป็นคู่ความตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 165วรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1271/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำกรณีเช่าเคหะ: การเปลี่ยนแปลงเจตนาเช่าจากที่อยู่อาศัยเป็นค้าขายต้องชัดเจน
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยในคดีก่อน อ้างว่าจำเลยใช้สถานที่เช่าเพื่อประกอบการค้าประเภทรับจ้างซักรีดเช่นเดียวกับคดีนี้ ศาลวินิจฉัยว่า จำเลยเช่าเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยเป็นส่วนใหญ่ ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯลฯ แม้ภายหลังได้มีคำพิพากษาฎีกาหลายเรื่องวินิจฉัยคำว่า "เคหะ" ตามพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ ก็ไม่เป็นเหตุให้เปลี่ยนแปลงผลแห่งคำพิพากษาในคดีก่อนว่าไม่เป็น "เคหะ" ได้ การที่โจทก์ฟ้องคดีใหม่อ้างเหตุว่าจำเลยยอมเสียค่าเช่าเพิ่มจากเดิมโดยจำเลยได้ขยายกิจการการค้าในร้านนี้กว้างขวางออกไปอีก รับจ้างซักรีดผ้าทุกชนิด เพียงเท่านี้ยังไม่พอให้เห็นว่า คู่สัญญาได้เปลี่ยนเจตนาจากการเช่าอยู่อาศัย เป็นการเช่าเพื่อประกอบการค้า จึงเป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1270/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงเจตนาเช่าจากที่อยู่อาศัยเป็นค้า และฟ้องซ้ำ
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยในคดีก่อน อ้างว่าจำเลยใช้สถานที่เช่าเพื่อประกอบการค้าประเภทรับจ้างซักรีดเช่นเดียวกับคดีนี้ ศาลวินิจฉัยว่า จำเลยเช่าเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยเป็นส่วนใหญ่ ได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯลฯ แม้ภายหลังได้มีคำพิพากษาฎีกาหลายเรื่องวินิจฉัยคำว่า "เคหะ" ตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯลฯก็ไม่เป็นเหตุให้เปลี่ยนแปลงผลแห่งคำพิพากษาในคดีก่อนว่าไม่เป็น"เคหะ" ได้ การที่โจทก์ฟ้องคดีใหม่อ้างเหตุว่าจำเลยยอมเสียค่าเช่าเพิ่มจากเดิมโดยจำเลยได้ขยายกิจการค้าในร้านนี้กว้างขวางออกไปอีก รับจ้างซักรีดผ้าทุกชนิดเพียงเท่านี้ยังไม่พอให้เห็นว่า คู่สัญญาได้เปลี่ยนเจตนาจากการเช่าอยู่อาศัยเป็นการเช่าเพื่อประกอบการค้าจึงเป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1160/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือหย่าสมบูรณ์ แม้ลงนามต่างฉบับ แต่มีข้อความเดียวกันและพยาน
สามีภริยาตกลงหย่ากันโดยทำหนังสือหย่าขึ้น 2 ฉบับ ต่างยึดถือไว้คนละฉบับ มีข้อความอย่างเดียวกัน และมีผู้รู้เห็นเป็นพยานเกินกว่า 2 คน ต่างกันแต่ว่าฉบับที่สามียึดไว้ภริยาเป็นผู้ลงนาม ฉบับที่ภริยายึดไว้สามีเป็นผู้ลงนาม หาได้ลงนามทั้งสามีภริยาในเอกสารฉบับเดียวกันไม่ ดังนี้ วินิจฉัยว่า หนังสือหย่าเช่นนี้สมบูรณ์ตามกฎหมายแล้ว ไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1498
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1160/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือหย่าที่ทำขึ้นสองฉบับโดยต่างฝ่ายลงนาม มีผลสมบูรณ์ตามกฎหมาย
สามีภริยาตกลงหย่ากันโดยทำหนังสือหย่าขึ้น 2 ฉะบับ ต่างยึดถือไว้คนละฉะบับ มีข้อความอย่างเดียวกัน และมีผู้รู้เห็นเป็นพยานเกินกว่า 2 คน ต่างกันแต่ว่าฉะบับที่สามียึดไว้ภริยาเป็นผู้ลงนาม ฉะบับที่ภริยายึดไว้สามีเป็นผู้ลงนาม หาได้ลงนามทั้งสามีภริยาในเอกสารฉะบับเดียวกันไม่ ดังนี้
วินิจฉัยว่า หนังสือหย่าเช่นนี้สมมบูรณ์ตามกฎหมายแล้ว ไม่ขัดต่อ ป.ม.แพ่งฯมาตรา 1498
วินิจฉัยว่า หนังสือหย่าเช่นนี้สมมบูรณ์ตามกฎหมายแล้ว ไม่ขัดต่อ ป.ม.แพ่งฯมาตรา 1498
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1158/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ช่วงคดีความ: การพยายามเข้าครอบครองต่อเนื่องแม้ถูกขัดขวาง ไม่ถือเป็นการครอบครองโดยสงบและเปิดเผย
โจทก์จำเลยเป็นความกันในศาลแย่งกรรมสิทธิ์ที่ดินกันมาครั้งหนึ่งแล้วในระหว่างพิจารณาคดีก่อนนั้นต่างก็แย่งกันเข้าทำนารายพิพาทถึงกับจะเกิดวิวาทกัน จนทั้ง สอง ฝ่ายต่างขอความคุ้มครอง ขอให้ศาลเรียกมาประมูลทำนารายนี้ แต่ศาลไม่อนุญาต ในที่สุดโจทก์ได้เข้าทำนาพิพาทบางส่วน ดังนี้ เป็นพฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นได้ว่าในระหว่างคดีก่อนนั้น โจทก์ได้พยายามเข้าครอบครองเพื่อเอาที่พิพาทคืนอยู่เสมอมา หากแต่จำเลยไม่ยอมคืนให้ ฉะนั้น จะฟังว่าจำเลยได้ครอบครองที่พิพาทไว้ โดยความสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันมาโดยนับเวลา ในระหว่างที่เป็นความกันในคดีก่อนดังกล่าวแล้ว เข้าด้วยกันไม่ได้