พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,606 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 980/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดในหนี้จากการรับมรดก/ถือหุ้นแทน: จำเลยไม่ผูกพันหนี้หากไม่ใช่ผู้รับมรดก/ผู้ถือหุ้นโดยชอบ
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดในหนี้เงินกู้ที่สามีจำเลยกู้เงินโจทก์ไว้ในฐานะที่จำเลยเป็นภริยาผู้รับมรดกของสามี หรือในฐานะที่สามีลงชื่อจำเลยเป็นผู้ถือหุ้นในบริการอันหนึ่งแทนสามี เมื่อทางพิจารณาฟังว่าจำเลยไม่ใช่ภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย จำเลยจึงไม่ใช่ผู้รับมรดกของผู้ตาย ฉะนั้นย่อมไม่มีความผูกพันอันใดจะต้องรับใช้หนี้ของผู้ตายตามฟ้อง แม้จำเลยจะรับทรัพย์สินของผู้ตายไว้ก็ตาม โดยนัยเดียวกัน แม้จำเลยจะมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นแทนผู้ตาย ก็ไม่ทำให้จำเลยต้องรับผิดในหนี้รายนี้ดุจกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 968/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกข้อต่อสู้เรื่องอำนาจลงนามที่ไม่ชัดเจน และขอบเขตความรับผิดของตัวแทนและผู้ค้ำประกัน
คำให้การของจำเลยที่ตัดฟ้องว่า โจทก์ไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมายที่จะลงนามแทนสำนักนายกรัฐมนตรีได้ นั้น ย่อมไม่ทำให้เกิดประเด็นที่ศาลจะต้องยกขึ้นวินิจฉัยเพราะจำเลยหาได้ยกข้อเท็จจริงอย่างใดขึ้นกล่าวอ้างให้เป็นประเด็นเพื่อให้ศาลได้วินิจฉัยไม่ว่าด้วยเหตุใด หรือเนื่องด้วยพฤติการณ์อย่างใดโจทก์จึงไม่มีอำนาจ และการไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้นคือบทกฎหมายบทใดข้อใด แม้ข้อเท็จจริงบางอย่างศาลรังรู้ได้เอง แต่คู่ความจะต้องกล่าวอ้างข้อเท็จจริงนั้นให้เป็นประเด็นขึ้นมาในคดี แม้แต่ข้อกฎหมายที่จะยกขึ้นต่อสู้ ก็จะต้องกล่าวอ้างเช่าเดียวกัน
ภรรยากระทำการไปในฐานะเป็นตัวแทนของสามี ภรรบาจึงไม่ต้องรับผิดในหนี้สินอันเกิดจากการที่กระทำไปตามหน้าที่ตัวแทนหรือร่วมกับสามีเป็นตัวการ
ทำสัญญาค้ำประกันให้ผู้ขายหากผู้ซื้อละเมิดสัญญาหรือมีหนี้สินประกันยอมรับผิด และชดใช้ค่าเสียหายแทน ไม่เกินวงเงินจำนวนหนึ่ง เมื่อผู้ซื้อไปทำหนี้สินเกินกว่าจำนวนเงินที่คำประกันไว้ ผู้ค้ำประกันก็คงรับผิด ไม่เกินกว่าเงินที่ค้ำประกันไว้
ภรรยากระทำการไปในฐานะเป็นตัวแทนของสามี ภรรบาจึงไม่ต้องรับผิดในหนี้สินอันเกิดจากการที่กระทำไปตามหน้าที่ตัวแทนหรือร่วมกับสามีเป็นตัวการ
ทำสัญญาค้ำประกันให้ผู้ขายหากผู้ซื้อละเมิดสัญญาหรือมีหนี้สินประกันยอมรับผิด และชดใช้ค่าเสียหายแทน ไม่เกินวงเงินจำนวนหนึ่ง เมื่อผู้ซื้อไปทำหนี้สินเกินกว่าจำนวนเงินที่คำประกันไว้ ผู้ค้ำประกันก็คงรับผิด ไม่เกินกว่าเงินที่ค้ำประกันไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 968/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจลงนามแทน, ตัวแทน, และขอบเขตความรับผิดในสัญญาค้ำประกัน
คำให้การของจำเลยที่ตัดฟ้องว่า โจทก์ไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมายที่จะลงนามแทนสำนักนายกรัฐมนตรีได้ นั้น ย่อมไม่ทำให้เกิดประเด็นที่ศาลจะต้องยกขึ้นวินิจฉัยเพราะจำเลยหาได้ยกข้อเท็จจริงอย่างใดขึ้นกล่าวอ้างให้เป็นประเด็นเพื่อให้ศาลได้วินิจฉัยไม่ว่าด้วยเหตุใดหรือเนื่องด้วยพฤติการณ์อย่างใดโจทก์จึงไม่มีอำนาจและการไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้นคือบทกฎหมายบทใดข้อใด แม้ข้อเท็จจริงบางอย่างศาลรับรู้ได้เอง แต่คู่ความจะต้องกล่าวอ้างข้อเท็จจริงนั้นให้เป็นประเด็นขึ้นมาในคดีแม้แต่ข้อกฎหมายที่จะยกขึ้นต่อสู้ ก็จะต้องกล่าวอ้างเช่นเดียวกัน
ภรรยากระทำการไปในฐานะเป็นตัวแทนของสามี ภรรยาจึงไม่ต้องรับผิดในหนี้สินอันเกิดจากกิจการที่กระทำไปตามหน้าที่ตัวแทนหรือร่วมกับสามีอันเป็นตัวการ
ทำสัญญาค้ำประกันให้ผู้ขายไว้ว่าหากผู้ซื้อละเมิดสัญญาหรือมีหนี้สินผู้ค้ำประกันยอมรับผิด และชดใช้ค่าเสียหายแทน ไม่เกินวงเงินจำนวนหนึ่ง เมื่อผู้ซื้อไปทำหนี้สินเกินกว่าจำนวนเงินที่ค้ำประกันไว้ ผู้ค้ำประกันก็คงรับผิด ไม่เกินกว่าเงินที่ค้ำประกันไว้
ภรรยากระทำการไปในฐานะเป็นตัวแทนของสามี ภรรยาจึงไม่ต้องรับผิดในหนี้สินอันเกิดจากกิจการที่กระทำไปตามหน้าที่ตัวแทนหรือร่วมกับสามีอันเป็นตัวการ
ทำสัญญาค้ำประกันให้ผู้ขายไว้ว่าหากผู้ซื้อละเมิดสัญญาหรือมีหนี้สินผู้ค้ำประกันยอมรับผิด และชดใช้ค่าเสียหายแทน ไม่เกินวงเงินจำนวนหนึ่ง เมื่อผู้ซื้อไปทำหนี้สินเกินกว่าจำนวนเงินที่ค้ำประกันไว้ ผู้ค้ำประกันก็คงรับผิด ไม่เกินกว่าเงินที่ค้ำประกันไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 964/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร้องขัดทรัพย์: ศาลมีอำนาจสั่งปล่อยทรัพย์เท่านั้น ไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายจากการยึดได้
การร้องขัดทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 นั้น กฎหมายให้อำนาจผู้ร้องที่จะร้องขอได้ แต่เพียงให้ปล่อยทรัพย์สินที่ยึดเท่านั้น จะเรียกร้องค่าเสียหายในการที่ถูกยึดด้วยไม่ได้ หากติดใจเรียกร้องเอาค่าเสียหาย ก็ต้องว่ากล่าวอีกส่วนหนึ่ง
ร้องขัดทรัพย์ และตั้งทุนทรัพย์มาเป็นเงิน 2000 บาท กับเรียกค่าเสียหายอีก 1000 บาท ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ไม่ทักท้วงประการใดคงรับวินิจฉัยคดีให้ ในที่สุดพิพากษาต้องกันว่าเป็นทรัพย์ของลูกหนี้ มิใช่ของผู้ร้อง จึงยกคำร้องของผู้ร้องเสียดังนี้ ผู้ร้องจะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ เพราะทรัพย์ที่พิพาทในคดีถือได้ว่ามีเพียง 2000 บาทเท่านั้น ส่วนค่าเสียหายอีก 1000 บาท ผู้ร้องจะร้องขึ้นมาด้วยไม่ได้ ต้องตัดออกเสีย
ร้องขัดทรัพย์ และตั้งทุนทรัพย์มาเป็นเงิน 2000 บาท กับเรียกค่าเสียหายอีก 1000 บาท ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ไม่ทักท้วงประการใดคงรับวินิจฉัยคดีให้ ในที่สุดพิพากษาต้องกันว่าเป็นทรัพย์ของลูกหนี้ มิใช่ของผู้ร้อง จึงยกคำร้องของผู้ร้องเสียดังนี้ ผู้ร้องจะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ เพราะทรัพย์ที่พิพาทในคดีถือได้ว่ามีเพียง 2000 บาทเท่านั้น ส่วนค่าเสียหายอีก 1000 บาท ผู้ร้องจะร้องขึ้นมาด้วยไม่ได้ ต้องตัดออกเสีย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 964/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร้องขัดทรัพย์: ศาลไม่อำนาจพิจารณาค่าเสียหายในชั้นขัดทรัพย์ ผู้ร้องต้องฟ้องแยกต่างหาก
การร้องขัดทรัพย์ตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 288 นั้น กฎหมายให้อำนาจผู้ร้องที่จะร้องขอได้ แต่เพียงให้ปล่อยทรัพย์สินที่ยึดเท่านั้นจะเรียกร้องค่าเสียหายในการที่ถูกยึดด้วยไม่ได้ หากติดใจเรียกร้องเอาค่าเสียหาย ก็ต้องว่ากล่าวอีกส่วนหนึ่ง
ร้องขัดทรัพย์ และตั้งทุนทรัพย์มาเป็นเงิน 2000 บาท กับเรียกค่าเสียหายอีก 1000 บาท ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ไม่ทักท้วงประการใดคงรับวินิจฉัยคดีให้ ในที่สุดพิพากษาต้องกันว่าเป็นทรัพย์ของลูกหนี้ มิใช่ของผู้ร้อง จึงยกคำร้องของผู้ร้องเสียดังนี้ ผู้ร้องจะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ เพราะทรัพย์ที่พิพาทในคดี ถือได้ว่ามีเพียง 2000 บาท เท่านั้น ส่วนค่าเสียหายอีก 1000 บาท ผู้ร้องจะร้องขึ้นมาด้วยไม่ได้ ต้องตัดออกเสีย
ร้องขัดทรัพย์ และตั้งทุนทรัพย์มาเป็นเงิน 2000 บาท กับเรียกค่าเสียหายอีก 1000 บาท ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ไม่ทักท้วงประการใดคงรับวินิจฉัยคดีให้ ในที่สุดพิพากษาต้องกันว่าเป็นทรัพย์ของลูกหนี้ มิใช่ของผู้ร้อง จึงยกคำร้องของผู้ร้องเสียดังนี้ ผู้ร้องจะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ เพราะทรัพย์ที่พิพาทในคดี ถือได้ว่ามีเพียง 2000 บาท เท่านั้น ส่วนค่าเสียหายอีก 1000 บาท ผู้ร้องจะร้องขึ้นมาด้วยไม่ได้ ต้องตัดออกเสีย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 962/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าเพื่อค้า vs. คุ้มครองค่าเช่า, สิทธิบอกเลิกสัญญาเช่าช่วง
เช่าห้องชั้นล่างของตึก7ชั้นตรงมุมถนนทรงวาดกับถนนพาดสายตัดกัน ทำเป็นร้านขายกาแฟและสุรา แม้จะอยู่อาศัยด้วย ก็ถือว่าเช่าเพื่อประกอบการค้า ไม่ได้รับความคุ้มครองจาก พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯลฯ
ผู้เช่าบอกกล่าวเลิกสัญญาเช่ากับผู้เช่าช่วง แม้ขณะนั้นสัญญาเช่าระหว่างผู้เช่ากับผู้ให้เช่าเดิมจะหมดอายุแล้วผู้เช่าก็มีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่ากับผู้เช่าช่วงซึ่งเป็นคู่สัญญาฐานเป็นผู้เช่าจากตนได้ ผู้เช่าช่วงไม่มีสิทธิโต้เถียงอย่างใด
ผู้เช่าบอกกล่าวเลิกสัญญาเช่ากับผู้เช่าช่วง แม้ขณะนั้นสัญญาเช่าระหว่างผู้เช่ากับผู้ให้เช่าเดิมจะหมดอายุแล้วผู้เช่าก็มีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่ากับผู้เช่าช่วงซึ่งเป็นคู่สัญญาฐานเป็นผู้เช่าจากตนได้ ผู้เช่าช่วงไม่มีสิทธิโต้เถียงอย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 962/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าห้องเพื่อประกอบการค้าไม่ได้รับความคุ้มครองจาก พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า และสิทธิการบอกเลิกสัญญาเช่าช่วง
เช่าห้องชั้นล่างของตึก 7 ชั้นตรงมุมถนนทรงวาดกับถนนพาดสายตัดกัน ทำเป็นร้านขายกาแฟและสุรา แม้จะอยู่อาศัยด้วย ก็ถือว่าเช่าเพื่อประกอบการค้า ไม่ได้รับความคุ้มครองจาก พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ
ผู้เช่าบอกกล่าวเลิกสัญญาเช่ากับผู้เช่าช่วง แม้ขณะนั้นสัญญาเช่าระหว่างผู้เช่ากับผู้ให้เช่าเดิมจะหมดอายุแล้ว ผู้เช่าก็มีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่ากับผู้เช่าช่วงซึ่งเป็นคู่สัญญาฐานเป็นผู้เช่าจากตนได้ ผู้เช่าช่วงไม่มีสิทธิได้เถียงอย่างใด
ผู้เช่าบอกกล่าวเลิกสัญญาเช่ากับผู้เช่าช่วง แม้ขณะนั้นสัญญาเช่าระหว่างผู้เช่ากับผู้ให้เช่าเดิมจะหมดอายุแล้ว ผู้เช่าก็มีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่ากับผู้เช่าช่วงซึ่งเป็นคู่สัญญาฐานเป็นผู้เช่าจากตนได้ ผู้เช่าช่วงไม่มีสิทธิได้เถียงอย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 959/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรอคดีอาญาไว้เพื่อฟังผลคดีแพ่ง: เงื่อนไขและความเหมาะสมในการพิจารณาคดีอาญา
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยบุกรุกที่ดินของโจทก์ จำเลยต่อสู้ว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลย และปรากฏว่า โจทก์จำเลยได้เป็นความกันในทางแพ่งโต้เถียงกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทนี้อยู่ โจทก์จึงขอให้ศาลรอคดีอาญาไว้ฟังผลในคดีแพ่งก่อนและศาลก็มีคำสั่งให้รอคดีอาญาไว้ ดังนี้ย่อมหมายถึงว่า รอคดีไว้จนคดีแพ่งเสร็จเด็ดขาดถึงที่สุดแล้วถ้าคดีแพ่งยังไม่ถึงที่สุดแล้ว ศาลชั้นต้นก็ยังไม่สมควรจะยกเอาคดีอาญาที่รอไว้ขึ้นมาพิจารณาพิพากษาไปก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 959/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรอคดีอาญาไว้เพื่อฟังผลคดีแพ่งเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ที่ดิน ศาลต้องรอจนคดีแพ่งถึงที่สุด
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยบุกรุกที่ดินของโจทก์จำเลยต่อสู้ว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลยและปรากฎว่า โจทก์จำเลยได้เป็นความกันในทางแพ่งโต้เถียงกรรมสิทธิในที่พิพาทหนี้อยู่ โจทก์จึงขอให้ศาลรอคดีอาญาไว้ฟังผลในคดีแพ่งก่อน และศาลก็มีคำสั่งให้รอคดีอาญาไว้ ดังนี้ ย่อมหมายถึงว่า รอคดีไว้จนคดีแพ่งเสร็จเด็ดขาดถึงที่สุดแล้ว ถ้าคดีแพ่งยังไม่ถึงที่สุดแล้ว ศาลชั้นต้นก็ยังไม่สมควรจะยกเอาคดีอาญาที่รอไว้ขึ้นมาพิจารณาพิพากษาไปก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 940/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งเอกสารในวันพิจารณาคดี: การไม่เสียเปรียบและการคัดค้านสืบพยาน
ในคดีแพ่ง โจทก์เพิ่งส่งสำเนาเอกสารให้จำเลยในวันพิจารณาคือไม่ได้ส่งสำเนาก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 3 วันนั้น ถ้าเอกสารนั้นจำเลยรับอยู่แล้วว่าเป็นของจำเลยจริง ก็ไม่เป็นการเสียเปรียบอย่างใด หรือถ้าหากจำเลยเห็นว่าเสียเปรียบจำเลยก็อาจคัดค้านขอให้งดการสืบพยานไว้ก่อนได้ แต่เมื่อจำเลยมิได้ทำเช่นนั้น ศาลก็ย่อมรับฟังเอกสารนั้นได้