คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ประศาสน์วินิจฉัย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,149 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 416/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าห้องเพื่อประกอบการค้า ไม่อยู่ภายใต้ความคุ้มครองของ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า และการถอนฟ้องในชั้นอุทธรณ์
แม้ในชั้นแรกจำเลยจะเช่าห้องพิพาทเพื่ออยู่อาศัยก็ตามเมื่อในชั้นหลังนี้ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยใช้ห้องพิพาทเป็นที่ประกอบการค้าแล้วจำเลยก็ไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน
จำเลยอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นแต่ฝ่ายเดียว ฉะนั้นโจทก์จะขอถอนฟ้องของโจทก์ทั้งที่จำเลยยอมให้ถอนนั้นไม่ได้เพราะโจทก์ไม่มีคำฟ้องชั้นอุทธรณ์ที่จะถอนฟ้องได้
(ฎีกาที่ 624,625,626,627,628/2495 ฯลฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 414/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สุราปิดแสตมป์ปลอม ถือเป็นสุราที่ยังไม่ได้เสียภาษี ศาลไม่คืนได้ แม้ผู้ครอบครองไม่มีเจตนา
สุราที่จะต้องเสียภาษีโดยปิดแสตมป์สุรานั้นหากปิดแสตมป์ปลอมก็เป็นสุราที่ยังไม่ได้เสียภาษีซึ่งต้องถือว่าเป็นสุราที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายศาลจะสั่งคืนสุราให้โจทก์ผู้มีไว้ในครอบครองไม่ได้ถึงแม้ว่าผู้ครอบครองจะไม่ถูกฟ้องคดีอาญาเพราะหลักฐานยังไม่พอฟังว่าผู้ครอบครองรู้ว่าแสตมป์นั้นปลอม ก็ไม่ทำให้สุราของกลางเป็นสุราที่มีการเสียภาษีสุราแล้วไปได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 414/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สุราปิดแสตมป์ปลอมถือเป็นสุราที่ยังไม่ได้เสียภาษี จึงเป็นของไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลไม่สามารถคืนได้ แม้ผู้ครอบครองไม่มีเจตนา
สุราที่จะต้องเสียภาษีโดยปิดแสตมป์สุรานั้น หากปิดแสตมป์ปลอมก็เป็นสุราที่ยังไม่ได้เสียภาษีซึ่งต้องถือว่าเป็นสุราที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลจะสั่งคืนสุราให้โจทก์ผู้มีไว้ในครอบครองไม่ได้ ถึงแม้ว่าผู้ครอบครองจะไม่ถูกฟ้องคดีอาญา เพราะหลักฐานยังไม่พอฟังว่าผู้ครอบครองรู้ว่าแสตมป์นั้นปลอม ก็ไม่ทำให้สุราของกลางเป็นสุราที่มีการเสียภาษีสุราแล้วไปได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 408-410/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาสร้างแล้วเช่า: ผลผูกพันต่อคู่สัญญาและบุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้อง
สัญญาที่ฝ่ายจำเลยเป็นผู้ออกเงินสร้างตึกขึ้นแล้วจำเลยมีสิทธิที่จะอยู่ได้ 8 ปีฝ่ายเจ้าของที่ดินเป็นผู้ที่จะได้ตึกโดยไม่ต้องออกเงินสร้างแต่จะต้องยอมให้ผู้สร้างอยู่ได้ 8 ปี สัญญาเช่นนี้เป็นสัญญาต่างตอบแทนกันย่อมมีผลผูกพันกันได้โดยไม่ต้องจดทะเบียน(อ้างฎีกาที่ 1460/2495)
โจทก์เป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ร่วมอยู่กับน.ส.สุภาคู่สัญญาซึ่งทำสัญญากันกับจำเลยดังกล่าวข้างต้นและโจทก์รับในรายงานพิจารณาของศาลว่าโจทก์ได้รู้เห็นยินยอมให้ น.ส.สุภาทำสัญญานั้นด้วยโจทก์จึงต้องผูกพันในสัญญาด้วยและเมื่อโจทก์รับโอนที่ดินมาเป็นของตนแต่ผู้เดียวในภายหลังโจทก์ต้องรับสิทธิและหน้าที่ตามสัญญานั้นมาด้วยเมื่อตามสัญญา จำเลยมีสิทธิจะอยู่ได้ 8 ปีขณะที่ยังไม่ครบกำหนดนั้นโจทก์ก็ยังไม่มีสิทธิจะเลิกสัญญาและยังไม่มีสิทธิจะขับไล่จำเลย
ตามสัญญาดังกล่าวข้างต้นปรากฏว่าน.ส.สุภายินยอมจะให้จำเลยอื่นอีก 2 คนได้เช่าตึกนั้นอยู่คนละ 1 ห้องตามเดิมมีกำหนด 8 ปี จำเลยอื่นทั้ง 2 คนนั้นได้ลงทุนเป็นค่าใช้จ่ายในการสร้างตึกตามส่วนที่ตนจะเช่าอยู่และเมื่อสร้างตึกแล้วจำเลยอื่นทั้ง2นั้นก็ได้เข้าอยู่ในตึกคนละ 1 ห้องตามสัญญาดังกล่าวกรณีเช่นนี้ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 374 จำเลยอื่นทั้ง 2 นี้แม้ไม่ใช่คู่สัญญาก็มีสิทธิที่จะอยู่ในตึกตามสัญญานั้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 408-410/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการเช่าในสัญญาต่างตอบแทน แม้ไม่ใช่คู่สัญญา ก็มีสิทธิได้ตามสัญญา
สัญญาที่ฝ่ายจำเลยเป็นผู้ออกเงินสร้างตึกขึ้น แล้วจำเลยมีสิทธิที่จะอยู่ได้ 8 ปี ฝ่ายเจ้าของที่ดินเป็นผู้ที่จะได้ตึกโดยไม่ต้องออกเงินสร้าง แต่จะต้องยอมให้ผู้สร้างอยู่ได้ 8 ปี สัญญาเช่นนี้เป็นสัญญาต่างตอบแทนกันย่อมมีผลผูกพันกันได้โดยไม่ต้องจดทะเบียน (อ้างฎีกาที่ 1460/2495)
โจทก์เป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ร่วมอยู่กับน.ส.สุภาคู่สัญญาซึ่งทำสัญญากันกับจำเลยดังกล่าวข้างต้นและโจทก์รับในรายงานพิจารณาของศาลว่าโจทก์ได้รู้เห็นยินยอมให้ น.ส.สุภาทำสัญญานั้นด้วย โจทก์จึงต้องผูกพันในสัญญาด้วยและเมื่อโจทก์รับโอนที่ดินมาเป็นของตนแต่ผู้เดียวในภายหลัง โจทก์ต้องรับสิทธิและหน้าที่ตามสัญญานั้นมาด้วย เมื่อตามสัญญา จำเลยมีสิทธิจะอยู่ได้ 8 ปีขณะที่ยังไม่ครบกำหนดนั้น โจทก์ก็ยังไม่มีสิทธิจะเลิกสัญญาและยังไม่มีสิทธิจะขับไล่จำเลย
ตามสัญญาดังกล่าวข้างต้นปรากฎว่า น.ส.สุภายินยอมจะให้จำเลยอื่นอีก 2 คนได้เช่าตึกนั้นอยู่คนละ 1 ห้องตามเดิมมีกำหนด 8 ปี จำเลยอื่นทั้ง 2 คนนั้นได้ลงทุนเป็นค่าใช้จ่ายในการสร้างตึกตามส่วนที่ตนจะเช่าอยู่ และเมื่อสร้างตึกแล้วจำเลยอื่นทั้ง 2 นั้นก็ได้เข้าอยู่ในตึกคนละ 1 ห้อง ตามสัญญาดังกล่าว กรณีเช่นนี้ต้องด้วย ป.พ.พ. มาตรา 374 จำเลยอื่นทั้ง 2 นี้แม้ไม่ใช่คู่สัญญาก็มีสิทธิที่จะอยู่ในตึกตามสัญญานั้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 407/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนหุ้นส่วนและผลกระทบต่อความเป็นหุ้นส่วน รวมถึงขอบเขตคำขอในฟ้อง
เมื่อหุ้นส่วนบางคนตายผู้เป็นหุ้นส่วนที่ยังอยู่ได้รับโอนหุ้นและยินยอมให้ผู้ถือหุ้นใหม่รับโอนหุ้นสืบต่อๆ กันมาโดยความยินยอมจนถึงโจทก์จำเลยดังนี้ หุ้นส่วนนั้นยังคงมีอยู่ต่อไปมิได้เลิกจากกัน
โจทก์บรรยายในฟ้องว่า เมื่อทำสัญญาเข้าหุ้นส่วนแล้วหุ้นส่วนได้สร้างโรงมหรสพขึ้นบนที่พิพาทและได้ประกอบกิจการมหรสพติดต่อตลอดมาจนบัดนี้ และในคำขอท้ายฟ้องเขียนว่า ที่พิพาทดังกล่าวในฟ้องเป็นของหุ้นส่วน มิใช่ของจำเลยผู้เดียว ดังนี้คำขอท้ายฟ้องดังกล่าวย่อมหมายถึงโรงมหรสพดังกล่าวในฟ้องด้วยที่ศาลพิพากษารวมถึงโรงมหรสพด้วยจึงไม่ใช่พิพากษาเกินคำขอ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 407/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงหุ้นส่วนและการเลิกห้างหุ้นส่วน ความยินยอมในการโอนหุ้น และการพิพากษาไม่เกินคำขอ
เมื่อหุ้นส่วนบางคนตาย ผู้เป็นหุ้นส่วนที่ยังอยู่ได้รับโอนหุ้นและยินยอมให้ผู้ถือหุ้นใหม่รับโอนหุ้นสืบต่อ ๆ กันมาโดยความยินยอมจนถึงโจทก์จำเลย ดังนี้ หุ้นส่วนนั้นยังคงมีอยู่ต่อไปมิได้เลิกจากกัน
โจทก์บรรยายในฟ้องว่า เมื่อทำสัญญาเข้าหุ้นส่วนแล้ว หุ้นส่วนได้สร้างโรงมหรสพขึ้นบนที่พิพาท และได้ประกอบกิจการมหรสพติดต่อตลอดมาจนบัดนี้ และในคำขอท้ายฟ้องเขียนว่า ที่พิพาทดังกล่าวในฟ้องเป็นของหุ้นส่วน มิใช่ของจำเลยผู้เดียว ดังนี้คำขอท้ายฟ้องดังกล่าวย่อมหมายถึงโรงมหรสพดังกล่าวในฟ้องด้วย ที่ศาลพิพากษารวมถึงโรงมหรสพด้วยจึงไม่ใช่พิพากษาเกินคำขอ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 400/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายเหมาที่ดิน: การตีความเนื้อที่และราคาตามสัญญา
สัญญาจะซื้อขายที่ดินแม้จะไม่ระบุว่าขายเหมา ถ้าข้อสัญญาแสดงว่าซื้อขายกันทั้งแปลงตามที่ระบุและทำแผนที่สังเขปไว้โดยตกลงราคาแน่นอนระบุเนื้อที่ดินแต่โดยประมาณไม่กำหนดว่าตารางวาละเท่าใด ฯลฯ ถือเป็นการขายเหมาเนื้อที่เกินจากที่ประมาณไว้ผู้ขายจะเรียกราคาเพิ่มไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 369/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ศาลฎีกาไม่จำต้องฟังข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยนอกคำพยานหลักฐาน และพิพากษากลับได้
กรณีที่เป็นการวินิจฉัยนอกคำพยานหลักฐานในสำนวน
เมื่อข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาเป็นการวินิจฉัยนอกคำพยานหลักฐานในสำนวน ศาลฎีกาย่อมไม่จำต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยนอกสำนวนนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 369/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวินิจฉัยนอกเหนือพยานหลักฐาน ศาลฎีกามีอำนาจไม่รับฟังและพิพากษากลับได้
กรณีที่เป็นการวินิจฉัยนอกคำพยานหลักฐานในสำนวนเมื่อข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาเป็นการวินิจฉัยนอกคำพยานหลักฐานในสำนวนศาลฎีกาย่อมไม่จำต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยนอกสำนวนนั้น
of 115