พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,149 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 36/2501
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            ผลคำพิพากษาคดีอาญาไม่ผูกพันคู่ความในคดีแพ่ง หากไม่ได้เป็นคู่ความในคดีอาญานั้น
                        
                        แม้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 จะได้บัญญัติไว้ว่าในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาก็ดี แต่บัญญัติของมาตรานี้ก็อยู่ภายใต้บังคับของบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 กล่าวคือจะผูกพันก็แต่คู่ความเดียวกันเท่านั้น
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 36/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            ผลผูกพันคำพิพากษาคดีอาญาต่อคดีแพ่ง: ข้อจำกัดเรื่องคู่ความ
                        
                        แม้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 46 จะได้บัญญัติไว้ว่าในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาก็ดี แต่บัญญัติของมาตรานี้ก็อยู่ภายใต้บังคับของบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธี พิจารณาความแพ่งมาตรา 145 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 15 กล่าวคือจะผูกพันก็แต่คู่ความเดียวกันเท่านั้น
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 35/2501
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            สิทธิครอบครองที่ดิน: อายุความ, หนังสือมอบอำนาจ, และการละเมิดสิทธิ
                        
                        โจทก์ฟ้องจำเลยเพราะเหตุจำเลยละเมิดสิทธิครอบครองของโจทก์
ไม่ใช่เรื่องโจทก์ฟ้องเรียกมรดก จึงไม่จำเป็นต้องบรรยายว่าบิดาโจทก์ตายเมื่อใด และใครเป็นทายาทบ้าง
หนังสือมอบอำนาจท้ายฟ้อง (ให้จัดการทรัพย์สินและให้ฟ้องร้องได้)เป็นเอกสารแสดงการมอบอำนาจให้ทำการแทนในกิจการมากกว่าครั้งเดียวแต่มิได้กระทำในลักษณะเป็นรูปตราสารสัญญาหากเป็นเพียงเอกสารที่ทำแต่ลำพังผู้มอบอำนาจฝ่ายเดียวจึงต้องเสียอากรแสตมป์ตามบัญชีอัตราอากรแสตมป์ข้อ 7 ข. อันกำหนดไว้ 5 บาท หาใช่การมอบอำนาจทั่วไปในเรื่องตัวแทนตามข้อ 21 ข. ซึ่งกำหนดให้ปิด 10 บาท นั้นไม่เมื่อได้ปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนถูกต้องดังนี้แล้ว ก็ใช้เป็นพยานหลักฐานในศาลได้
โจทก์เพิ่งทราบพฤติการณ์ของจำเลยเมื่อจำเลยที่ 3 ได้เข้ามารบกวนและบังอาจบุกรุกสิทธิการครอบครองของโจทก์อายุความจึงต้องนับตั้งแต่โจทก์รู้ถึงการละเมิดและนับแต่วันนั้นมาจนถึงวันฟ้องยังไม่เกิน1 ปี ฟ้องของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
                                    ไม่ใช่เรื่องโจทก์ฟ้องเรียกมรดก จึงไม่จำเป็นต้องบรรยายว่าบิดาโจทก์ตายเมื่อใด และใครเป็นทายาทบ้าง
หนังสือมอบอำนาจท้ายฟ้อง (ให้จัดการทรัพย์สินและให้ฟ้องร้องได้)เป็นเอกสารแสดงการมอบอำนาจให้ทำการแทนในกิจการมากกว่าครั้งเดียวแต่มิได้กระทำในลักษณะเป็นรูปตราสารสัญญาหากเป็นเพียงเอกสารที่ทำแต่ลำพังผู้มอบอำนาจฝ่ายเดียวจึงต้องเสียอากรแสตมป์ตามบัญชีอัตราอากรแสตมป์ข้อ 7 ข. อันกำหนดไว้ 5 บาท หาใช่การมอบอำนาจทั่วไปในเรื่องตัวแทนตามข้อ 21 ข. ซึ่งกำหนดให้ปิด 10 บาท นั้นไม่เมื่อได้ปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนถูกต้องดังนี้แล้ว ก็ใช้เป็นพยานหลักฐานในศาลได้
โจทก์เพิ่งทราบพฤติการณ์ของจำเลยเมื่อจำเลยที่ 3 ได้เข้ามารบกวนและบังอาจบุกรุกสิทธิการครอบครองของโจทก์อายุความจึงต้องนับตั้งแต่โจทก์รู้ถึงการละเมิดและนับแต่วันนั้นมาจนถึงวันฟ้องยังไม่เกิน1 ปี ฟ้องของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 33/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การเช่าเคหะตามพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ สัญญาเช่าเดิมใช้ไม่ได้ ผู้ให้เช่าฟ้องขับไล่ไม่ได้
                        
                        การเช่าโรงเก็บรถนั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ตามคำพยานและสภาพของสถานที่ว่าเช่าเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยก็ถือว่าเป็นการเช่า "เคหะ" ตามความหมายของกฎหมายว่าด้วยการควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน
แม้สัญญาจะมีถ้อยคำว่า "เช่าโรงรถ"ก็ตาม คู่ความก็ยังนำสืบได้ว่าเมื่อเช่ามาแล้วมิได้ใช้เก็บรถ หากใช้เป็นที่อยู่อาศัยตลอดมาไม่เป็นการสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสาร
การให้เช่า "เคหะ" ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมค่าเช่านั้น ผู้ให้เช่าจะถือเอาเหตุที่สัญญาสิ้นอายุมาฟ้องขับไล่ผู้เช่าไม่ได้ และผู้ให้เช่าจะได้บอกกล่าวเลิกสัญญาหรือไม่ก็ไม่สำคัญ
ในเรื่องเช่า "เคหะ" ข้อสัญญาที่ว่าเมื่อครบกำหนดสัญญาเช่า ผู้เช่ายอมให้ถือว่าผู้เช่ายินยอมออกจากที่เช่าตาม พ.ร.บ. ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ นั้นความยินยอมเช่นว่านี้ใช้บังคับไม่ได้ (เทียบฎีกาที่ 1963 - 1965/2494 ฏีกาที่ 769/2494)
                                    แม้สัญญาจะมีถ้อยคำว่า "เช่าโรงรถ"ก็ตาม คู่ความก็ยังนำสืบได้ว่าเมื่อเช่ามาแล้วมิได้ใช้เก็บรถ หากใช้เป็นที่อยู่อาศัยตลอดมาไม่เป็นการสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสาร
การให้เช่า "เคหะ" ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมค่าเช่านั้น ผู้ให้เช่าจะถือเอาเหตุที่สัญญาสิ้นอายุมาฟ้องขับไล่ผู้เช่าไม่ได้ และผู้ให้เช่าจะได้บอกกล่าวเลิกสัญญาหรือไม่ก็ไม่สำคัญ
ในเรื่องเช่า "เคหะ" ข้อสัญญาที่ว่าเมื่อครบกำหนดสัญญาเช่า ผู้เช่ายอมให้ถือว่าผู้เช่ายินยอมออกจากที่เช่าตาม พ.ร.บ. ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ นั้นความยินยอมเช่นว่านี้ใช้บังคับไม่ได้ (เทียบฎีกาที่ 1963 - 1965/2494 ฏีกาที่ 769/2494)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 33/2501
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การเช่าเคหะ: สัญญาเช่าโรงรถใช้เป็นที่อยู่อาศัย ผู้ให้เช่าฟ้องขับไล่ไม่ได้
                        
                        การเช่าโรงเก็บรถนั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ตามคำพยานและสภาพของสถานที่ว่าเช่าเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยก็ถือว่าเป็นการเช่า 'เคหะ' ตามความหมายของกฎหมายว่าด้วยการควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน
แม้สัญญาจะมีถ้อยคำว่า 'เช่าโรงรถ' ก็ตามคู่ความก็ยังนำสืบได้ว่าเมื่อเช่ามาแล้วมิได้ใช้เก็บรถหากใช้เป็นที่อยู่อาศัยตลอดมาไม่เป็นการสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสาร
การให้เช่า 'เคหะ' ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมค่าเช่านั้นผู้ให้เช่าจะถือเอาเหตุที่สัญญาสิ้นอายุมาฟ้องขับไล่ผู้เช่าไม่ได้และผู้ให้เช่าจะได้บอกกล่าวเลิกสัญญาหรือไม่ก็ไม่สำคัญ
ในเรื่องเช่า 'เคหะ' ข้อสัญญาที่ว่าเมื่อครบกำหนดสัญญาเช่า ผู้เช่ายอมให้ถือว่าผู้เช่ายินยอมออกจากที่เช่าตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขันนั้น ความยินยอมเช่นว่านี้ใช้บังคับไม่ได้(เทียบฎีกาที่ 1963-1965/2494, ฎีกาที่ 769/2494)
                                    แม้สัญญาจะมีถ้อยคำว่า 'เช่าโรงรถ' ก็ตามคู่ความก็ยังนำสืบได้ว่าเมื่อเช่ามาแล้วมิได้ใช้เก็บรถหากใช้เป็นที่อยู่อาศัยตลอดมาไม่เป็นการสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสาร
การให้เช่า 'เคหะ' ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมค่าเช่านั้นผู้ให้เช่าจะถือเอาเหตุที่สัญญาสิ้นอายุมาฟ้องขับไล่ผู้เช่าไม่ได้และผู้ให้เช่าจะได้บอกกล่าวเลิกสัญญาหรือไม่ก็ไม่สำคัญ
ในเรื่องเช่า 'เคหะ' ข้อสัญญาที่ว่าเมื่อครบกำหนดสัญญาเช่า ผู้เช่ายอมให้ถือว่าผู้เช่ายินยอมออกจากที่เช่าตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขันนั้น ความยินยอมเช่นว่านี้ใช้บังคับไม่ได้(เทียบฎีกาที่ 1963-1965/2494, ฎีกาที่ 769/2494)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 32/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การเช่าที่ดินเพื่ออยู่อาศัย แม้ระบุในสัญญาว่าเพื่อการค้า ยังคงได้รับการคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
                        
                        แม้หนังสือสัญญาเช่าจะระบุไว้ว่าเช่าเพื่อใช้ทำการค้าก็ย่อมนำสืบความจริงว่าได้ใช้เป็นที่อยู่อาศัยเป็นส่วนใหญ่  อันได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขันได้ ไม่เป็นการสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสารอันต้องห้ามตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา 94
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 32/2501
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การเช่าเพื่ออยู่อาศัย แม้มีเจตนาทำการค้าบ้าง ก็ยังได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายควบคุมค่าเช่า
                        
                        แม้หนังสือสัญญาเช่าจะระบุไว้ว่าเช่าเพื่อใช้ทำการค้าก็ย่อมนำสืบความจริงว่าได้ใช้เป็นที่อยู่อาศัยเป็นส่วนใหญ่อันได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขันฯได้ไม่เป็นการสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสารอันต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง  มาตรา 94
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 28/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            อำนาจฟ้องคดีบุกรุกที่ดินสาธารณะ และหน้าที่การนำสืบพิสูจน์ความเป็นเจ้าของ
                        
                        กรมการอำเภอมีหน้าที่ทะนุบำรุงและตรวจตรารักษาทรัพย์สินที่ดินอันเป็นสาธารณะประโยชน์ของแผ่นดิน ย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่ผู้บุกรุกที่เข้ามายึดถึอเอาที่ดินนั้นได้
เรื่องเช่นนี้ เมื่อจำเลยปฏิเสธและต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นที่ที่มีเจ้าของ ไม่ใช่ที่หวงห้าม หน้าที่นำสืบก่อนย่อมตกอยู่แก่ฝ่ายโจทก์
                                    เรื่องเช่นนี้ เมื่อจำเลยปฏิเสธและต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นที่ที่มีเจ้าของ ไม่ใช่ที่หวงห้าม หน้าที่นำสืบก่อนย่อมตกอยู่แก่ฝ่ายโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 28/2501
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            อำนาจฟ้องคดีบุกรุกที่สาธารณะ และภาระการพิสูจน์เมื่อจำเลยปฏิเสธ
                        
                        กรมการอำเภอมีหน้าที่ทะนุบำรุงและตรวจตรารักษาทรัพย์สินที่ดินอันเป็นสาธารณะประโยชน์ของแผ่นดินย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่ผู้บุกรุกที่เข้ามายึดถือเอาที่ดินนั้นได้
เรื่องเช่นนี้ เมื่อจำเลยปฏิเสธและต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นที่ที่มีเจ้าของไม่ใช่ที่หวงห้ามหน้าที่นำสืบก่อนย่อมตกอยู่แก่ฝ่ายโจทก์
                                    เรื่องเช่นนี้ เมื่อจำเลยปฏิเสธและต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นที่ที่มีเจ้าของไม่ใช่ที่หวงห้ามหน้าที่นำสืบก่อนย่อมตกอยู่แก่ฝ่ายโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 27/2501
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การซื้อขายห้องเช่าบนที่ดินของผู้อื่น สิทธิการเช่าย่อมรวมอยู่ด้วยหากมีเจตนา
                        
                        แม้ข้อความในหนังสือสัญญาซื้อขายห้องซึ่งเช่าปลูกอยู่ในที่ดินของคนอื่นจะไม่ได้กล่าวถึงการตกลงกันเรื่องโอนสิทธิการเช่าที่ดินในภายหลังไว้ด้วย แต่เมื่อคู่ความรับกันว่า วัตถุประสงค์แห่งการซื้อขายห้อง ผู้ซื้อประสงค์จะให้ห้องที่ซื้อปลูกอยู่ในที่ดินที่เช่าต่อไปผู้ซื้อไม่จำต้องสืบพยานในข้อนั้น ก็ฟังได้ว่าการซื้อขายนั้นรวมทั้งสิทธิการเช่าที่ดินด้วย