คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ประศาสน์วินิจฉัย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,149 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 81/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลพลเรือน: คดีร่วมกระทำผิด - ศาลวินิจฉัยจำเลยที่ 2 ไม่ผิดร่วม จึงไม่อำนาจพิจารณา
ในกรณีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมูลคดีในการไต่สวนมูลฟ้องว่าจำเลยที่ 2 มิได้กระทำผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ถือว่าศาลทั้งสองวินิจฉัยข้อเท็จจริงต้องกัน ซึ่งตามลักษณะอุทธรณ์ฎีกาลักษณะ 2 ม.219 บัญญัติว่าห้ามมิให้โจทก์ฎีกาในดคีซึ่งศาลเดิมและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง ดังนั้นคดีเกี่ยวกับจำเลยที่ 2 โจทก์จึงฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้
ฟ้องทหารว่าสมคบกับพลเรือนกระทำผิดศาลไต่สวนแล้วได้ความว่าทหารกระทำผิดแต่ลำพังผู้เดียวดังนี้ศาลพลเรือนย่อมต้องจำหน่ายคดีที่ทหารถูกฟ้องนั้นเสียเพราะไม่อยู่ในอำนาจศาลพลเรือน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 32/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองทำประโยชน์ก่อน พ.ร.บ.ออกโฉนดที่ดิน (ฉบับที่ 6) และผลต่อการถูกขับไล่
การอ้างว่าได้มีการครอบครองทำประโยชน์ในที่พิพาทตั้งแต่ปี พ.ศ.2477 ซึ่งเป็นเวลาก่อนใช้ พระราชบัญญัติออกโฉนดที่ดิน(ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2479 นั้น เป็นการกล่าวอ้างข้อเท็จจริงที่จะต้องมีการนำพยานบุคคลเข้าสืบกันต่อไปทั้งนี้เพราะการครอบครองจะเริ่มมาแต่เมื่อใด สืบเนื่องกันมาอย่างไรยังจะต้องมีการนำสืบ หากการครอบครองมีมาก่อนบทกฎหมายที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ผู้ครอบครองจะถูกขับไล่ไม่ได้และไม่ชอบที่ศาลจะตัดพยานบุคคลเกี่ยวกับ.ประเด็นข้อครอบครองเพราะเหตุที่ผู้นำสืบไม่มีเอกสารสำคัญแสดงกรรมสิทธิในที่ดินพิพาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 32/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองทำประโยชน์ก่อนพ.ร.บ.ออกโฉนดที่ดิน และการนำสืบพยานหลักฐานข้อเท็จจริง
การอ้างว่าได้มีการครอบครองทำประโยชน์ในที่พิพาทตั้งแต่ปี พ.ศ. 2477 ซึ่งเป็นเวลาก่อนใช้ พ.ร.บ. ออกโฉนดที่ดิน (ฉบับที่ 6) 2479 นั้น เป็นการกล่าวอ้างข้อเท็จจริงที่จะต้องมีการนำพยานบุคคลเข้าสืบกัน ต่อไปทั้งนี้การครอบครองจะเริ่มมาแต่เมื่อใด สืบเนื่องกันมาอย่างไรยังจะต้องมีการนำสืบ หากการครอบครองมีมาก่อนบท ก.ม. ที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ผู้ครอบครองจะถูกขับไล่ไม่ได้และไม่ชอบที่ศาลจะตัดพยานบุคคลเกี่ยวกับประเด็นข้อครอบครองเพราะเหตุที่ผู้นำสืบไม่มีเอกสารสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1738/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การให้การในคดีแพ่งต้องชัดเจน หากเปลี่ยนคำให้การขัดแย้งกับที่เคยต่อสู้ไว้ ศาลไม่รับฟัง
ให้จำเลยแสดงโดยชัดแจ้งในคำให้การว่าจำเลยยอมรับหรือปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ทั้งสิ้นหรือแต่บางส่วน รวมทั้งเหตุแห่งการนั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเช่าที่โจทก์ขอให้ขับไล่ ครั้งแรกจำเลยให้การว่าซื้อไม่ได้เช่า แม้ต่อมาจะร้องขอเพิ่มเติมคำให้การว่าที่ที่โจทก์ขับไล่นั้นจำเลยได้อาศัยอยู่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯแต่ในคำร้องนั้นจำเลยก็ไม่ได้ถือว่าได้เช่าที่ดินมาเพื่อใช้เป็นเคหะจำเลย อ้างแต่เพียงว่าได้ปลูกห้องแถวอยู่อาศัยการซื้อที่ดินปลูกห้องแถวอยู่อาศัยมิได้เกี่ยวกับ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ แต่อย่างใด ประเด็นมีแต่เพียงว่าจำเลยซื้อหรือเช่าการเช่าเพื่ออยู่อาศัยไม่มีใครอ้าง ที่จำเลยว่าปลูกห้องแถวอยู่อาศัยก็มิได้ว่าปลูกโดยอาศัยสัญญาเช่า จึงไม่มีข้อที่จะต้องพิจารณาว่าได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1738/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การให้การเปลี่ยนแปลงทางคำฟ้องและการยกเว้นข้ออ้างที่ไม่สอดคล้องกับคำให้การเดิม ทำให้ไม่ได้พิจารณาความคุ้มครองตามกฎหมาย
ให้จำเลยแสดงโดยชัดแจ้งในคำให้การว่าจำเลยยอมรับหรือปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ทั้งสิ้นหรือแต่บางส่วน รวมทั้งเหตุแห่งการนั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเช่าที่โจทก์ขอให้ขับไล่ ครั้งแรกจำเลยให้การว่าซื้อไม่ได้เช่า แม้ต่อมาจะร้องขอเพิ่มเติมคำให้การว่าที่ที่โจทก์ขับไล่นั้นจำเลยได้อาศัยอยู่ได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ แต่ในคำร้องนั้นจำเลยก็ไม่ได้ถือว่าได้เช่าที่ดินมาเพื่อใช้เป็นเคหะ จำเลยอ้างแต่เพียงว่าได้ปลูกห้องแถวอยู่อาศัยการซื้อที่ดินปลูกห้องแถวอยู่อาศัยมิได้เกี่ยวกับพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯแต่อย่างใด ประเด็นมีแต่เพียงว่าจำเลยซื้อหรือเช่าการเช่าเพื่ออยู่อาศัยไม่มีใครอ้าง ที่จำเลยว่าปลูกห้องแถวอยู่อาศัยก็มิได้ว่าปลูกโดยอาศัยสัญญาเช่า จึงไม่มีข้อที่จะต้องพิจารณาว่าได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ หรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1738/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การให้การต่อสู้คดีที่ขัดแย้งกันเองทำให้สิทธิการอ้างความคุ้มครองตามกฎหมายสูญเสีย
ให้จำเลยแสดงโดยชัดแจ้งในคำให้การว่าจำเลยยอมรับหรือปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ทั้งสิ้นหรือแต่บางส่วน รวมทั้งเหตุแห่งการนั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเช่าที่โจทก์ขอให้ขับไล่ ครั้งแรกจำเลยให้การว่าซื้อไม่ได้เช่า แม้ต่อมาจะร้องขอเพิ่มเติมคำให้การว่าที่ที่โจทก์ขับไล่นั้นจำเลยได้อาศัยอยู่ได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ แต่ในคำร้องนั้นจำเลยก็ไม่ได้ถือว่าได้เช่าที่ดินมาเพื่อใช้เป็นเคหะ จำเลยอ้างแต่เพียงว่าได้ปลูกห้องแถวอยู่อาศัยการซื้อที่ดินปลูกห้องแถวอยู่อาศัยมิได้เกี่ยวกับพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯแต่อย่างใด ประเด็นมีแต่เพียงว่าจำเลยซื้อหรือเช่าการเช่าเพื่ออยู่อาศัยไม่มีใครอ้าง ที่จำเลยว่าปลูกห้องแถวอยู่อาศัยก็มิได้ว่าปลูกโดยอาศัยสัญญาเช่า จึงไม่มีข้อที่จะต้องพิจารณาว่าได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ หรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1728/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หลักฐานทางอ้อมพิสูจน์ความผิดฐานลักทรัพย์ และการขาดการร้องทุกข์ทำให้ฟ้องฐานฉ้อโกงไม่ได้
ที่จะมีความผิดฐานลักทรัพย์นั้นแม้ไม่มีประจักษ์พยานเห็นว่าจำเลยเป็นคนร้ายเข้าไปลักกระบือ แต่ได้ความว่ากระบือหายเวลาก่อนแจ้ง กำนันจับจำเลยได้ขณะขี่กระบือในวันรุ่งขึ้นเวลาบ่าย จำเลยก็รับว่าไม่รู้จักเจ้าทรัพย์ แม้บ้านก็ไม่รู้จัก ครั้นจำเลยได้ประกันตัวไปจากอำเภอเพื่อนำหลักฐานมาแสดง จำเลยก็ตรงไปหาเจ้าทรัพย์ถูก ซ้ำยังหลอกลวงว่าจะไปไถ่กระบือคืนให้ให้เจ้าทรัพย์มอบตั๋วพิมพ์รูปพรรณไป พฤติการณ์ดังนี้เป็นเหตุแวดล้อมให้เห็นว่าจำเลยนั่นเองเป็นผู้เข้าไปลักกระบือรายนี้
อันความผิดฐานฉ้อโกงนั้นแม้ในฟ้องจะกล่าวว่า เจ้าทุกข์ได้ร้องทุกข์ให้เจ้าพนักงานสอบสวนจัดการดำเนินคดีแก่จำเลยก็ดีแต่เวลาโจทก์นำสืบไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานขอให้ดำเนินคดีในความผิดฐานนี้เลยทั้งหลักฐานการร้องทุกข์ก็ไม่ปรากฏ ฉะนั้นจะฟังว่าผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานขอให้ดำเนินคดีแก่จำเลยหาได้ไม่ โจทก์จึงฟ้องจำเลยฐานฉ้อโกงยังไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1728/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หลักฐานแวดล้อมบ่งชี้การลักทรัพย์ & การขาดการร้องทุกข์ในคดีฉ้อโกง
ที่จะมีความผิดฐานลักทรัพย์นั้นแม้ไม่มีประจักษ์พยานเห็นว่าจำเลยเป็นคนร้ายเข้าไปลักกระบือ แต่ได้ความว่ากระบือหายเวลาก่อนแจ้ง กำนันจับจำเลยได้ขณะขี่กระบือในวันรุ่งขึ้นเวลาบ่าย จำเลยก็รับว่าไม่รู้จักเจ้าทรัพย์ แม้บ้านก็ไม่รู้จัก ครั้นจำเลยได้ประกันตัวไปจากอำเภอเพื่อนำหลักฐานมาแสดง จำเลยก็ตรงไปหาเจ้าทรัพย์ถูก ซ้ำยังหลอกลวงว่าจะไปไถ่กระบือคืนให้ให้เจ้าทรัพย์มอบตั๋วพิมพ์รูปพรรณไป พฤติการณ์ดังนี้เป็นเหตุแวดล้อมให้เห็นว่าจำเลยนั่นเองเป็นผู้เข้าไปลักกระบือรายนี้
อันความผิดฐานฉ้อโกงนั้นแม้ในฟ้องจะกล่าวว่า เจ้าทุกข์ได้ร้องทุกข์ให้เจ้าพนักงานสอบสวนจัดการดำเนินคดีแก่จำเลยก็ดีแต่เวลาโจทก์นำสืบไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานขอให้ดำเนินคดีในความผิดฐานนี้เลยทั้งหลักฐานการร้องทุกข์ก็ไม่ปรากฏ ฉะนั้นจะฟังว่าผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานขอให้ดำเนินคดีแก่จำเลยหาได้ไม่ โจทก์จึงฟ้องจำเลยฐานฉ้อโกงยังไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1728/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐานทางอ้อมพิสูจน์ความผิดฐานลักทรัพย์ และการขาดการร้องทุกข์ในความผิดฐานฉ้อโกง
ที่จะมีความผิดฐานลักทรัพย์นั้นแม้ไม่มีประจักษ์พยานเห็นว่าจำเลยเป็นคนร้ายเข้าไปลักกระบือแต่ได้ความว่ากระบือหายเวลาค่อนแจ้ง กำนันจับจำเลยได้ขณะขี่กระบือในวันรุ่งขึ้นเวลาบ่าย จำเลยก็รับว่าไม่รู้จักเจ้าทรัพย์แม้บ้านก็ไม่รู้จัก ครั้นจำเลยได้ประกันตัวไปจากอำเภอเพื่อนำหลักฐานมาแสดง จำเลยก็ตรงไปหาเจ้าทรัพย์ถูก ซ้ำยังหลอกลวงว่าจะไปไถ่กระบือคืนให้ ๆ เจ้าทรัพย์มอบตั๋วพิมพ์รูปพรรณไปพฤติการณ์ดังนี้เป็นเหตุแวดล้อมให้เห็นว่าจำเลยนั่นเองเป็นผู้เข้าไปลักกระบือรายนี้
อันความผิดฐานฉ้อโกงนั้นแม้ในฟ้องจะกล่าวว่า เจ้าทุกข์ได้ร้องทุกข์ให้เจ้าพนักงานสอบสวนจัดการดำเนินคดีแก่จำเลยก็ดีแต่เวลาโจทก์นำสืบไม่ปรากฎว่าผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงาน ขอให้ดำเนินคดีในความผิดฐานี้เลย ทั้งหลักฐานการร้องทุกข์ก็ไม่ปรากฎฉนั้นจะฟังว่าผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานขอให้ดำเนินคดีแก่จำเลยหาได้ไม่ โจทก์จึงฟ้องจำเลยฐานฉ้อโกงยังไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1727/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานอนุญาตตัดไม้เกินอำนาจ ไม่ถือเป็นทำลายทรัพย์สินตาม ม.129 อาญา
จะมีความผิดตาม กฎหมายอาญา มาตรา 129 ก็ต่อเมื่อได้ความว่าผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ท่านใช้ให้มีหน้าที่ปกครองหรือพิทักษ์รักษาทรัพย์หรือหนังสืออย่างใดใด ถ้ามันมิได้มีอำนาจที่จะทำได้โดยชอบด้วยกฎหมาย และมันทำลายทรัพย์หรือหนังสือนั้นๆ หรือทำให้วิปลาสบุบสลายหรือมันยอมให้ผู้อื่นกระทำเช่นนั้นโดยมันรู้เห็นเป็นใจด้วยก็ดี จึงจะมีความผิด
เมื่อได้ความว่าจำเลยเป็นผู้รักษาการป่าไม้อำเภอ อนุญาตให้ผู้มีชื่อตัดไม้โดยไม่อยู่ในอำนาจที่จะอนุญาตได้เพียงเท่านี้จึงไม่ใช่เรื่องเจตนาทำลายทรัพย์หรือหนังสืออย่างใดตามความใน มาตรา 129 และเมื่อคดีไม่มีปัญหาที่จะวินิจฉัยว่าจำเลยจะมีความผิดสถานอื่นอีกหรือไม่เพราะไม่มีฝ่ายใดฎีกา คดีจึงไม่มีทางลงโทษจำเลยได้
of 115