คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ประศาสน์วินิจฉัย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,149 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 433/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงสถานะโทษกักกันเป็นวิธีการเพื่อความปลอดภัยหลังมีกฎหมายใหม่ และผลกระทบต่อการล้างมลทิน
ศาลพิพากษาจำคุกจำเลย 1 ปี และให้ส่งตัวไปกักกันอีก 3 ปีคดีถึงที่สุดก่อนใช้พระราชบัญญัติล้างมลทินและประมวลกฎหมายอาญาเมื่อจำเลยถูกจำคุกครบ 1 ปี แล้วระหว่างที่จำเลยถูกกักกันอยู่ มีพระราชบัญญัติล้างมลทินฯและประมวลกฎหมายอาญา ประกาศใช้บังคับเมื่อความผิดของจำเลยที่ต้องคำพิพากษามาแล้วนั้น เข้าเกณฑ์ที่ศาลอาจพิพากษาให้กักกันได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา41โทษกักกันที่จำเลยได้รับอยู่จึงเปลี่ยนลักษณะมาเป็นวิธีการเพื่อความปลอดภัยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา15 วรรคแรกแม้ตามประมวลกฎหมายอาญาไม่ถือว่ากักกันเป็นโทษหากเป็นแต่เพียงวิธีการเพื่อความปลอดภัยที่จำเลยยังต้องรับต่อไปก็ตามก็ยังไม่ถือว่าจำเลยได้พ้นโทษกักกันนั้นไปแล้ว เพราะยังต้องถูกกักกันอยู่ โดยผลแห่งคำพิพากษาของศาลความผิดในกรณีนี้ของจำเลยจึงยังไม่ถูกลบล้างตาม มาตรา3 พระราชบัญญัติลบล้างมลทินฯ พ.ศ.2499 ศาลจะสั่งปล่อยจำเลยไปหาได้ไม่ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2502)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 433/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงโทษกักกันเป็นวิธีการเพื่อความปลอดภัยหลังมี พ.ร.บ. ล้างมลทินฯ และประมวลกฎหมายอาญา
ศาลพิพากษาจำคุกจำเลย 1 ปีและให้ส่งตัวไปกักกันอีก 3 ปี คดีถึงที่สุดก่อนใช้ พ.ร.บ. ล้างมลทินและประมวลกฎหมายอาญา เมื่อจำเลยถูกจำคุกครบ 1 ปีแล้ว ระหว่างที่จำเลยถูกกักกันอยู่ มีพ.ร.บ. ล้างมลทินฯ และประมวลกฎหมายอาญา ประกาศใช้บังคับ เมื่อความผิดของจำเลยที่ต้องคำพิพากษามาแล้วนั้น เข้าเกณฑ์ที่ศาลอาจพิพากษาให้กักกันได้ตามประมวลกฎหมายอาญา ม. 41 โทษกักกันที่จำเลยได้รับอยู่จึงเปลี่ยนลักษณะมาเป็นวิธีการเพื่อความปลอดภัยตามประมวลกฎหมายอาญา ม. 15 วรรคแรกแม้ตามประมวลกฎหมายอาญาไม่ถือว่ากักกันเป็นโทษ หากเป็นแต่เพียงวิธีการเพื่อความปลอดภัยที่จำเลยยังต้องรับต่อไปก็ตาม ก็ยังไม่ถือว่าจำเลยได้พ้นโทษกักกันนั้นไปแล้ว เพราะยังต้องถูกกักกันอยู่ โดยผลแห่งคำพิพากษาของศาล ความผิดในกรณีนี้ของจำเลยจึงยังไม่ถูกลบล้างตาม ม. 3 พ.ร.บ. ล้างมลทินฯ พ.ศ. 2499 ศาลจะสั่งปล่อยจำเลยไปหาได้ไม่ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2502)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 431/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องร้องซ้ำในคดีทรัพย์สินมรดก: เมื่อโจทก์มิได้เป็นคู่ความในคดีก่อน แม้ภรรยาจะเป็นคู่ความ
ภรรยาโจทก์คดีนี้ถูกฟ้องเป็นจำเลยในคดีก่อนขอแบ่งมรดกศาลฎีกาตัดสินคดีนั้นว่าทรัพย์ที่พิพาทเป็นมรดกให้แบ่งระหว่างภรรยาโจทก์กับจำเลยทั้งสามในคดีนี้คนละส่วน ดั่งนี้ โจทก์ผู้เป็นสามีกลับมาฟ้องขอให้ห้ามจำเลยทั้งสามเกี่ยวข้องกับทรัพย์พิพาทนั้นได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา 148 เพราะในคดีก่อนโจทก์ไม่ได้เข้าเป็นคู่ความด้วย และในคดีก่อนก็มิใช่คดีที่ศาลได้มีคำสั่งให้ขับไล่ภรรยาโจทก์ตามมาตรา 142 (1) ฉะนั้น จะใช้คำพิพากษาในคดีก่อนบังคับตลอดถึงบริวารด้วยย่อมไม่ตรงกับเรื่อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 431/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำในคดีทรัพย์มรดก: ศาลฎีกาพิจารณาว่าโจทก์มิได้เป็นคู่ความในคดีก่อน จึงไม่ผูกพันตามคำพิพากษา
ภรรยาโจทก์คดีนี้ถูกฟ้องเป็นจำเลยในคดีก่อนขอแบ่งมรดกศาลฎีกาตัดสินคดีนั้นว่าทรัพย์ที่พิพาทเป็นมรดกให้แบ่งระหว่างภรรยาโจทก์กับจำเลยทั้งสามในคดีนี้คนละส่วนดังนี้ โจทก์ผู้เป็นสามีกลับมาฟ้องขอให้ห้ามจำเลยทั้งสามเกี่ยวข้องกับทรัพย์พิพาทนั้นได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 เพราะในคดีก่อนโจทก์ไม่ได้เข้าเป็นคู่ความด้วย และในคดีก่อนก็มิใช่คดีที่ศาลได้มีคำสั่งให้ขับไล่ภรรยาโจทก์ตามมาตรา 142(1) ฉะนั้นจะใช้คำพิพากษาในคดีก่อนบังคับตลอดถึงบริวารด้วยย่อมไม่ตรงกับเรื่อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 398/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาเช่าไม่มีกำหนดเวลา การฟ้องขับไล่ และระยะเวลาบอกเลิกสัญญา
การเช่าที่ไม่มีกำหนดเวลา ผู้ให้เช่าบอกเลิกสัญญาเช่าตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2500 อันเป็นระยะเมื่อสุดระยะเวลาอันเป็นกำหนดชำระค่าเช่าของเดือนที่ล่วงแล้ว และยังฟ้องต่อศาลเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2500 ถือว่า ได้บอกเลิกสัญญาครบถ้วนตาม ป.พ.พ. มาตรา 566

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 398/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาเช่าไม่มีกำหนดเวลาและการฟ้องขับไล่
การเช่าที่ไม่มีกำหนดเวลาผู้ให้เช่าบอกเลิกสัญญาเช่าตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2500 อันเป็นระยะเมื่อสุดระยะเวลาอันเป็นกำหนดชำระค่าเช่าของเดือนที่ล่วงแล้ว และยังฟ้องต่อศาลเมื่อวันที่ 11 มีนาคม2500 ถือว่าได้บอกเลิกสัญญาครบถ้วนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 566

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 393/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความคำว่า 'สัตว์' ใน พ.ร.บ.อากรการฆ่าสัตว์: โค กระบือ ย่อมเข้าใจว่าเป็นสัตว์บ้าน
ฟ้องโจทก์ที่กล่าวหาว่าจำเลยทำการฆ่ากระบือถือว่าจำเลยย่อมเข้าใจฟ้องได้ดีว่าเป็นกระบือบ้านและไม่อาจเข้าใจผิดว่าเป็นกระบือป่าไปได้
ส่วน พระราชบัญญัติฆ่าสัตว์ พ.ศ.2488 มาตรา 4 ที่วิเคราะห์ศัพท์คำว่า 'สัตว์' ไว้ให้หมายความว่าโค กระบือแพะแกะ และสุกรที่ไม่ใช่สัตว์ป่านั้นก็เพื่อประโยชน์ที่จะทราบว่า พระราชบัญญัติประสงค์ควบคุมไปถึงสัตว์ป่าด้วยเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 393/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความคำว่า 'กระบือ' ในฟ้องอาญา: ศาลฎีกาชี้ว่าเป็นสัตว์บ้านตามความเข้าใจของสามัญชน
ฟ้องโจทก์ที่กล่าวหาว่าจำเลยทำการฆ่ากระบือ ถือว่า จำเลยย่อมเข้าใจฟ้องได้ดีว่าเป็นกระบือบ้านและไม่อาจเข้าใจผิดว่า เป็นกระบือป่าไปได้
ส่วน พ.ร.บ. อากรการฆ่าสัตว์ พ.ศ. 2488 มาตรา 4 ที่วิเคราะห์ศัพท์คำว่า "สัตว์" ไว้ให้หมายความว่าโค กระบือ แพะ แกะ และสุกรที่ไม่ใช่สัตว์ป่านั้น ก็เพื่อประโยชน์ที่จะทราบว่า พ.ร.บ. นี้ไม่ประสงค์จะควบคุมไปถึงสัตว์ป่าด้วยเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 360/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อขายและผลของการเข้าครอบครองที่ดินเฉพาะส่วน ศาลมีอำนาจพิพากษาให้โอนกรรมสิทธิ์ได้
สัญญามีข้อความว่า ผู้ขาย (จำเลย) สัญญาว่าจะส่งมอบทรัพย์ที่ขายนี้ให้แก่ผู้ซื้อ(โจทก์)ซึ่งผู้ขายได้รับราคาทรัพย์ที่ขายไปครบถ้วนแล้วซึ่งหมายความว่า ขณะทำสัญญายังหาได้มอบทรัพย์ที่ขายกันไม่เพราะต้องทำการโอนให้ถูกต้องตามกฎหมายด้วยและตามฟ้องของโจทก์ก็ว่าการซื้อขายนี้ได้ทำสัญญากันว่าเมื่อโจทก์(ผู้ซื้อ)ประสงค์จะให้จำเลย(ผู้ขาย)โอนกรรมสิทธิ์เมื่อใด จำเลย(ผู้ขาย)จะทำการโอนทันทีจำเลยไม่ได้ปฏิเสธหรือกล่าวแก้อย่างใดถือว่าจำเลยรับตามฟ้องดังนี้ สัญญาดังกล่าวจึงถือว่าเป็นสัญญาจะซื้อขาย
ฟ้องกล่าวว่า โจทก์ได้เข้าครอบครองที่ดินที่จำเลยขายให้เป็นส่วนสัดแล้ว ศาลย่อมพิพากษาให้จำเลยโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินเฉพาะส่วนของจำเลยให้โจทก์ได้เพราะผู้ที่มีกรรมสิทธิ์ร่วมกับจำเลยไม่ได้เข้ามาโต้แย้งอย่างใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 360/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อขายที่ดิน & การโอนกรรมสิทธิ์เฉพาะส่วน – ศาลมีอำนาจพิพากษาได้หากไม่มีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโต้แย้ง
สัญญามีข้อความว่า ผู้ขาย (จำเลย) สัญญาว่าจะส่งมอบทรัพย์ที่ขายนี้ให้แก่ผู้ซื้อ (โจทก์) ซึ่งผู้ขายได้รับราคาทรัพย์ที่ขายไปครบถ้วนแล้ว ซึ่งหมายความว่า ขณะทำสัญญายังหาได้มอบทรัพย์ที่ขายกันไม่ เพราะต้องทำการโอนให้ถูกต้องตามกฎหมายด้วยและตามฟ้องของโจทก์ก็ว่า การซื้อขายนี้ได้ทำสัญญากันว่า เมื่อโจทก์ (ผู้ซื้อ) ประสงค์จะให้จำเลย (ผู้ขาย) โอนกรรมสิทธิ์เมื่อใดจำเลย (ผู้ขาย) จะทำการโอนทันที จำเลยไม่ได้ปฏิเสธหรือกล่าวแก้อย่างใด ถือว่าจำเลยรับตามฟ้อง ดังนี้ สัญญาดังกล่าวจึงถือว่า เป็นสัญญาจะซื้อขาย
ฟ้องกล่าวว่า โจทก์ได้เข้าครอบครองที่ดินที่จำเลยขายให้เป็นส่วนสัดแล้ว ศาลย่อมพิพากษาให้จำเลยโอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน เฉพาะส่วนของจำเลยให้โจทก์ได้ เพราะผู้ที่มีกรรมสิทธิ์รวมกับจำเลยไม่ได้เข้ามาโต้แย้งอย่างใด
of 115