คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
วิเทศจรรยารักษ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 817 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1685/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องอาญาต้องชัดเจนถึงเจตนา หากไม่ระบุเจตนาฆ่า แม้จะอ้างมาตรา 250 ก็ลงโทษไม่ได้ และการนับโทษต่อต้องมีหลักฐานชัดเจน
ฟ้องโจทก์กล่าวว่าจำเลยกับพวกได้สมคบกันมีอาวุธปืนและไม้ฆ้อนเป็นศาสตราวุธตียิงทำร้ายร่างกายนายกุ่นและนายมาเป็นบาดแผลถึงบาดเจ็บสาหัส ทั้งนี้โดยจำเลยประสงค์จะเอาทรัพย์แล้วจำเลยกับพวกได้ปล้นเอาทรัพย์ของนายกุ่นนายมาไป ฯลฯนายกุ่นได้ถึงแก่ความตายโดยพิษบาดแผลที่ถูกทำร้าย ฯลฯดังนี้เห็นได้ชัดว่าฟ้องโจทก์บรรยายถึงแต่เรื่องปล้นทรัพย์และเจ้าทรัพย์ถูกทำร้ายมีบาดเจ็บสาหัสและถึงตาย มิได้ระบุว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าเจ้าทรัพย์เลย จะอ้างว่าโจทก์ได้ใส่หัวเรื่องในข้อหาฐานความผิดว่าสมคบกันทำการปล้นทรัพย์และฆ่าคนตายโดยเจตนามาประกอบฟ้องให้เข้าเกณฑ์ความผิดตามมาตรา 250 ก็ไม่ได้ เพราะหัวเรื่องนั้นไม่เรียกว่าบรรยายฟ้อง ดังนี้แม้โจทก์จะอ้างบทมาตรา 250 มาด้วยก็ดี ก็ลงโทษจำเลยตาม มาตรา 250 ไม่ได้ เพราะจำเลยเข้าใจข้อหาแต่เพียงว่าการปล้นทรัพย์ของจำเลยได้ทำให้เจ้าทรัพย์มีบาดเจ็บสาหัส
เมื่อไม่ปรากฏในสำนวนเลยว่าจำเลยเป็นคนคนเดียวกับในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ ทั้งไม่ปรากฏว่าได้ต้องโทษอยู่ในคดีดังกล่าว และจำเลยก็มิได้ให้การรับ ดังนี้จึงนับโทษต่อให้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1685/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องอาญาต้องชัดเจนถึงเจตนา หากไม่ระบุเจตนาฆ่า แม้มีหัวเรื่องความผิดฐานฆ่า ก็ลงโทษไม่ได้ และการนับโทษต่อต้องมีหลักฐานชัดเจน
ฟ้องโจทก์กล่าวว่าจำเลยกับพวกได้สมคบกันมีอาวุธปืนและไม้ฆ้อนเป็นศาสตราวุธตียิงทำร้ายร่างกายนายกุ่นและนายมาเป็นบาดแผลถึงบาดเจ็บสาหัส ทั้งนี้โดยจำเลยประสงค์จะเอาทรัพย์แล้วจำเลยกับพวกได้ปล้นเอาทรัพย์ของนายกุ่นนายมาไป ฯลฯ นายกุ่นได้ถึงแก่ความตายโดยพิษบาดแผลที่ถูกทำร้าย ฯลฯ ดังนี้เห็นได้ชัดว่าฟ้องโจทก์บรรยายถึงแต่เรื่องปล้นทรัพย์และเจ้าทรัพย์ถูกทำร้ายมีบาดเจ็บสาหัสและถึงตาย มิได้ระบุว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าเจ้าทรัพย์เลย จะอ้างว่าโจทก์ได้ใส่หัวเรื่องในข้อหาฐานความผิดว่าสมคบกันทำการปล้นทรัพย์และฆ่าคนตายโดยเจตนามาประกอบฟ้องให้เข้าเกณฑ์ความผิดตาม ม.250 ก็ไม่ได้ เพราะหัวเรื่องนั้นไม่เรียกว่าบรรยายคำฟ้อง ดังนี้แม้โจทก์จะอ้างบทมาตรา 250 มาด้วยก็ดี ก็ลงโทษจำเลยตาม ม.250 ไม่ได้เพราะจำเลยเข้าใจข้อหาแต่เพียงว่าการปล้นทรัพย์ของจำเลยได้ทำให้เจ้าทรัพย์มีบาดเจ็บสาหัส
เมื่อไม่ปรากฎในสำนวนเลยว่าจำเลยเป็นคน ๆ เดียวกับในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ ทั้งไม่ปรากฎว่าได้ต้องโทษอยู่ในคดีดังกล่าว และจำเลยก็มิได้ให้การรับ ดังนี้จึงนับโทษต่อให้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1683/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขู่เข็ญข่มขืนใจและชิงทรัพย์: ศาลลงโทษฐานทำให้เสื่อมเสียอิสระภาพ แม้ไม่มีหลักฐานการลักทรัพย์
โจทก์บรรยายฟ้องถึงการกระทำของจำเลยเข้าตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 299 และขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรานั้น แต่เมื่อทางพิจารณาฟังข้อเท็จจริงได้ความเพียงว่าการกระทำของจำเลยเป็นการขู่เข็ญข่มขืนใจให้เขาต้องจำยอมกระทำการตามความประสงค์ของจำเลย ด้วยการใช้มีดจ่อจี้ว่าจะทำร้าย เป็นความผิดอาญาฐานทำให้เสื่อมเสียอิสระภาพ ต้องตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 268 วรรคสาม และการกระทำอันเป็นการขู่เข็ญว่าจะทำร้ายนี้ย่อมเป็นส่วนหนึ่งของการกระทำผิดอาญาฐานชิงทรัพย์ ทั้งโจทก์ได้บรรยายถึงการกระทำนี้มาในฟ้องแล้ว แม้ข้อเท็จจริงจะยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำการลักทรัพย์ ศาลก็ลงโทษจำเลยเท่าที่จำเลยทำผิด คือลงโทษตาม มาตรา 268 วรรคสาม นั้นได้ ไม่ถือว่านอกความประสงค์ของโจทก์ที่ขอให้ลงโทษ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1657/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการแทงด้วยอาวุธอันตราย: การพิจารณาจากลักษณะบาดแผลและการกระทำ
จำเลยแทงผู้ตายด้วยมีดปลายแหลมของกลางซึ่งยาวมาก แทงตรงที่อกซ้ายทะลุปอดและหัวใจ แสดงว่าแทงโดยแรงและไม่ได้แทงในขณะที่ต่อสู้กัน ดังนี้เป็นการกระทำโดยเจตนาจะฆ่าตามมาตรา 249.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1653/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลูกจ้างกระทำการแทนนายจ้าง นายจ้างต้องรับผิดในความเสียหายที่ลูกจ้างก่อขึ้น แม้จะไม่ได้ตกลงเรื่องค่าจ้างโดยตรง
ลูกจ้างกระทำการให้นายจ้างในกิจการที่จ้าง ย่อมเป็นตัวแทนของนายจ้างนั่นเอง
กิจการซึ่งเห็นได้ว่ามิได้ทำให้กันเปล่าๆ ย่อมถือเอาเป็นปริยายว่ามีคำมั่นให้สินจ้าง ลูกจ้างทำละเมิดนายจ้างต้องรับผิด
โจทก์ถอนฟ้องจำเลยที่ 2 ก่อนจำเลยให้การ ศาลอนุญาตได้โดยไม่ต้องสอบถาม จำเลยที่ 1 อาจขอให้ศาลเรียกจำเลยที่ 2 เข้าเป็นจำเลยร่วมอีกได้ศาลอนุญาตแล้วจำเลยที่ 1 ไม่คัดค้าน จะอุทธรณ์ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1638-1640/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีบุกรุก: การพิพากษาคดีอาญาเมื่อข้อเท็จจริงยังไม่ชัดเจน และการจำหน่ายคดีออกจากสารบบ
โจทก์ฟ้องคดีอาญาว่าจำเลยบุกรุก ข้อเท็จจริงได้ความว่าโจทก์ไม่รู้หลักเขตที่ดินของตนแน่นอน จะฟังว่ามีเจตนาบุกรุกยังไม่ได้ และเป็นกรณีพิพาททางแพ่ง ดั่งนี้ศาลไม่พึงสั่งให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ เพราะโจทก์ไม่ได้ทิ้งฟ้องหรือขาดนัด หากศาลชอบที่จะพิพากษาตามรูปคดีชี้ขาดไปตามท้องสำนวน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1638-1640/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีบุกรุก: การพิพากษาคดีอาญาเมื่อโจทก์ไม่รู้หลักเขตที่ดินและไม่มีเจตนาบุกรุก
โจทก์ฟ้องคดีอาญาว่าจำเลยบุกรุก ข้อเท็จจริงได้ความว่าโจทก์ไม่รู้หลักเขตที่ดินของตนแน่นอน จะฟังว่ามีเจตนาบุกรุกยังไม่ได้ และเป็นกรณีพิพาททางแพ่ง ดั่งนี้ ศาลไม่พึงสั่งให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ เพราะโจทก์ไม่ได้ทิ้งฟ้องหรือขาดนัด หากศาลชอบที่จะพิพากษาตามรูปคดีชี้ขาดไปตามท้องสำนวน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1628/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หมิ่นประมาทด้วยการกล่าวหาให้สินบนและหน่วงเหนี่ยวการสอบสวน ชี้เฉพาะเจาะจงตัวบุคคล
จำเลยลงข่าวในหนังสือพิมพ์ของจำเลยเป็นข้อความหมิ่นประมาทใส่ความกำนันตำบลหาดท่าเสา อำเภอเมือง จังหวัดชัยนาทว่าให้สินบนพนักงานสอบสวนที่ทำการสอบสวนกำนันฐานทุจริตต่อหน้าที่และพนักงานสอบสวนนั้นได้หน่วงเหนี่ยวสำนวนไว้เพื่อให้พยานกลับคำ เมื่อปรากฏว่ากำนันตำบลหาดท่าเสามีนายใบโสภาสุขคนเดียว และนายใบ โสภาสุขกำลังถูกนายประโยชน์แสงสอาดสอบสวนเรื่องทุจริตต่อหน้าที่ (สอบสวนคนเดียว) เช่นนี้จำเลยก็ย่อมมีผิดฐานหมิ่นประมาทใส่ความนายใบและนายประโยชน์ทั้งสองคน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1628/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หมิ่นประมาทจากการลงข่าวใส่ความเจ้าพนักงาน – กำนันและปลัดอำเภอ – เจตนาและบริบท
จำเลยลงข่าวในหนังสือพิมพ์ของจำเลยเป็นข้อความหมิ่นประมาทใส่ความกำนันตำบลหาดท่าเสา อำเภอเมือง จังหวัดชัยนาท ว่าให้สินบนพนักงานสอบสวนที่ทำการสอบสวนกำนันฐานทุจริตต่อหน้าที่ และพนักงานสอบสวนนั้นได้หน่วงเหนี่ยวสำนวนไว้เพื่อให้พยานกลับคำ เมื่อปรากฎว่ากำนันตำบลหาดท่าเสามีนายใบ โสภาสุข คนเดียว และนายใบ โสภาสุข กำลังถูกนายประโยชน์ แสงสอาด สอบสวนเรื่องทุจริตต่อหน้าที่ (สอบสวนคนเดียว) เช่นนี้จำเลยก็ย่อมมีผิดฐานหมิ่นประมาทใส่ความนายใบและนายประโยชน์ทั้งสองคน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1583/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ แม้การยกให้เดิมไม่ชอบด้วยกฎหมาย
เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นซึ่งรวมใจความได้ว่า จำเลยได้ยกที่พิพาทให้แก่โจทก์ และโจทก์ได้ครอบครองที่พิพาทเพื่อตนตลอดมาเป็นเวลา 15-16 ปีแล้ว โจทก์ย่อมได้กรรมสิทธิ์ ดังนี้ แม้จะยอมฟังตามข้อฎีกาของจำเลยว่าการที่จำเลยยกที่พิพาทให้โจทก์ มิได้ทำเป็นหนังสือจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่โจทก์ก็ยังได้สิทธิทางครอบครองมานานเกินกว่า 10 ปี เห็นได้ชัดว่าปัญหาข้อกฎหมายประการนี้ไม่เป็นประโยชน์แก่คดีของจำเลย และไม่เป็นเหตุที่จะกระทำให้จำเลยกลับเป็นฝ่ายชนะคดีขึ้นมาได้ ศาลฎีกามีอำนาจไม่วินิจฉัยข้อกฎหมายนี้ได้
of 82