พบผลลัพธ์ทั้งหมด 817 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1583/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ แม้การยกให้เดิมไม่ชอบด้วยกฎหมาย
เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นซึ่งรวมใจความได้ว่า จำเลยได้ยกที่พิพาทให้แก่โจทก์ และโจทก์ได้ครอบครองที่พิพาทเพื่อตนตลอดมาเป็นเวลา 15-16 ปีแล้ว โจทก์ย่อมได้กรรมสิทธิ์ ดังนี้ แม้จะยอมฟังตามข้อฎีกาของจำเลยว่าการที่จำเลยยกที่พิพาทให้โจทก์ มิได้ทำเป็นหนังสือจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่โจทก์ก็ยังได้สิทธิทางครอบครองมานานเกินกว่า 10 ปี เห็นได้ชัดว่าปัญหาข้อกฎหมายประการนี้ไม่เป็นประโยชน์แก่คดีของจำเลย และไม่เป็นเหตุที่จะกระทำให้จำเลยกลับเป็นฝ่ายชนะคดีขึ้นมาได้ ศาลฎีกามีอำนาจไม่วินิจฉัยข้อกฎหมายนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1579-1580/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของเจ้าของร่วม & ผลการรังวัดที่ดินตามข้อตกลงในศาล
โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินมีชื่อในโฉนดร่วมกับบุตรของโจทก์โจทก์โดยลำพังคนเดียวย่อมฟ้องคดีเกี่ยวกับการที่มีผู้ปลูกโรงเรือนล้ำเข้ามาในเขตโฉนดรายนี้ได้ โดยไม่จำเป็นต้องได้รับมอบอำนาจจากเจ้าของร่วมคนอื่น
โจทก์จำเลยตกลงท้ากันในศาล ขอให้เจ้าพนักงานที่ดินไปรังวัดสอบเขตโฉนดของโจทก์ประการเดียว โดยยืนยันรับรองว่าถ้าโรงเรือนของจำเลยปลูกอยู่ในเขตโฉนดนั้น จำเลยยอมแพ้หากอยู่นอกเขตโฉนดดังกล่าวโจทก์ยอมแพ้ ดังนี้เป็นเรื่องคู่ความยอมรับข้อเท็จจริงกันในศาลโดยมีเงื่อนไขให้ถือเอาการรังวัดของเจ้าพนักงานที่ดินตามเขตโฉนดของโจทก์นั้นเป็นข้อแพ้ชนะในระหว่างกัน เมื่อได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าวครบถ้วนแล้ว ศาลก็ต้องพิพากษาคดีไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏนั้น จำเลยไม่มีสิทธิที่จะโต้แย้งว่าเจ้าพนักงานที่ดินรังวัดผิด
โจทก์จำเลยตกลงท้ากันในศาล ขอให้เจ้าพนักงานที่ดินไปรังวัดสอบเขตโฉนดของโจทก์ประการเดียว โดยยืนยันรับรองว่าถ้าโรงเรือนของจำเลยปลูกอยู่ในเขตโฉนดนั้น จำเลยยอมแพ้หากอยู่นอกเขตโฉนดดังกล่าวโจทก์ยอมแพ้ ดังนี้เป็นเรื่องคู่ความยอมรับข้อเท็จจริงกันในศาลโดยมีเงื่อนไขให้ถือเอาการรังวัดของเจ้าพนักงานที่ดินตามเขตโฉนดของโจทก์นั้นเป็นข้อแพ้ชนะในระหว่างกัน เมื่อได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าวครบถ้วนแล้ว ศาลก็ต้องพิพากษาคดีไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏนั้น จำเลยไม่มีสิทธิที่จะโต้แย้งว่าเจ้าพนักงานที่ดินรังวัดผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1579-1580/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของร่วมมีอำนาจฟ้องคดีเกี่ยวกับที่ดินร่วมได้โดยไม่ต้องมีมอบอำนาจ และข้อตกลงให้การรังวัดเป็นข้อตัดสิน
โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินมีชื่อในโฉนดร่วมกับบุตรของโจทก์ โจทก์โดยลำพังคนเดียวย่อมฟ้องคดีเกี่ยวกับการที่มีผู้ปลูกโรงเรือนล้ำเข้ามาในเขตโฉนดรายนี้ได้โดยไม่จำเป็นต้องได้รับมอบอำนาจจากเจ้าของร่วมคนอื่น
โจทก์จำเลยตกลงท้ากันในศาล ขอให้เจ้าพนักงานที่ดินไปรังวัดสอบเขตโฉนดของโจทก์ประการเดียว โดยยืนยันรับรองว่าถ้าโรงเรือนของจำเลยปลูกอยู่ในเขตโฉนดนั้น จำเลยยอมแพ้ หากอยู่นอกเขตโฉนดดังกล่าวโจทก์ยอมแพ้ ดังนี้เป็นเรื่องคู่ความยอมรับข้อเท็จจริงกันในศาลโดยมีเงื่อนไขให้ถือเอาการรังวัดของเจ้าพนักงานที่ดินตามเขตโฉนดของโจทก์นั้นเป็นข้อแพ้ชนะในระหว่างกัน เมื่อได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าวครบถ้วนแล้ว ศาลก็ต้องพิพากษาคดีไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากฎนั้น จำเลยไม่มีสิทธิที่จะโต้แย้งว่าเจ้าพนักงานที่ดินรังวัดผิด.
โจทก์จำเลยตกลงท้ากันในศาล ขอให้เจ้าพนักงานที่ดินไปรังวัดสอบเขตโฉนดของโจทก์ประการเดียว โดยยืนยันรับรองว่าถ้าโรงเรือนของจำเลยปลูกอยู่ในเขตโฉนดนั้น จำเลยยอมแพ้ หากอยู่นอกเขตโฉนดดังกล่าวโจทก์ยอมแพ้ ดังนี้เป็นเรื่องคู่ความยอมรับข้อเท็จจริงกันในศาลโดยมีเงื่อนไขให้ถือเอาการรังวัดของเจ้าพนักงานที่ดินตามเขตโฉนดของโจทก์นั้นเป็นข้อแพ้ชนะในระหว่างกัน เมื่อได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าวครบถ้วนแล้ว ศาลก็ต้องพิพากษาคดีไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากฎนั้น จำเลยไม่มีสิทธิที่จะโต้แย้งว่าเจ้าพนักงานที่ดินรังวัดผิด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1556/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร่วมกันสั่งซื้อไม้: พฤติการณ์แสดงเจตนาของผู้เยาว์ผ่านบิดาถือเป็นหลักฐานได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 สั่งซื้อไม้จากโจทก์ไปทำตู้ เตียง ซึ่งจำเลยรับเหมามาจากกองทัพอากาศ จำเลยที่ 2 รับว่าสั่งไม้จากโจทก์แต่ผู้เดียว จำเลยที่ 1 ไม่เกี่ยว จำเลยที่ 2 รับเหมาเด็ดขาดไปจากจำเลยที่ 1
เมื่อได้ความว่าจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของร้านไทยงามอาภรณ์ จำเลยที่ 1 เป็นผู้เยาว์บิดาจึงเป็นผู้ดำเนินกิจการ ประกอบกับพฤติการณ์ที่จำเลยที่2 ว่าจะไปเอาเงินที่ร้านไทยงามมาชำระโจทก์ให้โจทก์ทำบิลให้แล้ว วันต่อมาจำเลยที่ 1 ที่ 2 กับบิดาจำเลยที่ 1 และเจ้าของร้านยูเนียนก็ได้พากันไปหาโจทก์ บิดาจำเลยที่ 1 เอาเงินให้ 2,000 บาทวางมัดจำค่าไม้ และบิดาจำเลยที่ 1 ยังบอกโจทก์ว่ามีร้ายไทยงามอาภรณ์และสั่งให้โจทก์ส่งไม้ให้เรื่อยๆ เงินก็จะชำระให้เรื่อยๆ ดังนี้เป็นพฤติการณ์ที่แสดงว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งซื้อไม้ของโจทก์ร่วมกับจำเลยที่ 2 และพฤติการณ์ที่โจทก์สืบดังกล่าวข้างต้นมิใช่พฤติการณ์ที่บิดาจำเลยที่ 1 ได้กระทำไปแต่ฝ่ายเดียว แต่เป็นพฤติการณ์ที่จำเลยที่ 1 ได้แสดงออกโดยชัดแจ้งว่าจำเลยที่ 1 ได้ให้บิดาจัดการเรื่องนี้แทนตน พฤติการณ์ทั้งนี้จึงเป็นข้อความที่จะพึงแสดงว่าจำเลยที่ 1 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 สั่งซื้อไม้ของโจทก์โดยบิดาจำเลยที่ 1 เป็นผู้เกี่ยวข้องเอาธุระจัดการให้จำเลยที่ 1 จึงเป็นข้อความที่เกี่ยวกับประเด็นตามคำฟ้องของโจทก์ หาเป็นความที่นอกประเด็นอย่างไรไม่
เมื่อได้ความว่าจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของร้านไทยงามอาภรณ์ จำเลยที่ 1 เป็นผู้เยาว์บิดาจึงเป็นผู้ดำเนินกิจการ ประกอบกับพฤติการณ์ที่จำเลยที่2 ว่าจะไปเอาเงินที่ร้านไทยงามมาชำระโจทก์ให้โจทก์ทำบิลให้แล้ว วันต่อมาจำเลยที่ 1 ที่ 2 กับบิดาจำเลยที่ 1 และเจ้าของร้านยูเนียนก็ได้พากันไปหาโจทก์ บิดาจำเลยที่ 1 เอาเงินให้ 2,000 บาทวางมัดจำค่าไม้ และบิดาจำเลยที่ 1 ยังบอกโจทก์ว่ามีร้ายไทยงามอาภรณ์และสั่งให้โจทก์ส่งไม้ให้เรื่อยๆ เงินก็จะชำระให้เรื่อยๆ ดังนี้เป็นพฤติการณ์ที่แสดงว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งซื้อไม้ของโจทก์ร่วมกับจำเลยที่ 2 และพฤติการณ์ที่โจทก์สืบดังกล่าวข้างต้นมิใช่พฤติการณ์ที่บิดาจำเลยที่ 1 ได้กระทำไปแต่ฝ่ายเดียว แต่เป็นพฤติการณ์ที่จำเลยที่ 1 ได้แสดงออกโดยชัดแจ้งว่าจำเลยที่ 1 ได้ให้บิดาจัดการเรื่องนี้แทนตน พฤติการณ์ทั้งนี้จึงเป็นข้อความที่จะพึงแสดงว่าจำเลยที่ 1 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 สั่งซื้อไม้ของโจทก์โดยบิดาจำเลยที่ 1 เป็นผู้เกี่ยวข้องเอาธุระจัดการให้จำเลยที่ 1 จึงเป็นข้อความที่เกี่ยวกับประเด็นตามคำฟ้องของโจทก์ หาเป็นความที่นอกประเด็นอย่างไรไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1556/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร่วมกันสั่งซื้อไม้: พฤติการณ์แสดงเจตนาของผู้เยาว์ผ่านบิดาเป็นหลักฐานได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 สั่งซื้อไม้จากโจทก์ไปทำตู้ เตียง ซึ่งจำเลยรับเหมามาจากกองทัพอากาศ จำเลยที่ 2 รับว่าสั่งไม้จากโจทก์แต่ผู้เดียว จำเลยที่ 1 ไม่เกี่ยว จำเลยที่ 2 รับเหมาเด็ดขาดไปจากจำเลยที่ 1
เมื่อได้ความว่าจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของร้านไทยงามอาภรณ์ จำเลยที่ 1 เป็นผู้เยาว์บิดาจึงเป็นผู้ดำเนินกิจการ ประกอบกับพฤติการณ์ที่จำเลยที่ 2 ว่าจะไปเอาเงินที่ร้านไทยงามมาชำระโจทก์ให้โจทก์ทำบิลให้แล้ววันต่อมาจำเลยที่ 1 ที่ 2 กับบิดาจำเลยที่ 1 และเจ้าของร้านยูเนียนก็ได้พากันไปหาโจทก์ บิดาจำเลยที่ 1 เอาเงินให้ 2,000 บาทวางมัดจำค่าไม้ และบิดาจำเลยที่ 1 ยังบอกโจทก์ว่ามีร้านไทยงามอาภรณ์และสั่งให้โจทก์ส่งไม้ให้เรื่อย ๆ เงินก็จะชำระให้เรื่อย ๆ ดังนี้เป็นพฤติการณ์ที่แสดงว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งซื้อไม้ของโจทก์ร่วมกับจำเลยที่ 2
และพฤติการณ์ที่โจทก์สืบดังกล่าวข้างต้นมิใช่พฤติการณ์ที่บิดาจำเลยที่ 1 ได้กระทำไปแต่ฝ่ายเดียว แต่เป็นพฤติการณ์ที่จำเลยที่ 1 ได้แสดงออกโดยชัดเจ้งว่าจำเลยที่ 1 ได้ให้บิดาจัดการเรื่องนี้แทนตน พฤติการณ์ทั้งนี้จึงเป็นข้อความที่จะพึงแสดงว่าจำเลยที่ 1 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 สั่งซื้อไม้ของโจทก์โดยบิดาจำเลยที่ 1 เป็นผู้เกี่ยวข้องเอาธุระจัดการให้จำเลยที่ 1 จึงเป็นข้อความที่เกี่ยวกับประเด็นตามคำฟ้องของโจทก์ หาเป็นความที่นอกประเด็นอย่างไรไม่.
เมื่อได้ความว่าจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของร้านไทยงามอาภรณ์ จำเลยที่ 1 เป็นผู้เยาว์บิดาจึงเป็นผู้ดำเนินกิจการ ประกอบกับพฤติการณ์ที่จำเลยที่ 2 ว่าจะไปเอาเงินที่ร้านไทยงามมาชำระโจทก์ให้โจทก์ทำบิลให้แล้ววันต่อมาจำเลยที่ 1 ที่ 2 กับบิดาจำเลยที่ 1 และเจ้าของร้านยูเนียนก็ได้พากันไปหาโจทก์ บิดาจำเลยที่ 1 เอาเงินให้ 2,000 บาทวางมัดจำค่าไม้ และบิดาจำเลยที่ 1 ยังบอกโจทก์ว่ามีร้านไทยงามอาภรณ์และสั่งให้โจทก์ส่งไม้ให้เรื่อย ๆ เงินก็จะชำระให้เรื่อย ๆ ดังนี้เป็นพฤติการณ์ที่แสดงว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งซื้อไม้ของโจทก์ร่วมกับจำเลยที่ 2
และพฤติการณ์ที่โจทก์สืบดังกล่าวข้างต้นมิใช่พฤติการณ์ที่บิดาจำเลยที่ 1 ได้กระทำไปแต่ฝ่ายเดียว แต่เป็นพฤติการณ์ที่จำเลยที่ 1 ได้แสดงออกโดยชัดเจ้งว่าจำเลยที่ 1 ได้ให้บิดาจัดการเรื่องนี้แทนตน พฤติการณ์ทั้งนี้จึงเป็นข้อความที่จะพึงแสดงว่าจำเลยที่ 1 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 สั่งซื้อไม้ของโจทก์โดยบิดาจำเลยที่ 1 เป็นผู้เกี่ยวข้องเอาธุระจัดการให้จำเลยที่ 1 จึงเป็นข้อความที่เกี่ยวกับประเด็นตามคำฟ้องของโจทก์ หาเป็นความที่นอกประเด็นอย่างไรไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1554-1555/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ฟ้อง, การเลื่อนสืบพยาน, และคำมั่นสัญญาเช่าต่อ: ศาลฎีกาวินิจฉัยประเด็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
สำเนาเอกสารสัญญาเช่าเฉพาะที่โจทก์ส่งให้จำเลยนั้นกล่าวชื่อบริษัทเช็คโกสโลวาเกียนสยามจำกัดผิดไปเป็นชื่อสินสยามจำกัด ซึ่งโจทก์ได้ฟ้องไว้อีกสำนวนหนึ่ง และศาลได้เห็นเหตุแล้วว่าเป็นแต่เพียงผิดพลาดในการสอดแนบเอกสาร จึงไม่ใช่เป็นการฟ้องผิดตัว
ต้องระบุพยานก่อนวันนัดสืบพยาน 3 วันนั้น ย่อมหมายถึงวันสืบพยานจริงๆ ถึงวันนัดแม้ยังมิได้ระบุพยานไว้ แต่เมื่อมีเหตุอันสมควร ศาลก็อนุญาตให้เลื่อนไปได้
แม้ผู้ให้เช่าจะได้ให้คำมั่นว่าครบสัญญาแล้วจะให้เช่าต่ออีก 3 ปี เมื่อปรากฏว่าครบสัญญาแล้วจำเลยผู้เช่าได้เช่าต่ออีก 3 ปีแล้ว ดังนี้จึงไม่มีอะไรที่จำเลยจะอ้างได้ว่าจำเลยจะต้องได้เช่าต่อไปอีก 3 ปี(อ้างฎีกาที่ 1061/2491)
ต้องระบุพยานก่อนวันนัดสืบพยาน 3 วันนั้น ย่อมหมายถึงวันสืบพยานจริงๆ ถึงวันนัดแม้ยังมิได้ระบุพยานไว้ แต่เมื่อมีเหตุอันสมควร ศาลก็อนุญาตให้เลื่อนไปได้
แม้ผู้ให้เช่าจะได้ให้คำมั่นว่าครบสัญญาแล้วจะให้เช่าต่ออีก 3 ปี เมื่อปรากฏว่าครบสัญญาแล้วจำเลยผู้เช่าได้เช่าต่ออีก 3 ปีแล้ว ดังนี้จึงไม่มีอะไรที่จำเลยจะอ้างได้ว่าจำเลยจะต้องได้เช่าต่อไปอีก 3 ปี(อ้างฎีกาที่ 1061/2491)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1554-1555/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องผิดตัว, การแก้ฟ้อง, การเลื่อนวันสืบพยาน, และคำมั่นสัญญาเช่า การบังคับตามสัญญา
สำเนาเอกสารสัญญาเช่าเฉพาะที่โจทก์ส่งให้จำเลยนั้นกล่าวชื่อบริษัทเช็คโกสโลวาเกียนสยามจำกัดผิดไปเป็นชื่อสินสยาม จำกัด ซึ่งโจทก์ได้ฟ้องไว้อีกสำนวนหนึ่ง และศาลได้เห็นเหตุแล้วว่าเป็นแต่เพียงผิดพลาดในการสอดแนบเอกสาร จึงไม่ใช่เป็นการฟ้องผิดตัว
ต้องระบุพยานก่อนวันนัดสืบพยาน 3 วันนั้น ย่อมหมายถึงวันสืบพยานจริง ๆ ถึงวันนัดแม้ยังมิได้ระบุพยานไว้ แต่เมื่อมีเหตุอันสมควร ศาลก็อนุญาตให้เลื่อนไปได้
แม้ผู้ให้เช่าจะได้ให้คำมั่นว่าครบสัญญาแล้วจะให้เช่าต่ออีก 3 ปี เมื่อปรากฎว่าครบสัญญาแล้วจำเลยผู้เช่าได้เช่าต่ออีก 3 ปีแล้ว ดังนี้จึงไม่มีอะไรที่จำเลยจะอ้างได้ว่าจำเลยจะต้องได้เช่าต่อไปอีก 3 ปี.
(อ้างฎีกาที่ 1061/2491)
ต้องระบุพยานก่อนวันนัดสืบพยาน 3 วันนั้น ย่อมหมายถึงวันสืบพยานจริง ๆ ถึงวันนัดแม้ยังมิได้ระบุพยานไว้ แต่เมื่อมีเหตุอันสมควร ศาลก็อนุญาตให้เลื่อนไปได้
แม้ผู้ให้เช่าจะได้ให้คำมั่นว่าครบสัญญาแล้วจะให้เช่าต่ออีก 3 ปี เมื่อปรากฎว่าครบสัญญาแล้วจำเลยผู้เช่าได้เช่าต่ออีก 3 ปีแล้ว ดังนี้จึงไม่มีอะไรที่จำเลยจะอ้างได้ว่าจำเลยจะต้องได้เช่าต่อไปอีก 3 ปี.
(อ้างฎีกาที่ 1061/2491)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1552/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนเลิก: สิทธิฟ้องเรียกหนี้ต้องเป็นของผู้ชำระบัญชีที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างถูกต้อง
เมื่อห้างหุ้นส่วนได้เลิกกันแล้ว ผู้เคยเป็นหุ้นส่วนแต่เพียงคนเดียวจะมาฟ้องเรียกร้องหนี้สินของห้างหุ้นส่วนในฐานะส่วนตัวไม่ได้
ผู้เป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน ถ้าอยากจะจัดทำการชำระบัญชีจะต้องจัดทำโดยผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหมดด้วยกัน โจทก์ผู้เป็นหุ้นส่วนแต่ผู้เดียวจะฟ้องเรียกร้องหนี้สินของห้างหุ้นส่วนในฐานะผู้ชำระบัญชีไม่ได้
โจทก์มิได้รับมอบฉันทะจากผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหมด ย่อมยังไม่มีสิทธิฟ้องร้องเรียกหนี้สินของห้างหุ้นส่วนได้
เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหมดไม่มีความสามัคคีที่จะร่วมกันจัดทำการชำระบัญชี ก็เป็นหน้าที่ของผู้เป็นหุ้นส่วนที่จะตั้งแต่งบุคคลอื่นขึ้นเป็นผู้จัดทำการชำระบัญชี แล้วจึงทำการเรียกร้องหนี้สินของห้างหุ้นส่วนตามที่กฎหมายบังคับไว้
ผู้เป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน ถ้าอยากจะจัดทำการชำระบัญชีจะต้องจัดทำโดยผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหมดด้วยกัน โจทก์ผู้เป็นหุ้นส่วนแต่ผู้เดียวจะฟ้องเรียกร้องหนี้สินของห้างหุ้นส่วนในฐานะผู้ชำระบัญชีไม่ได้
โจทก์มิได้รับมอบฉันทะจากผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหมด ย่อมยังไม่มีสิทธิฟ้องร้องเรียกหนี้สินของห้างหุ้นส่วนได้
เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหมดไม่มีความสามัคคีที่จะร่วมกันจัดทำการชำระบัญชี ก็เป็นหน้าที่ของผู้เป็นหุ้นส่วนที่จะตั้งแต่งบุคคลอื่นขึ้นเป็นผู้จัดทำการชำระบัญชี แล้วจึงทำการเรียกร้องหนี้สินของห้างหุ้นส่วนตามที่กฎหมายบังคับไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1552/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระบัญชีห้างหุ้นส่วน: สิทธิเรียกร้องหนี้สินต้องกระทำโดยผู้ชำระบัญชีที่ได้รับการแต่งตั้งโดยถูกต้อง
เมื่อห้างหุ้นส่วนได้เลิกกันแล้ว ผู้เคยเป็นหุ้นส่วนแต่เพียงคนเดียวจะมาฟ้องเรียกร้องหนี้สินของห้างหุ้นส่วนในฐานะส่วนตัวไม่ได้
ผู้เป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน ถ้าอยากจะจัดทำการชำระบัญชีจะต้องจัดทำโดยผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหมดด้วยกัน โจทก์ผู้เป็นหุ้นส่วนแต่ผู้เดียวจะฟ้องเรียกร้องหนี้สินของห้างหุ้นส่วนในฐานะผู้ชำระบัญชีไม่ได้
โจทก์มิได้รับมอบฉันทะจากผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหมด ย่อมยังไม่มีสิทธิฟ้องร้องเรียกหนี้สินของห้างหุ้นส่วนได้
เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหมดไม่มีความสามัคคีที่จะร่วมกันจัดทำการชำระบัญชี ก็เป็นหน้าที่ของผู้เป็นหุ้นส่วนที่จะตั้งแต่งบุคคลอื่นขึ้นเป็นผู้จัดทำการชำระบัญชีแล้วจึงทำการเรียกร้องหนี้สินของห้างหุ้นส่วนตามที่กฎหมายบังคับไว้.
ผู้เป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน ถ้าอยากจะจัดทำการชำระบัญชีจะต้องจัดทำโดยผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหมดด้วยกัน โจทก์ผู้เป็นหุ้นส่วนแต่ผู้เดียวจะฟ้องเรียกร้องหนี้สินของห้างหุ้นส่วนในฐานะผู้ชำระบัญชีไม่ได้
โจทก์มิได้รับมอบฉันทะจากผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหมด ย่อมยังไม่มีสิทธิฟ้องร้องเรียกหนี้สินของห้างหุ้นส่วนได้
เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหมดไม่มีความสามัคคีที่จะร่วมกันจัดทำการชำระบัญชี ก็เป็นหน้าที่ของผู้เป็นหุ้นส่วนที่จะตั้งแต่งบุคคลอื่นขึ้นเป็นผู้จัดทำการชำระบัญชีแล้วจึงทำการเรียกร้องหนี้สินของห้างหุ้นส่วนตามที่กฎหมายบังคับไว้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1524/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษจำเลย – กฎหมายที่ใช้บังคับและประโยชน์ที่จำเลยได้รับ
ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้เพิ่มโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 72 เพราะจำเลยเคยต้องโทษปรับฐานมีอาวุธปืนไม่รับอนุญาตมาแล้ว ไม่เข็ดหลาบนั้น บัดนี้ ได้มีประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 บัญญัติให้เพิ่มโทษผู้กระทำผิดอีกเฉพาะผู้ที่ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกมาแล้ว ศาลต้องใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่ผู้กระทำผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 จะเพิ่มโทษจำเลยไม่ได้