พบผลลัพธ์ทั้งหมด 817 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1286-1288/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าหน้าที่ทุจริตยักยอกเงินผลประโยชน์ของรัฐ การรับเงินจากผู้ขอรับบริการเป็นหน้าที่นำส่งไม่ใช่การฝากส่วนตัว
จำเลยเป็นเจ้าหน้าที่ของกรมตำรวจ ตำแหน่ง เสมียนยานพาหนะมีหน้าที่รับเงินจากผู้ยื่นคำร้องหรือเงินเสียภาษี จำเลยจะรับไว้จากสถานที่ใด (แม้ที่บ้านของจำเลยเองก็เป็นเงินผลประโยชน์ของรัฐ ซึ่งจำเลยมีหน้าที่ต้องนำส่ง กรมตำรวจจึงเป็นผู้เสียหาย หาใช่เป็นการมอบฝากกันเป็นส่วนตัวไม่ เพราะถ้าจำเลยไม่ใช่เจ้าหน้าที่โดยเฉพาะบุคคลผู้เกี่ยวข้องก็จะไม่มอบส่งเงินให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1283/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญา การนำสืบข้อเท็จจริงนอกเหนือจากที่ระบุในฟ้อง และขอบเขตการนำสืบหลักฐาน
โจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ 4 ส.ค. 2498 เวลากลางวัน จำเลยกับพวกสมคบกันเล่นการพนันสลากกินรวบพนันเอาเงินและทรัพย์สินกัน โดยจำเลยเป็นผู้จัดให้มีการเล่นและเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้เพื่อเป็นทางนำมาซึ่งผลประโยชน์แห่งตนและเข้าเล่นด้วยโดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน และมีสถานที่เกิดเหตุกับบทกฎหมายที่ขอให้ลงโทษ เช่นนี้ เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ไม่เคลือบคลุม วิธีการเล่นสลากกินรวบมีอยู่อย่างไร เป็นข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับประเด็นซึ่งโจทก์ย่อมนำสืบได้ในเวลาพิจารณาคดี ไม่ใช่เป็นการสืบนอกฟ้องนอกประเด็นอย่างใด และเมื่อนำสืบฟังได้เช่นนั้นก็ไม่ใช่เป็นเรื่องข้อเท็จจริงต่างกับฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1275/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาจากฤทธิ์สุรา: พิจารณาพฤติการณ์และเจตนาของผู้กระทำ
ใช้มีดพกปลายแหลมยาวทั้งด้ามทั้งตัวประมาณ 1 คืบ แทงทะลุเข้าช่องปอด โดยเมาสุราพบกันก็แทงเอา 1 ทีแล้วหนีไป เป็นการฆ่าโดยไม่เจตนา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1260/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของฟ้องอาญา: การบรรยายการกระทำและรายละเอียดเพื่อให้จำเลยเข้าใจข้อหา
โจทก์กล่าวฟ้องใจความว่าโคของเจ้าทรัพย์เพริดไปเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2499 ตอนกลางวันครั้นตกเวลากลางคืนในวันเดียวกันนั้นเองปรากฏว่าจำเลยมีโคตัวนั้นไว้ในความครอบครองโดยในระยะเวลาระหว่าง 2 ตอนดังกล่าวนั้นจำเลยจับโคที่เพริดไปนั้นได้เองแล้วกลับยักยอกเอาไว้เสียโดยทุจริตหรือรับของโจรโคตัวนั้นไว้
เช่นนี้เป็นฟ้องที่ไม่เคลือบคลุมเพราะโจทก์บรรยายการกระทำและรายละเอียดชัดเจนพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจได้ดีอยู่แล้ว ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา158(5) และความผิดฐานยักยอกของหายในลักษณะเช่นนี้กับความผิดฐานรับของโจรเป็นความผิดที่เกี่ยวพันกันอยู่เช่นเดียวกันกับความผิดฐานลักทรัพย์กับความผิดฐานรับของโจร ซึ่งย่อมฟ้องได้ในลักษณะทำนองเดียวกันนี้
เช่นนี้เป็นฟ้องที่ไม่เคลือบคลุมเพราะโจทก์บรรยายการกระทำและรายละเอียดชัดเจนพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจได้ดีอยู่แล้ว ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา158(5) และความผิดฐานยักยอกของหายในลักษณะเช่นนี้กับความผิดฐานรับของโจรเป็นความผิดที่เกี่ยวพันกันอยู่เช่นเดียวกันกับความผิดฐานลักทรัพย์กับความผิดฐานรับของโจร ซึ่งย่อมฟ้องได้ในลักษณะทำนองเดียวกันนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1260/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของฟ้องคดีอาญา: ยักยอกทรัพย์/รับของโจร และความเกี่ยวพันของความผิด
โจทก์กล่าวฟ้องใจความว่าโคของเจ้าทรัพย์เพริดไปเมื่อวัน ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2499 ตอนกลางวัน ครั้นตกเวลากลางคืนในวันเดียวกันนั้นเองปรากฎว่าจำเลยมีโคตัวนั้นไว้ในความครอบครองโดยในระยะเวลาระหว่าง 2 ตอนดังกล่าวนั้น จำเลยจับโคที่เพริดไปนั้นได้เองแล้วกลับยักยอกเอาไว้เสียโดยทุจริตหรือรับของโจรโคตัวนั้นไว้
เช่นนี้เป็นฟ้องที่ไม่เคลือบคลุม เพราะโจทก์บรรยายการกระทำและรายละเอียดชัดเจนพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจได้ดีอยู่แล้ว ตาม ป.วิ.อาญา ม.158 (5) และความผิดฐานยักยอกของหายในลักษณะเช่นนี้ กับความผิดฐานรับของโจรเป็นความผิดที่เกี่ยวพันกันอยู่เช่นเดียวกันกับความผิดฐานลักทรัพย์กับความผิดฐานรับของโจร ซึ่งย่อมฟ้องได้ในลักษณะทำนองเดียวกันนี้
เช่นนี้เป็นฟ้องที่ไม่เคลือบคลุม เพราะโจทก์บรรยายการกระทำและรายละเอียดชัดเจนพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจได้ดีอยู่แล้ว ตาม ป.วิ.อาญา ม.158 (5) และความผิดฐานยักยอกของหายในลักษณะเช่นนี้ กับความผิดฐานรับของโจรเป็นความผิดที่เกี่ยวพันกันอยู่เช่นเดียวกันกับความผิดฐานลักทรัพย์กับความผิดฐานรับของโจร ซึ่งย่อมฟ้องได้ในลักษณะทำนองเดียวกันนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1095/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องขับไล่ผู้บุกรุกที่ดินสาธารณสมบัติที่กีดขวางการใช้ประโยชน์ที่ดินของเจ้าของ
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกจากที่ ทางพิจารณาว่าที่ ๆ จำเลยปลูกบ้านอยู่ในที่สาธารณ คืออยู่ในที่น้ำท่วมถึง แต่ที่นี้อยู่หน้าที่พิพาทของโจทก์ เรือนโรงของจำเลยกีดขวางหน้าที่โจทก์ โจทก์เสียหายพิเศษ โจทก์มีอำนาจฟ้องขับไล่ได้ ศาลฎีกาพิพากษาให้ขับไล่จำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1095/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องขับไล่ผู้บุกรุกที่ดินสาธารณสมบัติที่กีดขวางการใช้สิทธิในที่ดินของเจ้าของ
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกจากที่ ทางพิจารณาว่าที่ที่จำเลยปลูกบ้านอยู่ในที่สาธารณคืออยู่ในที่น้ำท่วมถึงแต่ที่นี้อยู่หน้าที่พิพาทของโจทก์
เรือนโรงของจำเลยกีดขวางหน้าที่โจทก์ โจทก์เสียหายพิเศษโจทก์มีอำนาจฟ้องขับไล่ได้ ศาลฎีกาพิพากษาให้ขับไล่จำเลย
เรือนโรงของจำเลยกีดขวางหน้าที่โจทก์ โจทก์เสียหายพิเศษโจทก์มีอำนาจฟ้องขับไล่ได้ ศาลฎีกาพิพากษาให้ขับไล่จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1093/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์และการอ้างอายุความ 1 ปี: สิทธิของเจ้าของที่ดิน
เมื่อจำเลยไม่ได้ครอบครองที่พิพาทโดยอำนาจปรปักษ์จำเลยจะอ้างอายุความ 1 ปีมาใช้ยันโจทก์ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1093/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินโดยไม่สุจริตและการอ้างอายุความ 1 ปี
เมื่อจำเลยไม่ได้ครอบครองที่พิพาทโดยอำนาจปรปักษ์ จำเลยจะอ้างอายุความ 1 ปี มาใช้ยันโจทก์ไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1057/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือมอบอำนาจต่างประเทศ: การพิจารณาความแท้จริงและการรับรองของกงศุล
จะนำบทบัญญัติของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม.47(3)มาใช้ก็แต่ในกรณีที่ศาลมีความสงสัยในความแท้จริงของใบมอบอำนาจ จึงจะต้องจัดให้มีการปฏิบัติตาม ม.47(3) ถ้าใบมอบอำนาจใดศาลเชื่อแล้วก็ไม่ต้องนำ ม.47(3)มาใช้และ ม.47(3) นี้ไม่ใช่บทบัญญัติที่บัญญัติถึงแบบของใบมอบอำนาจอย่างใดด้วย