พบผลลัพธ์ทั้งหมด 817 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 676/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินสาธารณสมบัติของแผ่นดิน: สิทธิการครอบครอง การเช่า และการฟ้องขับไล่
คูที่ใช้เป็นที่จอดเรืออันเป็นประโยชน์ของประชาชนใช้กันมาเป็นเวลานานนั้น แม้จะตื้นเขินไม่มีสภาพเป็นคูต่อไปแล้ว ก็ถือว่าเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน
สาธารณสมบัติของแผ่นดินจะโอนแก่กันมิได้ เว้นแต่อาศัยอำนาจแห่งบทบัญญัติแห่งกฎหมายหรือพระราชกฤษฎีกา
การที่เอาที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินไปให้เช่านั้น ผู้ให้เช่าย่อมหมดสิทธิฟ้องขับไล่ผู้เช่าหรือฟ้องเรียกค่าเช่าจากผู้เช่า นับแต่ผู้เช่าได้ไปทำสัญญาเช่ากับอำเภอแล้ว
สาธารณสมบัติของแผ่นดินจะโอนแก่กันมิได้ เว้นแต่อาศัยอำนาจแห่งบทบัญญัติแห่งกฎหมายหรือพระราชกฤษฎีกา
การที่เอาที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินไปให้เช่านั้น ผู้ให้เช่าย่อมหมดสิทธิฟ้องขับไล่ผู้เช่าหรือฟ้องเรียกค่าเช่าจากผู้เช่า นับแต่ผู้เช่าได้ไปทำสัญญาเช่ากับอำเภอแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 607-608/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิร้องสอดในคดีพิพาทที่ดิน: กรณีที่ไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นข้อพิพาทโดยตรง
โจทก์จำเลยพิพาทกันเรื่องที่ดิน โดยต่างฝ่ายต่างกล่าวหากันว่าอีกฝ่ายหนึ่งบุกรุกที่ดินของตน เมื่อศาลสั่งทำแผนที่แล้วปรากฏว่าตรงที่พิพาทกันมิได้เกี่ยวข้องกับที่ๆ จำเลยนำชี้แนวเขตที่ดินทางด้านอื่นรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของนายโชติเช่นนี้ เมื่อนายโชติจะต้องการใช้สิทธิทางศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 ก็ต้องนำคดีไปฟ้องร้องเป็นคดีเรื่องใหม่ตั้งข้อพิพาทกับจำเลยฝ่ายเดียวโดยเฉพาะ หามีสิทธิประการใดที่จะร้องสอดเข้ามาในคดีเรื่องนี้ไม่ไม่ว่าในฐานะที่เป็นโจทก์ร่วมจำเลยร่วมหรือเป็นฝ่ายที่สามมิฉะนั้นแล้วบุคคลอื่นๆ ก็ถือสิทธิร้องสอดเข้ามาในคดีได้ง่ายๆ แทนที่ศาลจะพิจารณาแต่เพียงประเด็นเดียวเฉพาะที่โจทก์จำเลยพิพาทกันโดยตรง กลับจะต้องไปพิจารณาประเด็นอื่นๆ ซึ่งไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับประเด็นข้อพิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยนั้นเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 607-608/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิร้องสอดคดี: การจำกัดขอบเขตข้อพิพาท และการฟ้องคดีใหม่สำหรับที่ดินแปลงอื่น
โจทก์จำเลยพิพาทกันเรื่องที่ดิน โดยต่างฝ่ายต่างกล่าวหากันว่าอีกฝ่ายหนึ่งบุกรุกที่ดินของตน เมื่อศาลสั่งทำแผนที่แล้วปรากฎว่าตรงที่พิพาทกันมิได้เกี่ยวข้องกับที่ ๆ จำเลยนำชี้แนวเขตที่ดินทางด้านอื่นรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของนายโชติเช่นนี้ เมื่อนายโชติจะต้องการใช้สิทธิทางศาลตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา55 ก้ต้องนำคดีไปฟ้องร้องเป็นคดีเรื่องใหม่ตั้งข้อพิพาทกับจำเลยฝ่ายเดียวโดยเฉพาะ หามีสิทธิประการใดที่จะร้องสอดเข้ามาในคดีเรื่องนี้ไม่ ไม่ว่าในฐานะที่เป็นโจทก์ร่วมจำเลยร่วมหรือเป็นฝ่ายที่สาม มิฉะนั้นแล้วบุคคลอื่น ๆ ก็ถือสิทธิร้องสอดเข้ามาในคดีได้ง่าย ๆ แทนที่ศาลจะพิจารณาแต่เพียงประเด็นเดียวเฉพาะที่โจทก์จำเลยพิพาทกันโดยตรง กลับจะต้องไปพิจารณาประเด็นอื่น ๆ ซึ่งไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับประเด็นข้อพิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยนั้นเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 598/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่ารักษาทรัพย์ยึด: ศาลต้องกำหนดตามสมควร หากไม่มีข้อตกลง และไต่สวนข้อเท็จจริงเพื่อคำนวณจำนวนที่เหมาะสม
ในเรื่องค่ารักษาทรัพย์นั้นควรที่จะได้ตกลงกำหนดกันไว้แล้วตั้งแต่แรกพร้อมด้วยการรับรู้ของฝ่ายที่นำยึด เมื่อมิได้มีการตกลงกำหนดกันไว้ โดยปรกติผู้รักษาทรัพย์ก็ควรที่จะได้ค่ารักษาทรัพย์บ้างตามจำนวนเงินที่ศาลเห็นสมควร
ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รักษาทรัพย์ที่ถูกยึดกับโจทก์ผู้นำยึดต่างโต้เถียงกันในเรื่องค่ารักษาทรัพย์ที่ถูกศาลสั่งยึด และมิได้ปรากฎว่ามีการรับรองกันในความข้อใดแม้ความเห็นของเจ้าพนักงานบังคับคดี ซึ่งเป็นคนกลางที่ใกล้ชิดกับความจริง ก็ไม่มีปรากฎในสำนวน จึงไม่มีข้อเท็จจริงประการใดในสำนวนเลยที่จะเป็นหลักเกณฑ์ในการคำนวณว่า มากน้อยเพียงใดจึงจะเป็นจำนวนเงินที่สมควรเช่นนี้ ศาลต้องดำเนินการไต่สวนคำร้องของผู้ร้องในเรื่องค่ารักษาทรัพย์ แล้วสั่งตามรูปคดี
ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รักษาทรัพย์ที่ถูกยึดกับโจทก์ผู้นำยึดต่างโต้เถียงกันในเรื่องค่ารักษาทรัพย์ที่ถูกศาลสั่งยึด และมิได้ปรากฎว่ามีการรับรองกันในความข้อใดแม้ความเห็นของเจ้าพนักงานบังคับคดี ซึ่งเป็นคนกลางที่ใกล้ชิดกับความจริง ก็ไม่มีปรากฎในสำนวน จึงไม่มีข้อเท็จจริงประการใดในสำนวนเลยที่จะเป็นหลักเกณฑ์ในการคำนวณว่า มากน้อยเพียงใดจึงจะเป็นจำนวนเงินที่สมควรเช่นนี้ ศาลต้องดำเนินการไต่สวนคำร้องของผู้ร้องในเรื่องค่ารักษาทรัพย์ แล้วสั่งตามรูปคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 598/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่ารักษาทรัพย์ยึด: ศาลต้องไต่สวนและกำหนดจำนวนเงินที่สมควร แม้มิได้ตกลงกันตั้งแต่แรก
ในเรื่องค่ารักษาทรัพย์นั้นควรที่จะได้ตกลงกำหนดกันไว้แล้วตั้งแต่แรกพร้อมด้วยการรับรู้ของฝ่ายที่นำยึดเมื่อมิได้มีการตกลงกำหนดกันไว้ โดยปกติผู้รักษาทรัพย์ก็ควรที่จะได้ค่ารักษาทรัพย์บ้างตามจำนวนเงินที่ศาลเห็นสมควร
ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รักษาทรัพย์ที่ถูกยึดกับโจทก์ผู้นำยึดต่างโต้เถียงกันในเรื่องค่ารักษาทรัพย์ที่ถูกศาลสั่งยึดและมิได้ปรากฏว่ามีการรับรองกันในความข้อใด แม้ความเห็นของเจ้าพนักงานบังคับคดี ซึ่งเป็นคนกลางที่ใกล้ชิดกับความจริง ก็ไม่มีปรากฏในสำนวนจึงไม่มีข้อเท็จจริงประการใดในสำนวนเลยที่จะเป็นหลักเกณฑ์ในการคำนวณว่า มากน้อยเพียงใดจึงจะเป็นจำนวนเงินที่สมควรเช่นนี้ ศาลต้องดำเนินการไต่สวนคำร้องของผู้ร้องในเรื่องค่ารักษาทรัพย์แล้วสั่งตามรูปคดี
ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รักษาทรัพย์ที่ถูกยึดกับโจทก์ผู้นำยึดต่างโต้เถียงกันในเรื่องค่ารักษาทรัพย์ที่ถูกศาลสั่งยึดและมิได้ปรากฏว่ามีการรับรองกันในความข้อใด แม้ความเห็นของเจ้าพนักงานบังคับคดี ซึ่งเป็นคนกลางที่ใกล้ชิดกับความจริง ก็ไม่มีปรากฏในสำนวนจึงไม่มีข้อเท็จจริงประการใดในสำนวนเลยที่จะเป็นหลักเกณฑ์ในการคำนวณว่า มากน้อยเพียงใดจึงจะเป็นจำนวนเงินที่สมควรเช่นนี้ ศาลต้องดำเนินการไต่สวนคำร้องของผู้ร้องในเรื่องค่ารักษาทรัพย์แล้วสั่งตามรูปคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 582/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำแผนที่พิพาทตามคำพิพากษาศาล หากแผนที่ถูกต้อง ศาลงดสืบพยานได้
คู่ความท้ากัน ให้จ่าศาลทำแผนที่ กำหนดเขตตามคำพิพากษาในคดีเดิมถ้าจ่าศาลทำตามคำสั่งแล้วจะถือข้อแพ้ชนะตามแผนที่นั้นเมื่อจ่าศาลทำแผนที่แล้ว จำเลยเถียงว่าแผนที่ตอนหนึ่งไม่ถูกประเด็นข้อนี้ศาลตรวจดูแผนที่ ถ้าปรากฏชัดว่าถูกต้องและข้อเถียงของจำเลยไม่มีเหตุสนับสนุนศาลก็งดสืบพยานตามที่จำเลยเถียงได้เพราะหลักฐานเท่าที่ปรากฏฟังเป็นยุติได้แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 569/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าคนตายโดยเจตนาจากการทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ชีวิต ศาลพิพากษาลงโทษจำคุก
คดีความผิดอาญาแผ่นดิน อัยการบรรยายฟ้องว่าได้สอบสวนแล้ว
ย่อมสันนิษฐานได้ว่า เป็นการสอบสวนที่ชอบด้วยกฎหมายแล้วหากจำเลยคัดค้านก็ทำได้โดยเสนอเป็นข้อต่อสู้ไว้ถ้าจำเลยไม่ต่อสู้ไว้ ก็ถือว่าไม่มีข้อโต้เถียงกันหากตามสำนวนไม่มีข้อเท็จจริงที่แสดงว่าการสอบสวนนั้นไม่ชอบ จำเลยมาคัดค้านขึ้นในชั้นฎีกา ย่อมไม่มีเหตุที่จะวินิจฉัยให้
ย่อมสันนิษฐานได้ว่า เป็นการสอบสวนที่ชอบด้วยกฎหมายแล้วหากจำเลยคัดค้านก็ทำได้โดยเสนอเป็นข้อต่อสู้ไว้ถ้าจำเลยไม่ต่อสู้ไว้ ก็ถือว่าไม่มีข้อโต้เถียงกันหากตามสำนวนไม่มีข้อเท็จจริงที่แสดงว่าการสอบสวนนั้นไม่ชอบ จำเลยมาคัดค้านขึ้นในชั้นฎีกา ย่อมไม่มีเหตุที่จะวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 562/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความสินจ้าง: บำเหน็จจากการขายและผลกำไรเป็นสินจ้างชนิดอื่น ฟ้องร้องภายใน 2 ปี
เงินบำเหน็จในการขายสินค้าก็ดี เงินบำเหน็จในผลกำไรของร้านค้าก็ดี ซึ่งนายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างเป็นรายปีนั้น คือ "สินจ้างชนิดอื่นเพื่อการงานที่ทำ" ตาม ป.พ.พ. มาตรา 165(8), สิทธิเรียกร้องเหล่านี้จะต้องฟ้องร้องเสียภายในกำหนดอายุความ 2 ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 562/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความการเรียกร้องค่าบำเหน็จพนักงาน: สินจ้างชนิดอื่นตาม ป.พ.พ. มาตรา 165(8) มีอายุความ 2 ปี
เงินบำเหน็จในการขายสินค้าก็ดี เงินบำเหน็จในผลกำไรของร้านค้าก็ดี ซึ่งนายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างเป็นรายปีนั้น คือ "สินจ้างชนิดอื่นเพื่อการงานที่ทำ" ตามป.พ.พ. มาตรา 165(8), สิทธิเรียกร้องเหล่านี้จะต้องฟ้องร้องเสียภายในกำหนดอายุความ 2 ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 561/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปฏิบัติตามเงื่อนไขพินัยกรรม: ศาลพิจารณาเจตนาผู้ทำพินัยกรรม และการหลีกเลี่ยงการเสียค่าทำศพ
บิดามารดาทำพินัยกรรมยกที่ดินให้บุตรคนหนึ่ง โดยเงื่อนไขว่าบุตรต้องออกเงินทำศพบิดามารดาคนละ 2,000 บาท ถ้าบุตรไม่ออกเงินค่าทำศพ ให้ที่ดินตกแก่ทายาทต่อไป บุตรปลอมใบมอบอำนาจของบิดามารดาโอนขายที่ดินนั้นให้บุตรเมื่อบิดาตายแล้ว มารดาทราบจึงฟ้องและศาลพิพากษาให้เพิกถอนการโอน บุตรขอรับมรดกของบิดามารดาจึงไปคัดค้าน บุตรจึง วางเงิน 2,000 บาท ค่าทำศพก่อนที่จะได้มีการเผาศพดังนี้ เป็นการที่บุตรไม่เจตนาเสียค่าทำศพมาตั้งแต่ต้นจนบิดพริ้วต่อไปไม่ได้จึงจำต้องวางเงินพอเป็นพิธีเพื่อฟ้องเรียกทรัพย์ตามพินัยกรรมหาใช่ปฏิบัติตามเงื่อนไขให้สมตามความมุ่งหมายของผู้ทำพินัยกรรมไม่ บุตรไม่มีสิทธิฟ้องร้องตามพินัยกรรม