พบผลลัพธ์ทั้งหมด 817 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 294/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในข้อเท็จจริง ป้องกันทรัพย์เกินสมควรแก่เหตุ: การยิงผู้ที่เข้าใจผิดว่าเป็นขโมยกระบือ
ใช้ปืนยิงผู้ที่กำลังขี่และจูงกระบือไป โดยเข้าใจผิดว่าผู้นั้นเป็นคนร้ายลักกระบือซึ่งตนติดตามมา ในเวลากลางคืน ตรงที่ป่ามีต้นไม้มืดแต่ผู้นั้นมิได้แสดงกิริยาต่อสู้ เป็นการป้องกันทรัพย์เกินสมควรแก่เหตุ อันเป็นความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา249,60,53
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 249/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การช่วยไล่ต้อนโคที่ถูกลักมา ไม่ถือเป็นความร่วมมือในการลักทรัพย์
คนร้ายลักโคจูงมาระหว่างทางพบจำเลย จำเลยช่วยคนร้ายไล่ต้อนโคโดยรู้ว่าเป็นโคของผู้อื่นและเมื่อพวกเจ้าทรัพย์มาพบก็วิ่งหนีไปด้วยกัน ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยได้สมคบหรือสมรู้กับคนร้ายในการลักทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 249/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การช่วยเหลือหลังการลักทรัพย์: ไม่ถือเป็นความร่วมมือในการกระทำผิด
คนร้ายลักโคจูงมาระหว่างทางพบจำเลย ๆ ช่วยคนร้ายไล่ต้อนโคโดยรู้ว่าเป็นโคของผู้อื่นและเมื่อพวกเจ้าทรัพย์มาพบก็วิ่งหนีไปด้วยกัน ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยได้สมคบหรือสมรู้กับคนร้ายในการลักทรัพย์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 209/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดิน: การปล่อยปละละเลยและอายุความตาม ป.พ.พ. ม.1375
ได้ความว่าจำเลยได้ทำรั้วและปลูกห้องแถวลงในที่พิพาทตั้ง 3 ปีก่อนถูกฟ้อง ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่ายังมิได้มีหนังสือสำคัญซึ่งโจทก์มีสิทธิจะกล่าวอ้างได้ก็แต่เพียงสิทธิครอบครองประการเดียวเท่านั้น โจทก์จึงมีหน้าที่จะต้องงดและระวังรักษาสิทธิดังกล่าวไว้หาใช่มีแล้วก็ปล่อยปละละเลยไม่ต้องนำพาเสียเลย การที่โจทก์อ้างว่าตัวโจทก์อยู่ไกลไม่มีทางรู้ถือได้ว่าโจทก์ปล่อยปละละเลยไม่นำพาได้แล้วเพราะ ป.พ.พ. ม.1375 บัญญัติไว้ชัดเจนว่าการฟ้องคดีเพื่อเอาคืนการครอบครองต้องเสียภายในหนึ่งนับแต่เวลาถูกแบ่งการครอบครองหาใช่นับแต่วันที่รู้ว่าถูกแย่งการครอบครองไม่ เมื่อจำเลยได้เข้าครอบครองที่พิพาทมาตั้ง 3 ปีแล้วจะเป็นโดยเจตนาสุจริตคิดว่าเป็นที่ดินของจำเลยเองหรือโดยเจตนาไม่สุจริตก็ดีและจะโดยโจทก์รู้เห็นแต่แรกแล้วหรือไม่เคยทราบเรื่องเลยก็ตาม ไม่ใช่เป็นข้อสำคัญถือว่าโจทก์หมดสิทธิฟ้องได้แล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 209/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความครอบครองที่ดิน - สิทธิครอบครอง - การปล่อยปละละเลย - มาตรา 1375
ได้ความว่าจำเลยได้ทำรั้วและปลูกห้องแถวลงในที่พิพาทตั้ง3 ปีก่อนถูกฟ้อง ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่ายังมิได้มีหนังสือสำคัญซึ่งโจทก์มีสิทธิจะกล่าวอ้างได้ก็แต่เพียงสิทธิครอบครองประการเดียวเท่านั้น โจทก์จึงมีหน้าที่จะต้องงดและระวังรักษาสิทธิดังกล่าวไว้หาใช่มีแล้วก็ปล่อยปละละเลยไม่ต้องนำพาเสียเลย การที่โจทก์อ้างว่าตัวโจทก์อยู่ไกลไม่มีทางรู้ถือได้ว่าโจทก์ปล่อยปละละเลยไม่นำพาได้แล้วเพราะ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1375 บัญญัติไว้ชัดเจนว่าการฟ้องคดีเพื่อเอาคืนการครอบครองต้องเสียภายในปีหนึ่งนับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครองหาใช่นับแต่วันที่รู้ว่าถูกแย่งการครอบครองไม่ เมื่อจำเลยได้เข้าครอบครองที่พิพาทมาตั้ง 3 ปีแล้วจะเป็นโดยเจตนาสุจริตคิดว่าเป็นที่ดินของจำเลยเองหรือโดยเจตนาไม่สุจริตก็ดีและจะโดยโจทก์รู้เห็นแต่แรกแล้วหรือไม่เคยทราบเรื่องเลยก็ตาม ไม่ใช่เป็นข้อสำคัญถือว่าโจทก์หมดสิทธิฟ้องได้แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 99/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนในการบรรยายฟ้องคดีละเมิด: รายละเอียดปลีกย่อยไม่จำเป็นต้องระบุในฟ้อง
ฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานละเมิด. จำเลยขับรถยนต์ชนรถยนต์โจทก์ ระบุความเสียหายว่า สินค้าที่บรรทุกรถยนต์มีพืชผลต่างๆ น้ำตาลและขวดเปล่า เสียหาย 12,350 บาท รถยนต์ชำรุดเสียหายค่าแรงงานฉุดลากจากคู ค่าลากจูงไปอู่ และค่าซ่อมรถ รวม 4,700 บาท ค่าเสื่อมราคา 1,600 บาท ดังนี้ เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2145/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความแตกต่างระหว่างข้อเท็จจริงในฟ้องกับข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้ส่งผลต่อการลงโทษทางอาญา
ฟ้องว่าจำเลยยิง ก.ตายโดยเจตนา ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยเจตนายิง ข.แต่พลาดไปถูกก.ตายเช่นนี้ ถือว่าข้อเท็จจริงต่างกับฟ้อง ถ้าโจทก์ประสงค์จะให้ศาลลงโทษจำเลยตาม กฎหมายอาญา มาตรา 44 ก็ต้องบรรยายลงไว้ในฟ้องให้ชัดเจน (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 6/2500)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2145/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อหาต่างกับข้อเท็จจริง การฟ้องต้องระบุรายละเอียดตรงกับความผิดที่เกิดขึ้น
ฟ้องว่าจำเลยยิง ก.ตายโดยเจตนา ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยเจตนายิง ข. แต่พลาดไปถูก ก. ตายเช่นนี้ ถือว่าข้อเท็จจริงต่างกับฟ้อง ถ้าโจทก์ประสงค์จะให้ศาลลงโทษจำเลยตาม ก.ม.อาญา ม.44 ก็ต้องบรรยายลงไว้ในฟ้องให้ชัดเจน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2142/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย ศาลพิจารณาบาดแผลและการกระทำของผู้กระทำ
ใช้มือชกหนึ่งทีถูกที่จมูกเลือดกำเดาไหล ไม่ปรากฎว่าเลือดกำเดาออกเพราะเหตุใดและชกแรงแค่ไหน ย่อมมีผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกายไม่ถึงบาดเจ็บเท่านั้น
สำนวนการสอบสวนที่ศาลเรียกมาเองนั้นศาลจะยกขึ้นให้เป็นผลร้ายแก่จำเลยไม่ได้.
สำนวนการสอบสวนที่ศาลเรียกมาเองนั้นศาลจะยกขึ้นให้เป็นผลร้ายแก่จำเลยไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2142/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย ศาลพิจารณาบาดแผลและการกระทำโดยเจตนา
ใช้มือชกหนึ่งทีถูกที่จมูกเลือดกำเดาไหล ไม่ปรากฏว่าเลือดกำเดาออกเพราะเหตุใดและชกแรงแค่ไหน ย่อมมีผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกายไม่ถึงบาดเจ็บเท่านั้น
สำนวนการสอบสวนที่ศาลเรียกมาเองนั้นศาลจะยกขึ้นให้เป็นผลร้ายแก่จำเลยไม่ได้
สำนวนการสอบสวนที่ศาลเรียกมาเองนั้นศาลจะยกขึ้นให้เป็นผลร้ายแก่จำเลยไม่ได้