พบผลลัพธ์ทั้งหมด 817 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2028/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีอาญาจำกัดเฉพาะผู้เสียหายตามกฎหมาย ผู้รับมอบอำนาจจำหน่ายยามิใช่ผู้เสียหาย
กฎหมายได้กำหนดตัวบุคคลไว้โดยเฉพาะที่จะจัดการแทนผู้เสียหายได้เป็นการแสดงอยู่ในตัวเองว่าผู้ที่จะเป็นโจทก์ฟ้องแทนผู้เสียหายได้ต้องเป็นบุคคลตามที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
โจทก์เป็นผู้ได้รับมอบอำนาจให้จำหน่ายยาอันมีเครื่องหมายการค้าโดยเฉพาะจากผู้มีชื่อ ต่อมามีผู้ปลอมเครื่องหมายการค้ายาที่โจทก์ได้รับมอบอำนาจ แม้โจทก์จะเสียหายก็ตาม ก็มิได้ชื่อว่าเป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
โจทก์เป็นผู้ได้รับมอบอำนาจให้จำหน่ายยาอันมีเครื่องหมายการค้าโดยเฉพาะจากผู้มีชื่อ ต่อมามีผู้ปลอมเครื่องหมายการค้ายาที่โจทก์ได้รับมอบอำนาจ แม้โจทก์จะเสียหายก็ตาม ก็มิได้ชื่อว่าเป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2028/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีอาญาจำกัดเฉพาะผู้เสียหายตามที่กฎหมายกำหนด แม้ได้รับความเสียหายก็ไม่อาจฟ้องแทนได้
ก.ม.ได้กำหนดตัวบุคคลไว้โดยเฉพาะที่จะจัดการแทนผู้เสียหายได้เป็นการแสดงอยู่ในตัวเองว่าผู้ที่จะเป็นโจทก์ฟ้องแทนผู้เสียหายได้ต้องเป็นบุคคลตามที่ระบุไว้ใน ป.วิ.อ.
โจทก์เป็นผู้ได้รับมอบอำนาจให้จำหน่ายยาอันมีเครื่องหมายการค้าโดยเฉพาะจากผู้มีชื่อ ต่อมามีผู้ปลอมเครื่องหมายการค้ายาที่โจทก์ได้รับมอบอำนาจแม้โจทก์จะเสียหายก็ตาม ก็มิได้ชื่อว่าเป็นผู้เสียหายตาม ป.วิ.อาญาไม่ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง.
โจทก์เป็นผู้ได้รับมอบอำนาจให้จำหน่ายยาอันมีเครื่องหมายการค้าโดยเฉพาะจากผู้มีชื่อ ต่อมามีผู้ปลอมเครื่องหมายการค้ายาที่โจทก์ได้รับมอบอำนาจแม้โจทก์จะเสียหายก็ตาม ก็มิได้ชื่อว่าเป็นผู้เสียหายตาม ป.วิ.อาญาไม่ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2026/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขรก.ไม่มีหน้าที่ดูแลทรัพย์สิน จึงไม่ต้องรับผิดตาม ม.132 แม้รับเงินค่าแสตมป์แล้วนำแสตมป์ใช้แล้วมาปิด
บรรยายฟ้องว่าจำเลยมีหน้าที่แต่เพียงเชิญชวนแนะนำให้ผู้ร้องปิดแสตมป์ ก.ศ.ส.ในคำร้องเท่านั้นแม้จะได้ความจริงก็หาลงโทษจำเลยได้ไม่ เพราะจำเลยไม่มีหน้าที่จัดซื้อหรือทำหรือปกครองรักษาทรัพย์สิ่งใด ๆ ตามความหมายใน ม.132.
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 12/2499)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 12/2499)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2026/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่จำกัดของข้าราชการ: การกระทำผิดมาตรา 132 ต้องมีหน้าที่ดูแลทรัพย์สินโดยตรง
บรรยายฟ้องว่าจำเลยมีหน้าที่แต่เพียงเชิญชวนแนะนำให้ผู้ร้องปิดแสตมป์ ก.ศ.ส. ในคำร้องเท่านั้น แม้จะได้ความจริงก็หาลงโทษจำเลยได้ไม่ เพราะจำเลยไม่มีหน้าที่จัดซื้อหรือทำหรือปกครองรักษาทรัพย์สิ่งใดๆ ตามความหมายในมาตรา 132 (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 12/2499)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1990/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยแทนกันไม่ได้ในความผิดอาญา แม้จะทำหน้าที่แทนเจ้าของกระบือ
ในความผิดทางอาญานั้นบุคคลจะเป็นจำเลยแทนกันไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1990/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยแทนกันไม่ได้ในความผิดอาญา แม้จะได้รับมอบหมายจากเจ้าของกระบือ
ในความผิดทางอาญานั้นบุคคลจะเป็นจำเลยแทนกันไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1983/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องซ้ำในคดีอาญาหลังศาลยกฟ้องเนื่องจากฟ้องไม่ระบุรายละเอียดสำคัญ ทำให้เกิดคำพิพากษาเด็ดขาด
เดิมโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยหาว่าสมคบกันทำร้ายร่างกายโจทก์มีบาดเจ็บสาหัสศาลชั้นต้นได้ยกฟ้องคดีนั้นโดยเห็นว่าฟ้องของโจทก์มิได้ระบุรายละเอียดตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) เกี่ยวกับเวลาที่จำเลยกระทำผิด รุ่งขึ้นโจทก์จึงมายื่นฟ้องใหม่อีก โดยกล่าวในฟ้องระบุวันเวลากระทำผิดนอกนั้นคงมีข้อความอย่างเดียวกับฟ้องเดิม เช่นนี้ถือว่าการกระทำผิดเป็นข้อสำคัญที่โจทก์จะต้องกล่าวมาในฟ้องเพราะเป็นข้อเท็จจริงในเรื่องความผิดที่จำเลยกระทำลง จึงได้ชื่อว่าศาลได้ยกฟ้องในความผิดซึ่งได้ฟ้องแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4) คือได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้อง แม้คดีนี้จะเป็นคดีราษฎรฟ้องกันเองซึ่งศาลยังมิได้ไต่สวนมูลฟ้องก่อนก็ดีเพียงข้อความที่โจทก์กล่าวมาในฟ้องถึงการกระทำทั้งหลายของจำเลย ศาลก็อาจวินิจฉัยและพิพากษาคดีไปได้โดยไม่จำเป็นต้องไต่สวนมูลฟ้องก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1983/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำในคดีอาญา: การระบุเวลาทำผิดเป็นสาระสำคัญของฟ้อง หากศาลยกฟ้องเพราะขาดรายละเอียดนี้ การฟ้องใหม่ถือเป็นฟ้องซ้ำ
เดิมโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยหาว่าสมคบกันทำร้ายร่างกายโจทก์มีบาดเจ็บสาหัส ศาลชั้นต้นได้ยกฟ้องคดีนั้นโดยเห็นว่าฟ้องของโจทก์มิได้ระบุรายละเอียดตาม ป.วิ.อ. ม.158 (5) เกี่ยวกับเวลาที่จำเลยกระทำผิด รุ่งขึ้นโจทก์จึงมายื่นฟ้องใหม่อีก โดยกล่าวในฟ้องระบุวันเวลากระทำผิดนอกนั้นคงมีข้อความอย่างเดียวกับฟ้องเดิม เช่นนี้ถือว่าเวลากระทำผิดเป็นข้อสำคัญที่โจทก์จะต้องกล่าวมาในฟ้องเพราะเป็นข้อเท็จจริงในเรื่องความผิดที่จำเลยกระทำลง จึงได้ชื่อว่าศาลได้ยกฟ้องในความผิดซึ่งได้ฟ้องแล้วตาม ป.วิ.อาญา ม.39 (4) คือได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้อง แม้คดีนี้จะเป็นคดีราษฎรฟ้องกันเองซึ่งศาลยังมิได้ไต่สวนมูลฟ้องก่อนก็ดี เพียงข้อความที่โจทก์กล่าวมาในใบฟ้องถึงการกระทำทั้งหลายของจำเลย ศาลก็อาจวินิจฉัยและพิพากษาคดีไปได้โดยไม่จำเป็นต้องไต่สวนมูลฟ้องก่อน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1889/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องฐานฆ่าโดยเจตนา แต่ศาลไม่สามารถลงโทษตามข้อหาเดิมได้ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนโดยเจตนาตาม กฎหมายอาญา มาตรา 249 ทางพิจารณาได้ความว่าเป็นเรื่องวิวาทกันกว่า 3 คนแล้วผู้ตายถูกทำร้ายถึงตาย โดยไม่ปรากฏว่าใครเป็นผู้ทำร้าย ศาลจะลงโทษจำเลยตาม มาตรา 253 ไม่ได้ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1889/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีอาญาและการพิพากษาที่ไม่ตรงกับคำฟ้อง โจทก์ขอให้ลงโทษฐานฆ่าคน แต่ศาลไม่สามารถลงโทษได้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนโดยเจตนาตาม ก.ม.อาญา ม.249 ทางพิจารณาได้ความว่าเป็นเรื่องวิวาทกันกว่า 3 คนแล้วผู้ตายถูกทำร้ายถึงตาย โดยไม่ปรากฎว่าใครเป็นผู้ทำร้าย ศาลจะลงโทษจำเลยตาม ม.253 ไม่ได้ ต้องห้ามตาม ป.วิ.อาญา ม.192.