พบผลลัพธ์ทั้งหมด 817 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 818/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสั่งบรรจุ/ไล่ออกข้าราชการเป็นอำนาจบริหาร มติคณะกรรมการเรื่องราวร้องทุกข์ไม่ผูกพันนายกฯ สิทธิฟ้องไม่มี
การขอเข้ารับหรือออกจากราชการตลอดจนการขอเข้าใหม่จะต้องปฏิบัติตามระเบียบข้าราชการฝ่ายพลเรือนอันอยู่ในอำนาจหน้าที่องฝ่ายบริหารโดยเฉพาะจะมาฟ้องขอให้ศาลบังคับหาได้ไม่
พระราชบัญญัติเรื่องราวร้องทุกข์ไม่มีบัญญัติไว้เด็ดขาดว่านายกรัฐมนตรีจำต้องปฏิบัติตามมติคณะกรรมการเรื่องราวร้องทุกข์แม้ใน มาตรา 20 ก็ไม่มีผลบังคับเด็ดขาดอยู่เพียงคำวินิจฉัยของคณะกรรมการเรื่องราวร้องทุกข์ๆ พึงเสนอความเห็นอีกทางหนึ่งเพื่อประกอบการพิจารณาสั่งการของนายกรัฐมนตรีเท่านั้น
คำในวรรคสองซึ่งว่า 'เมื่อนายกรัฐมนตรีได้รับแจ้งคำวินิจฉัยของคณะกรรมการแล้วจัดการไปเป็นการใด ฯลฯ' ย่อมแสดงว่าอยู่ในความวินิจฉัยของนายกรัฐมนตรีที่จะจัดการไปประการใดก็ได้แล้วแจ้งคณะกรรมการเรื่องราวร้องทุกข์ทราบเพื่อแจ้งแก่ผู้ร้องต่อไป เรื่องระยะเวลา 60 วันก็เพื่อเร่งให้ดำเนินการพิจารณาและสั่งการไปโดยเร็วนั่นเองจึงไม่ทำให้เกิดสิทธิฟ้องคดีเช่นนี้ได้
ศาลไทยยังไม่มีศาลปกครองจึงต้องพิจารณาตามกฎหมายและอำนาจของศาลไทย
พระราชบัญญัติเรื่องราวร้องทุกข์ไม่มีบัญญัติไว้เด็ดขาดว่านายกรัฐมนตรีจำต้องปฏิบัติตามมติคณะกรรมการเรื่องราวร้องทุกข์แม้ใน มาตรา 20 ก็ไม่มีผลบังคับเด็ดขาดอยู่เพียงคำวินิจฉัยของคณะกรรมการเรื่องราวร้องทุกข์ๆ พึงเสนอความเห็นอีกทางหนึ่งเพื่อประกอบการพิจารณาสั่งการของนายกรัฐมนตรีเท่านั้น
คำในวรรคสองซึ่งว่า 'เมื่อนายกรัฐมนตรีได้รับแจ้งคำวินิจฉัยของคณะกรรมการแล้วจัดการไปเป็นการใด ฯลฯ' ย่อมแสดงว่าอยู่ในความวินิจฉัยของนายกรัฐมนตรีที่จะจัดการไปประการใดก็ได้แล้วแจ้งคณะกรรมการเรื่องราวร้องทุกข์ทราบเพื่อแจ้งแก่ผู้ร้องต่อไป เรื่องระยะเวลา 60 วันก็เพื่อเร่งให้ดำเนินการพิจารณาและสั่งการไปโดยเร็วนั่นเองจึงไม่ทำให้เกิดสิทธิฟ้องคดีเช่นนี้ได้
ศาลไทยยังไม่มีศาลปกครองจึงต้องพิจารณาตามกฎหมายและอำนาจของศาลไทย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 818/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฝ่ายบริหารกับการสั่งการเรื่องราวร้องทุกข์: ศาลไม่รับฟ้องบังคับการคืนสู่ราชการ
การขอเข้ารับหรือออกจากราชการตลอดจนการขอเข้าใหม่จะต้องปฏิบัติตามระเบียบข้าราชการฝ่ายพลเรือนนั้นอยู่ในอำนาจหน้าที่ของฝ่ายบริหารโดยเฉพาะจะมาฟ้องขอให้ศาลบังคับหาได้ไม่
พ.ร.บ.เรื่องราวร้องทุกข์ ไม่มีบัญญัติไว้เด็ดขาดว่านายกรัฐมนตรีจำต้องปฏิบัติตามมติคณะกรรมการเรื่องราวร้องทุกข์ แม้ใน ม.20 ก็ไม่มีผลบังคับเด็ดขาดอยู่เพียงคำวินิจฉัยของคณะกรรมการเรื่องราวร้องทุกข์ ๆ พึงเสนอความเห็นอีกทางหนึ่งเพื่อประกอบการพิจารณาสั่งการของนายกรัฐมนตรีเท่านั้น
คำในวรรค 2 ซึ่งว่า "เมื่อนายกรัฐมนตรีได้รับแจ้งคำวินิจฉัยของคณะกรรมการแล้วจัดการไปเป็นการใด ฯลฯ" ย่อมแสดงว่าอยู่ในความวินิจฉัยของนายกรัฐมนตรีที่จะจัดการไปประการใดก็ได้แล้วแจ้งคณะกรรมการ
เรื่องราวร้องทุกข์ทราบเพื่อแจ้งแก่ผู้ร้องต่อไป เรื่องระยะเวลา 60 วันก็เพื่อเร่งให้ดำเนินการพิจารณาและสั่งการไปโดยเร็วนั่นเอง จึงไม่ทำให้เกิดสิทธิฟ้องคดีเช่นนี้ได้
ศาลไทยยังไม่มีศาลปกครองจึงต้องพิจารณาตาม ก.ม.และอำนาจของศาลไทย.
พ.ร.บ.เรื่องราวร้องทุกข์ ไม่มีบัญญัติไว้เด็ดขาดว่านายกรัฐมนตรีจำต้องปฏิบัติตามมติคณะกรรมการเรื่องราวร้องทุกข์ แม้ใน ม.20 ก็ไม่มีผลบังคับเด็ดขาดอยู่เพียงคำวินิจฉัยของคณะกรรมการเรื่องราวร้องทุกข์ ๆ พึงเสนอความเห็นอีกทางหนึ่งเพื่อประกอบการพิจารณาสั่งการของนายกรัฐมนตรีเท่านั้น
คำในวรรค 2 ซึ่งว่า "เมื่อนายกรัฐมนตรีได้รับแจ้งคำวินิจฉัยของคณะกรรมการแล้วจัดการไปเป็นการใด ฯลฯ" ย่อมแสดงว่าอยู่ในความวินิจฉัยของนายกรัฐมนตรีที่จะจัดการไปประการใดก็ได้แล้วแจ้งคณะกรรมการ
เรื่องราวร้องทุกข์ทราบเพื่อแจ้งแก่ผู้ร้องต่อไป เรื่องระยะเวลา 60 วันก็เพื่อเร่งให้ดำเนินการพิจารณาและสั่งการไปโดยเร็วนั่นเอง จึงไม่ทำให้เกิดสิทธิฟ้องคดีเช่นนี้ได้
ศาลไทยยังไม่มีศาลปกครองจึงต้องพิจารณาตาม ก.ม.และอำนาจของศาลไทย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 817/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องสมคบหน่วงเหนี่ยวกักขังเพื่อเรียกค่าไถ่ แม้ไม่มีรายละเอียดการกระทำของจำเลยแต่ละคน ก็ไม่ถือเป็นฟ้องเคลือบคลุม
ความผิดฐานสมคบหน่วงเหนี่ยวกักขังคนเพื่อสินไถ่นั้นโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้ง 5 สมคบกันกระทำผิดเริ่มแต่วันที่ 13 ธ.ค. ถึง 17 ธ.ค.95 ทั้งเวลากลางวันและกลางคืนอันเป็นเวลาระหว่างที่จำเลยลักพาเด็กไปหน่วงเหนี่ยวกักขังไว้เพื่อสินไถ่ ไม่จำต้องระบุว่าจำเลยคนใดทำอะไรความละเอียดนอกจากนี้เป็นข้อที่นำสืบจำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีและไม่หลงข้อต่อสู้ จึงไม่เป็นการฟ้องเคลือบคลุม
แม้ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาจะไม่ได้ความว่าจำเลยคนไหนเป็นผู้กักขังหน่วงเหนี่ยวและไม่มีพยานโจทก์เห็นผู้เสียหายถูกกักขังอยู่ในลังเมื่อเหตุอื่นๆ ฟังได้ว่าจำเลยสมคบกันหน่วงเหนี่ยวกักขังจริงจึงไม่ใช่ข้อเท็จจริงต่างกับฟ้อง
แม้ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาจะไม่ได้ความว่าจำเลยคนไหนเป็นผู้กักขังหน่วงเหนี่ยวและไม่มีพยานโจทก์เห็นผู้เสียหายถูกกักขังอยู่ในลังเมื่อเหตุอื่นๆ ฟังได้ว่าจำเลยสมคบกันหน่วงเหนี่ยวกักขังจริงจึงไม่ใช่ข้อเท็จจริงต่างกับฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 817/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดสมคบหน่วงเหนี่ยวกักขังเพื่อเรียกค่าไถ่: ฟ้องไม่เคลือบคลุม แม้ไม่มีพยานเห็นการกักขัง
ความผิดฐานสมคบหน่วงเหนี่ยวกักขังคนเพื่อสินไถ่นั้นโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้ง 5 สมคบกันกระทำผิดเริ่มแต่วันที่ 13 ธ.ค. ถึง 17 ธ.ค.95 ทั้งเวลากลางวันและกลางคืนอันเป็นเวลาระหว่างที่จำเลยลักพาเด็กไปหน่วงเหนี่ยวกักขังไว้เพื่อสินไถ่ ไม่จำต้องระบุว่าจำเลยคนใดทำอะไร ความละเอียดนอกจากนี้เป็นข้อที่นำสืบ จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีและไม่หลงข้อต่อสู้ จึงไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
แม้ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาจะไม่ได้ความว่าจำเลยคนไหนเป็นผู้กักขังหน่วงเหนี่ยวและไม่มีพยานโจทก์เห็นผู้เสียหายถูกกักขังอยู่ในลัง เมื่อเหตุอื่น ๆ ฟังได้ว่าจำเลยสมคบกันหน่วงเหนี่ยวกักขังจริง จึงไม่ใช่ข้อเท็จจริงต่างกับฟ้อง.
แม้ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาจะไม่ได้ความว่าจำเลยคนไหนเป็นผู้กักขังหน่วงเหนี่ยวและไม่มีพยานโจทก์เห็นผู้เสียหายถูกกักขังอยู่ในลัง เมื่อเหตุอื่น ๆ ฟังได้ว่าจำเลยสมคบกันหน่วงเหนี่ยวกักขังจริง จึงไม่ใช่ข้อเท็จจริงต่างกับฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 798-799/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอ้างเอกสารประกอบคำถามค้านพยาน: ศาลมีดุลยพินิจรับฟังได้ แม้ไม่ได้ส่งสำเนาเอกสารก่อน
คดพิพาทกันเรื่องกรรมสิทธิที่ดิน โจทก์อ้างว่าซื้อมา จำเลยต่อว่าให้ที่ดินทำต่างดอกเบี้ย ในขณะที่โจทก์อ้างตนเองเป็นพยานและจำเลยเป็นฝ่ายถามค้าน โจทก์ให้การปฏิเสธการกู้เงิน จำเลยย่อมอ้างเอกสารการกู้เงินมายันโจทก์ได้โดยไม่ต้องระบุพยานและส่งเอกสารล่วงหน้า เมื่อโจทก์รับรองเอกสารนั้นแล้วจำเลยก็ย่อมส่งอ้างเป็นพยานประกอบคำโจทก์ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 798-799/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอ้างเอกสารประกอบคำถามค้านพยาน: ศาลมีดุลพินิจรับฟังได้หากโจทก์รับรองเอกสารนั้นแล้ว
คดีพิพาทกันเรื่องกรรมสิทธิที่ดิน โจทก์อ้างว่าซื้อมาจำเลยต่อสู้ว่าให้ที่ดินทำต่างดอกเบี้ยในขณะที่โจทก์อ้างตนเองเป็นพยานและจำเลยเป็นฝ่ายถามค้านโจทก์ให้การปฏิเสธการกู้เงินจำเลยย่อมอ้างเอกสารการกู้เงินมายันโจทก์ได้โดยไม่ต้องระบุพยานและส่งเอกสารล่วงหน้าเมื่อโจทก์รับรองเอกสารนั้นแล้วจำเลยก็ย่อมส่งอ้างเป็นพยานประกอบคำโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 797/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการถอนผู้ปกครองและการคุ้มครองสวัสดิภาพผู้เยาว์
เมื่อผู้ใดร้องขอให้ศาลตั้งเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์ ไม่มีผู้ใดคัดค้านศาลได้ไต่สวนและสั่งตั้งผู้นั้นเป็นผู้ปกครองดังนี้จะเรียกว่าคดีถึงที่สุดอุทธรณ์ฎีกาต่อไปไม่ได้ก็เฉพาะเรื่องการตั้งผู้ปกครอง
ส่วนเรื่องการร้องขอให้ถอนผู้ปกครองนั้นเป็นอำนาจของศาลเองหรือสั่งเมื่อบุคคลผู้มีสิทธิร้องขอขึ้นมาตาม มาตรา1552,1574,1575และการร้องขอตามมาตราดังกล่าวไม่จำเป็นต้องทำเป็นคดีเรื่องใหม่ขึ้นมาอีกต่างหากจากสำนวนเดิม
ส่วนเรื่องการร้องขอให้ถอนผู้ปกครองนั้นเป็นอำนาจของศาลเองหรือสั่งเมื่อบุคคลผู้มีสิทธิร้องขอขึ้นมาตาม มาตรา1552,1574,1575และการร้องขอตามมาตราดังกล่าวไม่จำเป็นต้องทำเป็นคดีเรื่องใหม่ขึ้นมาอีกต่างหากจากสำนวนเดิม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 797/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการถอนผู้ปกครองเด็ก: คดีเดิมยังดำเนินการได้ ไม่ต้องฟ้องใหม่
เมื่อผู้ใดร้องขอให้ศาลตั้งเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์ ไม่มีผู้ใดคัดค้านศาลได้ไต่สวนและสั่งตั้งผู้นั้นเป็นผู้ปกครองดังนี้จะเรียกว่าคดีถึงที่สุด อุทธรณ์ฎีกาต่อไปไม่ได้ก็เฉพาะเรื่องการตั้งผู้ปกครอง
ส่วนเรื่องการร้องขอให้ถอนผู้ปกครองนั้นเป็นอำนาจของศาลเองหรือสั่งเมื่อบุคคลผู้มีสิทธิร้องขอขึ้นมาตาม ม.1552, 1574, 1575 และการร้องขอตามมาตราดังกล่าวไม่จำเป็นต้องทำเป็นคดีเรื่องใหม่ขึ้นมาอีกต่างหากจากสำนวนเดิม.
ส่วนเรื่องการร้องขอให้ถอนผู้ปกครองนั้นเป็นอำนาจของศาลเองหรือสั่งเมื่อบุคคลผู้มีสิทธิร้องขอขึ้นมาตาม ม.1552, 1574, 1575 และการร้องขอตามมาตราดังกล่าวไม่จำเป็นต้องทำเป็นคดีเรื่องใหม่ขึ้นมาอีกต่างหากจากสำนวนเดิม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 795/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนเองและป้องกันเกียรติยศชื่อเสียงจากการถูกละเมิดทางกายภาพ
การที่หญิงมีสามีอายุ 28 ปี ถูกชายอายุ 24 ปี ฉุดกอดปล้ำต่อหน้าผู้คนโดยหญิงไม่ยินยอมโดยได้พยายามดิ้นรนขัดขวางและร้องห้าม ชายนั้นก็ยังขืนกอดและฉุดอยู่อีกเมื่อหญิงดิ้นสบัดหลุดจึงใช้มีดปลอกปากกาหมึกซึมแทงไปเพียงทีเดียวถูกช่องซี่โครงชายนั้นกว้าง 1 ซม. ยาว 2 ซม. และไปถูกอวัยวะสำคัญทำให้ชายนั้นถึงตาย ดังนี้ย่อมถือได้ว่าเป็นการกระทำเพื่อป้องกันเกียรติยศชื่อเสียงพอสมควรแก่เหตุ ตาม ม.50.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 795/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันเกียรติยศชื่อเสียงโดยชอบด้วยกฎหมาย: การกระทำเพื่อป้องกันการละเมิดทางเพศ
การที่หญิงมีสามีอายุ 28 ปีถูกชายอายุ 24 ปีฉุดกอดปล้ำต่อหน้าผู้คนโดยหญิงไม่ยินยอมโดยได้พยายามดิ้นรนขัดขวางและร้องห้ามชายนั้นก็ยังขืนกอดและฉุดอยู่อีกเมื่อหญิงดิ้นสบัดหลุดจึงใช้มีดปลอกปากกาหมึกซึมแทงไปเพียงทีเดียวถูกช่องซี่โครงชายนั้นกว้าง 1 ซม.ยาว 2ซม.และไปถูกอวัยวะสำคัญทำให้ชายนั้นถึงตายดังนี้ย่อมถือได้ว่าเป็นการกระทำเพื่อป้องกันเกียรติยศชื่อเสียงพอสมควรแก่เหตุตาม มาตรา 50