พบผลลัพธ์ทั้งหมด 817 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 704/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บริษัทจำกัดต้องรับผิดต่อการกระทำของตัวแทน แม้ไม่ได้แสดงเจตนาโดยตรง
อันการดำเนินกิจการของบริษัทจำกัดนั้นบริษัทหาจำต้องแสดงเจตนาโดยผู้แทนของบริษัทจำกัดเสมอไปไม่ บริษัทอาจถือเอาประโยชน์และต้องรับผิดจากการกระทำโดยทางตัวแทนของบริษัทก็ได้
ถ้าข้อเท็จจริงเป็นที่เห็นได้ว่าบริษัทจำเลยได้เชิดบุคคลคนหนึ่งหรือกว่านั้นให้เป็นตัวแทนของบริษัทจำเลยในการซื้อขายกับบริษัทโจทก์ย่อมถือได้แล้วว่าบริษัทจำเลยต้องรับผิดจากการกระทำโดยทางตัวแทนที่ตนเชิดนั้น
ตราที่ประทับบนเอกสารปรากฏชัดเจนว่าเป็นตราชื่อบริษัทจำเลยบริษัทจำเลยจะโต้แย้งว่าไม่ใช่หรือมีการปลอมแปลงอย่างไรก็น่าที่จำเลยจะสืบแสดงให้เห็นชัดแจ้งได้โดยง่ายคำของพยานจำเลยที่เพียงเบิกความว่าไม่ได้หาทำให้ตราชื่อของบริษัทจำเลยเป็นตราปลอมไปได้ไม่
ถ้าข้อเท็จจริงเป็นที่เห็นได้ว่าบริษัทจำเลยได้เชิดบุคคลคนหนึ่งหรือกว่านั้นให้เป็นตัวแทนของบริษัทจำเลยในการซื้อขายกับบริษัทโจทก์ย่อมถือได้แล้วว่าบริษัทจำเลยต้องรับผิดจากการกระทำโดยทางตัวแทนที่ตนเชิดนั้น
ตราที่ประทับบนเอกสารปรากฏชัดเจนว่าเป็นตราชื่อบริษัทจำเลยบริษัทจำเลยจะโต้แย้งว่าไม่ใช่หรือมีการปลอมแปลงอย่างไรก็น่าที่จำเลยจะสืบแสดงให้เห็นชัดแจ้งได้โดยง่ายคำของพยานจำเลยที่เพียงเบิกความว่าไม่ได้หาทำให้ตราชื่อของบริษัทจำเลยเป็นตราปลอมไปได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 702/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคัดค้านการรังวัดที่ดินโดยเจตนาสร้างความเสียหาย และความรับผิดชอบในค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากความล่าช้า
โจทก์นำเจ้าพนักงานรังวัดแบ่งแยกโฉนดจำเลยซึ่งมีที่ดินติดต่อได้ ฟ้องคัดค้านและว่าจะขอรอสอบเขตเสียก่อน แต่แล้วก็ไม่จัดการอย่างไร โจทก์ร้องขอรังวัดครั้งที่สองก็ไปคัดค้านอีก จึงเป็นการกระทำซึ่งมีแต่จะให้เกิดความเสียหาย ต้องรับผิดฐานละเมิด
โจทก์จะแบ่งที่ดินขายใช้หนี้จำนอง จำเลยคัดค้านการแบ่งแยกโฉนด เป็นเหตุให้โจทก์ต้องเสียดอกเบี้ยจำนองนานขึ้น แต่โจทก์ละเลยมิได้บอกให้จำเลยรู้ถึงเสียค่าเสียหายอันผิดปกตินี้จึงนับว่าเป็นความผิดของโจทก์ประกอบอยู่ด้วย ศาลย่อมอาศัยพฤติการณ์นั้นประมาณกำหนดลดหย่อนค่าเสียหายลงได้ตามที่เห็นสมควร
บิดาไปคัดค้านการรังวัดที่ดินแทนบุตรอันเป็นการละเมิดผู้อื่น บุตรย่อมต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนร่วมด้วย.
โจทก์จะแบ่งที่ดินขายใช้หนี้จำนอง จำเลยคัดค้านการแบ่งแยกโฉนด เป็นเหตุให้โจทก์ต้องเสียดอกเบี้ยจำนองนานขึ้น แต่โจทก์ละเลยมิได้บอกให้จำเลยรู้ถึงเสียค่าเสียหายอันผิดปกตินี้จึงนับว่าเป็นความผิดของโจทก์ประกอบอยู่ด้วย ศาลย่อมอาศัยพฤติการณ์นั้นประมาณกำหนดลดหย่อนค่าเสียหายลงได้ตามที่เห็นสมควร
บิดาไปคัดค้านการรังวัดที่ดินแทนบุตรอันเป็นการละเมิดผู้อื่น บุตรย่อมต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนร่วมด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 702/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคัดค้านการรังวัดที่ดินโดยไม่สมเหตุผล และความรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้น รวมถึงการลดหย่อนค่าเสียหายจากความประมาทเลินเล่อของผู้เสียหาย
โจทก์นำเจ้าพนักงานรังวัดแบ่งแยกโฉนดจำเลยซึ่งมีที่ดินติดต่อได้ร้องคัดค้านและว่าจะขอรอสอบเขตเสียก่อน แต่แล้วก็ไม่จัดการอย่างไรโจทก์ร้องขอรังวัดครั้งที่สองก็ไปคัดค้านอีกจึงเป็นการกระทำซึ่งมีแต่จะให้เกิดความเสียหาย ต้องรับผิดฐานละเมิด
โจทก์จะแบ่งที่ดินขายใช้หนี้จำนอง จำเลยคัดค้านการแบ่งแยกโฉนดเป็นเหตุให้โจทก์ต้องเสียดอกเบี้ยจำนองนานขึ้นแต่โจทก์ละเลยมิได้บอกให้จำเลยรู้ถึงค่าเสียหายอันผิดปกตินี้ จึงนับว่าเป็นความผิดของโจทก์ประกอบอยู่ด้วย ศาลย่อมอาศัยพฤติการณ์นั้นประมาณกำหนดลดหย่อนค่าเสียหายลงได้ตามที่เห็นสมควร
บิดาไปคัดค้านการรังวัดที่ดินแทนบุตรอันเป็นการละเมิดผู้อื่นบุตรย่อมต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนร่วมด้วย
โจทก์จะแบ่งที่ดินขายใช้หนี้จำนอง จำเลยคัดค้านการแบ่งแยกโฉนดเป็นเหตุให้โจทก์ต้องเสียดอกเบี้ยจำนองนานขึ้นแต่โจทก์ละเลยมิได้บอกให้จำเลยรู้ถึงค่าเสียหายอันผิดปกตินี้ จึงนับว่าเป็นความผิดของโจทก์ประกอบอยู่ด้วย ศาลย่อมอาศัยพฤติการณ์นั้นประมาณกำหนดลดหย่อนค่าเสียหายลงได้ตามที่เห็นสมควร
บิดาไปคัดค้านการรังวัดที่ดินแทนบุตรอันเป็นการละเมิดผู้อื่นบุตรย่อมต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนร่วมด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 694/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความคำว่า 'หลังเที่ยง' และองค์ประกอบความผิดฐานพยายามฆ่า
กล่าวฟ้องว่าวันที่ 23 เวลากลางคืนหลังเที่ยงแสดงชัดเจนอยู่แล้วว่าเป็นเวลากลางคืนก่อน 24.00 น. ของวันที่ 23
คำว่าหลังเที่ยงย่อมเข้าใจได้ว่าหลังเที่ยงวันคือหลัง 12.00 น. ของวันนั้นหาใช่หลังเที่ยงคืนไม่
ปืนโดยปกติเป็นเครื่องประหารที่ร้ายแรงอยู่แล้ว ประกอบกับผู้บาดเจ็บถูกกระสุนปืนมีบาดแผล 9 แห่งซึ่งผู้ชันสูตรฯว่าถ้าถูกที่สำคัญอาจถึงตายได้ เช่นนี้จำเลยจึงต้องมีผิดฐานพยายามฆ่าคน
คำว่าหลังเที่ยงย่อมเข้าใจได้ว่าหลังเที่ยงวันคือหลัง 12.00 น. ของวันนั้นหาใช่หลังเที่ยงคืนไม่
ปืนโดยปกติเป็นเครื่องประหารที่ร้ายแรงอยู่แล้ว ประกอบกับผู้บาดเจ็บถูกกระสุนปืนมีบาดแผล 9 แห่งซึ่งผู้ชันสูตรฯว่าถ้าถูกที่สำคัญอาจถึงตายได้ เช่นนี้จำเลยจึงต้องมีผิดฐานพยายามฆ่าคน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 694/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความ 'หลังเที่ยง' ในฟ้องอาญา และการประเมินความร้ายแรงของบาดแผลเพื่อพิสูจน์เจตนาฆ่า
กล่าวฟ้องว่าวันที่ 23 เวลากลางคืนหลังเที่ยงแสดงชัดเจนอยู่แล้วว่าเป็นเวลากลางคืนก่อน 24.00 น.ของวันที่ 23
คำว่าหลังเที่ยงย่อมเข้าใจได้ว่าหลังเที่ยงวันคือหลัง 12.00 น. ของวันนั้นหาใช่หลังเที่ยงคืนไม่
ปืนโดยปกติเป็นเครื่องประหารที่ร้ายแรงอยู่แล้ว ประกอบกับผู้บาดเจ็บถูกกระสุนปืนมีแผล 9 แห่งซึ่งผู้ชัณสูตร ฯ ว่าถ้าถูกที่สำคัญอาจถึงตายได้ เช่นนี้จำเลยจึงมีผิดฐานพยายามฆ่าคน.
คำว่าหลังเที่ยงย่อมเข้าใจได้ว่าหลังเที่ยงวันคือหลัง 12.00 น. ของวันนั้นหาใช่หลังเที่ยงคืนไม่
ปืนโดยปกติเป็นเครื่องประหารที่ร้ายแรงอยู่แล้ว ประกอบกับผู้บาดเจ็บถูกกระสุนปืนมีแผล 9 แห่งซึ่งผู้ชัณสูตร ฯ ว่าถ้าถูกที่สำคัญอาจถึงตายได้ เช่นนี้จำเลยจึงมีผิดฐานพยายามฆ่าคน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 620/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องจำเลยในฐานะผู้จัดการบริษัท โดยไม่ได้พิสูจน์ว่าจำเลยกระทำผิดด้วยตนเอง ทำให้ลงโทษไม่ได้
เทศบัญญัติของเทศบาลนครกรุงเทพฯ เรื่องควบคุมการค้าซึ่งเป็นที่น่ารังเกียจฯ (ฉบับที่ 3)2494ลงวันที่ 18 ม.ค. 2494 ข้อ 4,5
หน้าฟ้องโจทก์ระบุชื่อจำเลยไม่ได้ระบุชื่อบริษัทในคำบรรยายฟ้องกล่าวถึงบริษัทอยู่บ้าง แต่ก็เป็นเพียงแสดงให้ทราบว่าจำเลยผู้ที่ถูกฟ้องนั้นเป็นผู้จัดการบริษัทจึงเป็นอันว่าจากหน้าฟ้องก็ตาม จากคำบรรยายฟ้องก็ตามโจทก์ฟ้องจำเลยเป็นส่วนตัวของจำเลย และฟ้องไม่ได้หาว่าจำเลยจัดคนให้เลื่อยไม้ เมื่อคำพยานไม่มีเลยว่าจำเลยเป็นผู้เลื่อยไม้เช่นนี้ลงโทษจำเลยไม่ได้
หน้าฟ้องโจทก์ระบุชื่อจำเลยไม่ได้ระบุชื่อบริษัทในคำบรรยายฟ้องกล่าวถึงบริษัทอยู่บ้าง แต่ก็เป็นเพียงแสดงให้ทราบว่าจำเลยผู้ที่ถูกฟ้องนั้นเป็นผู้จัดการบริษัทจึงเป็นอันว่าจากหน้าฟ้องก็ตาม จากคำบรรยายฟ้องก็ตามโจทก์ฟ้องจำเลยเป็นส่วนตัวของจำเลย และฟ้องไม่ได้หาว่าจำเลยจัดคนให้เลื่อยไม้ เมื่อคำพยานไม่มีเลยว่าจำเลยเป็นผู้เลื่อยไม้เช่นนี้ลงโทษจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 620/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องจำเลยในฐานะบุคคลธรรมดา โดยไม่ได้ฟ้องบริษัท แม้จะเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดของบริษัท
เทศบัญญัติของเทศบาลนครกรุงเทพฯ เรื่องควบคุมการค้าซึ่งเป็นที่น่ารังเกียจ ฯ (ฉบับที่ 3) 2494 ลงวันที่ 18 ม.ค.2494 ข้อ 4,5
หน้าฟ้องโจทก์ระบุชื่อจำเลยไม่ได้ระบุชื่อบริษัท ในคำบรรยายฟ้องกล่าวถึงบริษัทอยู่บ้าง แต่ก็เป็นเพียงแสดงให้ทราบว่าจำเลยผู้ที่ถูกฟ้องนั้นเป็นผู้จัดการบริษัทจึงเป็นอันว่าจากหน้าฟ้องก็ตาม จากคำบรรยายฟ้องก็ตาม โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นส่วนตัวของจำเลย และฟ้องไม่ได้หาว่าจำเลยจัดคนให้เลื่อยไม้ เมื่อคำพยานไม่มีเลยว่าจำเลยเป็นผู้เลื่อยไม้ เช่นนี้ลงโทษจำเลยไม่ได้.
หน้าฟ้องโจทก์ระบุชื่อจำเลยไม่ได้ระบุชื่อบริษัท ในคำบรรยายฟ้องกล่าวถึงบริษัทอยู่บ้าง แต่ก็เป็นเพียงแสดงให้ทราบว่าจำเลยผู้ที่ถูกฟ้องนั้นเป็นผู้จัดการบริษัทจึงเป็นอันว่าจากหน้าฟ้องก็ตาม จากคำบรรยายฟ้องก็ตาม โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นส่วนตัวของจำเลย และฟ้องไม่ได้หาว่าจำเลยจัดคนให้เลื่อยไม้ เมื่อคำพยานไม่มีเลยว่าจำเลยเป็นผู้เลื่อยไม้ เช่นนี้ลงโทษจำเลยไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 614/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความแตกต่างวันเวลานับตามสุริยคติและจันทรคติไม่กระทบต่อข้อเท็จจริงในฟ้อง การรับฟังพยานหลักฐานต้องมีน้ำหนักพอสมควร
เจ้าทุกข์บรรยายฟ้องว่าเหตุเกิดวันที่ 6 พ.ค.97 เวลากลางคืนก่อนเที่ยงซึ่งตรงกับวันขึ้น 4 ค่ำเดือน 6 แต่ผู้เสียหายและพยานโจทก์ว่าเกิดเหตุเวลากลางคืนขึ้น 3 ค่ำ เดือน 6 ตรงกับวันที่ 5 พ.ค.97
เมื่อคดีได้ความว่าที่ต่างกันนี้เพราะในบรรยายฟ้องโจทก์นับวันเวลาตามสุริยคติคือนับต่อจาก 24.00 น. เป็นเวลากลางคืนก่อนเที่ยงไปจนถึง 6.00 น. เป็นอีกวันหนึ่ง แต่ชพยานโจทก์ให้การตามวิธีนับทางจันทรคติสิ้นสุดลงในเวลาย่ำรุ่ง เมื่อคดีนี้เหตุเกิดเมื่อวันที่ 5 พ.ค.97 และเวลา 2 ยามไปแล้ว จึงตรงกับวันที่ 6 พ.ค.97 เวลากลางคืนก่อนเที่ยง ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาจึงไม่ต่างกับข้อเท็จจริงในฟ้อง.
เมื่อคดีได้ความว่าที่ต่างกันนี้เพราะในบรรยายฟ้องโจทก์นับวันเวลาตามสุริยคติคือนับต่อจาก 24.00 น. เป็นเวลากลางคืนก่อนเที่ยงไปจนถึง 6.00 น. เป็นอีกวันหนึ่ง แต่ชพยานโจทก์ให้การตามวิธีนับทางจันทรคติสิ้นสุดลงในเวลาย่ำรุ่ง เมื่อคดีนี้เหตุเกิดเมื่อวันที่ 5 พ.ค.97 และเวลา 2 ยามไปแล้ว จึงตรงกับวันที่ 6 พ.ค.97 เวลากลางคืนก่อนเที่ยง ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาจึงไม่ต่างกับข้อเท็จจริงในฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 614/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความถูกต้องของวันเวลากระทำผิดและการรับฟังพยานหลักฐานในคดีอาญา
โจทก์บรรยายฟ้องว่าเหตุเกิดวันที่ 6 พ.ค. 97 เวลากลางคืนก่อนเที่ยงซึ่งตรงกับวันขึ้น 4 ค่ำเดือน 6 แต่ผู้เสียหายและพยานโจทก์ว่าเหตุเกิดเวลากลางคืนขึ้น 3 ค่ำ เดือน 6 ตรงกับ วันที่ 5 พ.ค. 97
เมื่อคดีได้ความว่าที่ต่างกันนี้เพราะในบรรยายฟ้องโจทก์นับวันเวลาตามสุริยคติคือนับต่อจาก 24.00 น. เป็นเวลากลางคืนก่อนเที่ยงไปจนถึง 6.00 น. เป็นอีกวันหนึ่ง แต่พยานโจทก์ให้การตามวิธีนับทางจันทรคติสิ้นสุดลงในเวลาย่ำรุ่งเมื่อคดีนี้เหตุเกิดเมื่อวันที่ 5 พ.ค. 97และเวลา 2 ยามไปแล้ว จึงตรงกับวันที่ 6 พ.ค. 97เวลากลางคืนก่อนเที่ยงข้อเท็จจริงในทางพิจารณาจึงไม่ต่างกับข้อเท็จจริงในฟ้อง
เมื่อคดีได้ความว่าที่ต่างกันนี้เพราะในบรรยายฟ้องโจทก์นับวันเวลาตามสุริยคติคือนับต่อจาก 24.00 น. เป็นเวลากลางคืนก่อนเที่ยงไปจนถึง 6.00 น. เป็นอีกวันหนึ่ง แต่พยานโจทก์ให้การตามวิธีนับทางจันทรคติสิ้นสุดลงในเวลาย่ำรุ่งเมื่อคดีนี้เหตุเกิดเมื่อวันที่ 5 พ.ค. 97และเวลา 2 ยามไปแล้ว จึงตรงกับวันที่ 6 พ.ค. 97เวลากลางคืนก่อนเที่ยงข้อเท็จจริงในทางพิจารณาจึงไม่ต่างกับข้อเท็จจริงในฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 612/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจผู้รับโอนตั๋วเงินดีกว่าผู้โอน ผู้สั่งจ่ายเช็คต้องรับผิดชอบแม้มีข้อพิพาทกับผู้โอน
ได้ความว่าจำเลยที่ 1 ออกเช็คสั่งจ่ายเงินลงวันล่วงหน้าให้แก่บริษัทโรงงานฝ้ายกรุงเทพฯๆ สลักหลังโอนให้โจทก์ๆ ผู้ทรงเช็คได้รับไว้โดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนแล้วถือว่าเช็คนั้นย่อมสมบูรณ์จำเลยจะยกข้อต่อสู้ในเรื่องที่โจทก์ทำสัญญาประนีประนอมกับบริษัทโรงงานฝ้ายกรุงเทพฯ ผู้โอนเช็คขึ้นมาต่อสู้มิได้เพราะในหลักเรื่องตั๋วเงินมีว่าผู้รับโอนย่อมมีอำนาจดีกว่าผู้โอนหาใช่ผู้โอนมีอำนาจดีกว่าผู้รับโอนดังนั้นผู้สั่งจ่ายเช็คและผู้สลักหลังยอมรับผิดต่อผู้ทรงเช็คคือโจทก์เมื่อโจทก์ยังไม่ได้รับชำระหนี้เงินตามเช็คเต็มจำนวนแล้วโจทก์มีสิทธิไล่เบี้ยเอาจากจำเลยได้ ทั้งมิใช่เป็นการแปลงหนี้ตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา349 เพราะระหว่างโจทก์และบริษัทโรงงานฝ้ายมิได้ทำสัญญาเปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งหนี้ยังคงปฏิบัติถือตามหนี้เดิมอยู่
แต่เมื่อได้ความว่าโจทก์ได้รับชำระหนี้ที่โรงงานฝ้ายโอนเช็คใช้ให้ครบจำนวนแล้วโจทก์ก็ไม่มีสิทธิที่เรียกเงินจากจำเลยผู้สั่งจ่ายเช็คได้อีก
แต่เมื่อได้ความว่าโจทก์ได้รับชำระหนี้ที่โรงงานฝ้ายโอนเช็คใช้ให้ครบจำนวนแล้วโจทก์ก็ไม่มีสิทธิที่เรียกเงินจากจำเลยผู้สั่งจ่ายเช็คได้อีก