พบผลลัพธ์ทั้งหมด 817 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1879/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกล่าวคำลามกต่อหน้าธารกำนัล จำเป็นต้องพิสูจน์ว่ามีผู้ได้ยินหรือไม่
จำเลยกล่าวคำว่า "เจ้าหน้าที่หัวควยอะไร" เป็นคำลามกอนาจาร จะกล่าวในที่ใดไม่สำคัญข้อสำคัญอยู่ที่ว่าได้ยินต่อหน้าธารกำนัลหรือไม่
ฟ้องว่าจำเลยกล่าวคำลามกอนาจารต่อหน้าธารกำนัล จำเลยรับว่าได้กล่าวคำดังฟ้องจริงโจทก์จำเลยไม่สืบพยานศาลพิพากษายกฟ้อง เพราะยังไม่ได้ความว่ากล่าวต่อหน้าธารกำนัลหรือไม่
ฟ้องว่าจำเลยกล่าวคำลามกอนาจารต่อหน้าธารกำนัล จำเลยรับว่าได้กล่าวคำดังฟ้องจริงโจทก์จำเลยไม่สืบพยานศาลพิพากษายกฟ้อง เพราะยังไม่ได้ความว่ากล่าวต่อหน้าธารกำนัลหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1879/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำพูดลามกต่อหน้าธารกำนัล - การพิสูจน์การได้ยินเป็นสำคัญ
จำเลยกล่าวคำว่า "เจ้าหน้าที่หัวควยอะไร" เป็นคำลามกอนาจาร จะกล่าวในที่ใดไม่สำคัญ ข้อสำคัญอยู่ที่ว่าได้ยินต่อหน้าธารกำนัลหรือไม่
ฟ้องว่าจำเลยกล่าวคำลามกอนาจารต่อหน้าธารกำนัล. จำเลยรับว่าได้กล่าวคำดังฟ้องจริง โจทก์จำเลยไม่สืบพยานศาลพิพากษายกฟ้อง เพราะยังไม่ได้ความว่ากล่าวต่อหน้าธารกำนัลหรือไม่
ฟ้องว่าจำเลยกล่าวคำลามกอนาจารต่อหน้าธารกำนัล. จำเลยรับว่าได้กล่าวคำดังฟ้องจริง โจทก์จำเลยไม่สืบพยานศาลพิพากษายกฟ้อง เพราะยังไม่ได้ความว่ากล่าวต่อหน้าธารกำนัลหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1843/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า: กรณีเครื่องหมายคล้ายคลึงกัน และการฟ้องร้องเพื่อแย่งสิทธิก่อนจดทะเบียน
เครื่องหมายการค้าที่ยังไม่จดทะเบียนนั้น ถ้าโต้แย้งกันว่าใครมีสิทธิดีกว่าที่จะนำไปจดทะเบียน ก็อาจนำคดีมาสู่ศาลให้วินิจฉัยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1842/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องแย้งสิทธิในบ้านที่สร้างบนที่ดินเช่า และการแจ้งขัดข้อกล่าวหา
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าบ้านรายพิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยให้การต่อสู้ว่าบ้านเป็นของมารดาโจทก์ ๆ ได้ขายให้จำเลยแล้ว และฟ้องแย้งว่า ถ้าหากเป็นบ้านของโจทก์จริง จำเลยก็ขอให้ศาลพิพากษาให้โจทก์รื้อบ้านรายพิพาทออกไป เพราะการที่โจทก์อาศัยจำเลยอยู่ในที่ ๆ จำเลยเป็นผู้เช่าผู้อื่นอยู่นั้นเป็นโมฆะฟ้องแย้งของจำเลยเช่นนี้ เป็นฟ้องที่เกี่ยวพันกับฟ้องเดิม และข้อหาก็แจ้งขัดแล้ว ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ขัดแย้งกันในตัว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1842/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งสิทธิในบ้านพิพาทเกี่ยวพันกับฟ้องเดิม สภาพแห่งข้อหาแจ้งชัด ศาลรับพิจารณา
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าบ้านรายพิพาทเป็นของโจทก์จำเลยให้การต่อสู้ว่าบ้านเป็นของมารดาโจทก์โจทก์ได้ขายให้จำเลยแล้ว และฟ้องแย้งว่า ถ้าหากเป็นบ้านของโจทก์จริง จำเลยก็ขอให้ศาลพิพากษาให้โจทก์รื้อบ้านรายพิพาทออกไป เพราะการที่โจทก์อาศัยจำเลยอยู่ในที่ที่จำเลยเป็นผู้เช่าผู้อื่นอยู่นั้นเป็นโมฆะฟ้องแย้งของจำเลยเช่นนี้ เป็นฟ้องที่เกี่ยวพันกับฟ้องเดิม และข้อหาก็แจ้งชัดแล้ว ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ขัดแย้งกันในตัว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1841/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้เช่าเพียรชำระค่าเช่าแต่ผู้ให้เช่าไม่รับ การฟ้องเรียกค่าเช่าที่ค้างจึงไม่ชอบ และการละเมิดเริ่มเมื่อทราบมติควบคุมค่าเช่า
ผู้เช่าเพียรชำระค่าเช่าแก่ผู้ให้เช่าผู้ให้เช่าไม่รับและบอกว่ายังไม่ให้ชำระดังนี้ ยังเรียกไม่ได้ว่าผู้เช่าผิดนัด จู่ๆ ผู้ให้เช่าจะมาขอให้ศาลบังคับให้ไม่ได้
ในเรื่องค่าเช่าฟ้องบรรยายว่าได้เลิกสัญญาเช่าแล้วผู้เช่าไม่ยอมออกขอเรียกค่าเสียหาย 2,000 บาท และค่าเช่ารวม 180 บาท ดังนี้ ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
กรณีที่มีมติของคณะกรรมการควบคุมค่าเช่าฯ ให้ผู้เช่าออกจากห้องเช่า ผู้เช่าจะละเมิดก็ต่อเมื่อได้ทราบมตินั้น
ในเรื่องค่าเช่าฟ้องบรรยายว่าได้เลิกสัญญาเช่าแล้วผู้เช่าไม่ยอมออกขอเรียกค่าเสียหาย 2,000 บาท และค่าเช่ารวม 180 บาท ดังนี้ ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
กรณีที่มีมติของคณะกรรมการควบคุมค่าเช่าฯ ให้ผู้เช่าออกจากห้องเช่า ผู้เช่าจะละเมิดก็ต่อเมื่อได้ทราบมตินั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1841/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระค่าเช่าที่ไม่สมบูรณ์ และการละเมิดสัญญาเช่าหลังมีมติของคณะกรรมการควบคุมค่าเช่า
ผู้เช่าเพียงชำระค่าเช่าแก่ผู้ให้เช่า ๆ ไม่รับดังนี้ยังเรียกไม่ได้ว่าผู้เช่าผิดนัด จู่ ๆ ผู้ให้เช่าจะมาขอให้ศาลบังคับให้ไม่ได้
ในเรื่องค่าเช่าฟ้องบรรยายว่าได้เลิกสัญญาเช่าแล้ว ผู้เช่าไม่ยอมออกขอเรียกค่าเสียหาย 2,000 บาท และค่าเช่ารวม 180 บาทดังนี้ ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
กรณีย์ที่มีมติของคณะกรรมการควบคุมค่าเช่า ฯ ให้ผู้เช่าออกจากห้องเช่า ผู้เช่าจะละเมิดก็ต่อเมื่อได้ทราบมตินั้น
ในเรื่องค่าเช่าฟ้องบรรยายว่าได้เลิกสัญญาเช่าแล้ว ผู้เช่าไม่ยอมออกขอเรียกค่าเสียหาย 2,000 บาท และค่าเช่ารวม 180 บาทดังนี้ ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
กรณีย์ที่มีมติของคณะกรรมการควบคุมค่าเช่า ฯ ให้ผู้เช่าออกจากห้องเช่า ผู้เช่าจะละเมิดก็ต่อเมื่อได้ทราบมตินั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1831/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ความผิดฐานมีธนบัตรปลอมไว้เพื่อจำหน่าย: พฤติการณ์สำคัญประกอบการวินิจฉัย
ในคดีอาญาโจทก์มีหน้าที่ที่จะนำสืบพิสูจน์ความผิดของจำเลย แต่ความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 203(3) นั้นแยกเป็นสองฐาน คือฐานจำหน่ายธนบัตรปลอมโดยรู้และฐานมีไว้เพื่อจำหน่าย ความผิดฐานแรกโจทก์ต้องนำสืบถึงการจำหน่ายด้วย ความผิดฐานหลังนำสืบแต่เพียงว่ามีไว้เพื่อจะจำหน่ายก็เป็นความผิดได้แล้ว
การจะวินิจฉัยว่ามีธนบัตรปลอมไว้เพื่อจะจำหน่ายหรือเพื่ออย่างใดนั้นต้องประมวลพฤติการณ์ทั้งหลายที่ปรากฏในสำนวนประกอบแล้ววินิจฉัยเป็นเรื่องๆ ไป พฤติการณ์ที่จำเลยแสดงตนเป็นพระภิกษุแต่ใบสุทธิเป็นที่สงสัย ทำตนเป็นคนหากินทางขายเครื่องรางในวัด เจ้าอาวาสในวัดห้ามไม่ฟัง มีธนบัตรปลอมชนิดฉบับละ 100 บาท7 ฉบับในตัว ห่อไว้ต่างหากแยกจากห่อธนบัตรดี ดังนี้เป็นการเพียงพอที่จะรับฟังได้ว่าจำเลยรู้ว่าเป็นธนบัตรปลอมและมีไว้เพื่อจำหน่าย
การจะวินิจฉัยว่ามีธนบัตรปลอมไว้เพื่อจะจำหน่ายหรือเพื่ออย่างใดนั้นต้องประมวลพฤติการณ์ทั้งหลายที่ปรากฏในสำนวนประกอบแล้ววินิจฉัยเป็นเรื่องๆ ไป พฤติการณ์ที่จำเลยแสดงตนเป็นพระภิกษุแต่ใบสุทธิเป็นที่สงสัย ทำตนเป็นคนหากินทางขายเครื่องรางในวัด เจ้าอาวาสในวัดห้ามไม่ฟัง มีธนบัตรปลอมชนิดฉบับละ 100 บาท7 ฉบับในตัว ห่อไว้ต่างหากแยกจากห่อธนบัตรดี ดังนี้เป็นการเพียงพอที่จะรับฟังได้ว่าจำเลยรู้ว่าเป็นธนบัตรปลอมและมีไว้เพื่อจำหน่าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1831/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์เจตนาจำหน่ายธนบัตรปลอม: พฤติการณ์ประกอบสำคัญกว่าการมีเพียงการครอบครอง
ในคดีอาญาโจทก์มีหน้าที่ที่จะนำสืบพิศูจน์ความผิดของจำเลย แต่ความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 203(3) นั้น แยกเป็นสองฐาน คือฐานจำหน่ายธนบัตรปลอมโดยรู้และฐานมีไว้เพื่อจำหน่าย ความผิดฐานแรกโจทก์ต้องนำสืบถึงการจำหน่ายด้วย ความผิดฐานหลังนำสืบแต่เพียงว่ามีไว้เพื่อจะจำหน่ายก็เป็นความผิดได้แล้ว
การจะวินิจฉัยว่ามีธนบัตรปลอมไว้เพื่อจะจำหน่ายหรือเพื่ออย่างใดนั้นต้องประมวลพฤติการณ์ทั้งหลายที่ปรากฎในสำนวนประกอบแล้ววินิจฉัยเป็นเรื่อง ๆ ไป พฤติการณ์ที่จำเลยแสดงตนเป็นพระภิกษุแต่ใบสุทธิเป็นที่สงสัย ทำตนเป็นคนหากินทางขายเครื่องรางในวัด เจ้าอาวาสในวัดห้ามไม่ฟัง มีธนบัตรปลอมชนิดฉบับละ 100 บาท 7 ฉบับในตัว ห่อไว้ต่างหากแยกจากห่อธนบัตรดี ดังนี้เป็นการเพียงพอที่จะรับฟังได้ว่าจำเลยรู้ว่าเป็นธนบัตรปลอมและมีไว้เพื่อจำหน่าย
การจะวินิจฉัยว่ามีธนบัตรปลอมไว้เพื่อจะจำหน่ายหรือเพื่ออย่างใดนั้นต้องประมวลพฤติการณ์ทั้งหลายที่ปรากฎในสำนวนประกอบแล้ววินิจฉัยเป็นเรื่อง ๆ ไป พฤติการณ์ที่จำเลยแสดงตนเป็นพระภิกษุแต่ใบสุทธิเป็นที่สงสัย ทำตนเป็นคนหากินทางขายเครื่องรางในวัด เจ้าอาวาสในวัดห้ามไม่ฟัง มีธนบัตรปลอมชนิดฉบับละ 100 บาท 7 ฉบับในตัว ห่อไว้ต่างหากแยกจากห่อธนบัตรดี ดังนี้เป็นการเพียงพอที่จะรับฟังได้ว่าจำเลยรู้ว่าเป็นธนบัตรปลอมและมีไว้เพื่อจำหน่าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1752/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำแนกความผิดฐานลักทรัพย์ตามเหตุพิเศษและโทษที่แตกต่างกัน
ในเรื่องลักทรัพย์ กฎหมายจำแนกความผิดและกำหนดโทษหนักเบาต่างกันสุดแต่ว่าจะมีเหตุพิเศษตามที่กฎหมายกำหนดไว้
เมื่อจำเลยลักทรัพย์ของนายจ้างในเวลาค่ำคืน การกระทำของจำเลยต้องด้วยมาตรา 294 ข้อ 5 ซึ่งเป็นเหตุพิเศษประกอบกับตัวทรัพย์ที่ถูกลักและประกอบด้วย มาตรา 293 ข้อ 1 อันเป็นเหตุพิเศษประกอบอาการแห่งการลักทรัพย์นั้นด้วย จำเลยจึงมีความผิดตามมาตรา 294 วรรคท้าย
เมื่อจำเลยลักทรัพย์ของนายจ้างในเวลาค่ำคืน การกระทำของจำเลยต้องด้วยมาตรา 294 ข้อ 5 ซึ่งเป็นเหตุพิเศษประกอบกับตัวทรัพย์ที่ถูกลักและประกอบด้วย มาตรา 293 ข้อ 1 อันเป็นเหตุพิเศษประกอบอาการแห่งการลักทรัพย์นั้นด้วย จำเลยจึงมีความผิดตามมาตรา 294 วรรคท้าย