พบผลลัพธ์ทั้งหมด 817 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1742/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฟ้องคดียังคงอยู่แม้คดีอาญาเดียวกันยกฟ้อง
ผู้เสียหายเป็นโจทก์ ฟ้องหาว่าจำเลยบุกรุกและทำร้ายร่างกายโจทก์ ต่อมาอัยการฟ้องโจทก์กับจำเลยหาว่าวิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันในที่สาธารณสถาน เนื่องจากกรณีเดียวกันนี้โจทก์จึงร้องขอต่อศาลให้งดการพิจารณาคดีของโจทก์ไว้รอผลคดีที่อัยการเป็นโจทก์ จนศาลพิพากษายกฟ้องคดีที่อัยการเป็นโจทก์ คดีถึงที่สุดแล้วโจทก์จึงขอให้ศาลดำเนินคดีของโจทก์ที่รอไว้ต่อไป ดังนี้คดีไม่ต้องด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4) สิทธิฟ้องร้องของโจทก์ที่ฟ้องไว้แล้ว ยังคงมีอยู่ หาได้หมดไปไม่ (อ้างฎีกาที่ 149/2483)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1739/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินโดยไม่มีอำนาจ แม้ผู้ซื้อสุจริตก็ไม่ทำให้สิทธิเจ้าของที่ดินสิ้นไป
เอาที่ดินมือเปล่าไม่มีหนังสือสำคัญของผู้อื่นไปขายโดยไม่มีอำนาจ แม้ผู้ซื้อจะรับซื้อไว้โดยสุจริต ผู้ซื้อก็จะอ้างการซื้อขายซึ่งทำต่อพนักงานเจ้าหน้าที่มาทำลายสิทธิของเจ้าของที่นั้นหาได้ไม่ กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1739/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินมือเปล่าโดยไม่มีอำนาจ แม้ผู้ซื้อสุจริต ก็ไม่อาจล้มล้างสิทธิเจ้าของที่ดินได้
เอาที่ดินมือเปล่าไม่มีหนังสือสำคัญของผู้อื่นไปขายโดยไม่มีอำนาจ แม้ผู้ซื้อจะรับซื้อไว้โดยสุจริต ผู้ซื้อก็จะอ้างการซื้อขายซึ่งทำต่อพนักงานเจ้าหน้าที่มาทำลายสิทธิของเจ้าของที่นั้นหาได้ไม่กรณีไม่ต้องด้วย ป.ม.แพ่งฯมาตรา 1299
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1641/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาโทษกักกันผู้กระทำผิดซ้ำ โดยพิจารณาจากพฤติกรรมและความถี่ในการกระทำผิด
จำเลยเคยต้องโทษมาแล้ว 2 ครั้ง ๆ แรกฐานลักทรัพย์ถูกจำคุก 1 ปี ครั้งที่ 2 ฐานรับของโจร ถูกจำคุก 8 เดือนและครั้งหลังฐานลักมะพร้าว 5 ลูก จำเลยกระทำผิดเป็นระยะ ๆ ในระหว่าง 7 ปี แม้ครั้งหลังจะเป็นทรัพย์เพียงเล็กน้อยก็ดี ย่อมแสดงให้เห็นว่า จำเลยมีสันดานเป็นผู้ร้ายตามความประสงค์ของ พ.ร.บ.กักกัน ฯลฯ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1641/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้กระทำผิดซ้ำ แสดงถึงสันดานเป็นผู้ร้ายตาม พ.ร.บ.กักกัน
จำเลยเคยต้องโทษมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกฐานลักทรัพย์ถูกจำคุก 1 ปี ครั้งที่ 2 ฐานรับของโจร ถูกจำคุก 8 เดือน และครั้งหลังฐานลักมะพร้าว 5 ลูก จำเลยกระทำผิดเป็นระยะๆ ในระหว่าง 7 ปี แม้ครั้งหลังจะเป็นทรัพย์เพียงเล็กน้อยก็ดี ย่อมแสดงให้เห็นว่า จำเลยมีสันดานเป็นผู้ร้ายตามความประสงค์ของพระราชบัญญัติกักกัน ฯลฯ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1587/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งระหว่างพิจารณาที่จำกัดสิทธิในการโต้แย้ง หากศาลไม่ได้ให้โอกาสคู่ความในการโต้แย้งอย่างเพียงพอ
คำสั่งระหว่างพิจารณาตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 226 นั้น คู่ความจะต้องโต้แย้งคำสั่งนั้นไว้เสียก่อน จึงจะอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้ในภายหลัง แต่ศาลจำจะต้องให้คู่ความมีโอกาศและมีเวลาพอสมควรที่จะโต้แย้งคำสั่งนั้นได้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ และสั่งให้งดสืบพยานจำเลยเสียด้วย แล้วนัดฟังคำพิพากษาเลยในวันนั้นเอง ดังนี้ ถือได้ว่าโจทก์ไม่มีเวลาที่จะโต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นได้ แม้โจทก์จะมิได้โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบไว้ โจทก์ก็มีสิทธิอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์สั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ต่อไปได้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ และสั่งให้งดสืบพยานจำเลยเสียด้วย แล้วนัดฟังคำพิพากษาเลยในวันนั้นเอง ดังนี้ ถือได้ว่าโจทก์ไม่มีเวลาที่จะโต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นได้ แม้โจทก์จะมิได้โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบไว้ โจทก์ก็มีสิทธิอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์สั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ต่อไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1587/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลระหว่างพิจารณาคดี: โอกาสโต้แย้งคำสั่งและสิทธิในการสืบพยาน
คำสั่งระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 นั้น คู่ความจะต้องโต้แย้งคำสั่งนั้นไว้เสียก่อนจึงจะอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้ในภายหลัง แต่ศาลจำจะต้องให้คู่ความมีโอกาสและมีเวลาพอสมควรที่โต้แย้งคำสั่งนั้นได้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ และสั่งให้งดสืบพยานจำเลยเสียด้วย แล้วนัดฟังคำพิพากษาเลยในวันนั้นเอง ดังนี้ ถือได้ว่าโจทก์ไม่มีเวลาที่จะโต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นได้ แม้โจทก์จะมิได้โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบไว้โจทก์ก็มีสิทธิอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์สั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ต่อไปได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 9-11/2494)
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ และสั่งให้งดสืบพยานจำเลยเสียด้วย แล้วนัดฟังคำพิพากษาเลยในวันนั้นเอง ดังนี้ ถือได้ว่าโจทก์ไม่มีเวลาที่จะโต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นได้ แม้โจทก์จะมิได้โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบไว้โจทก์ก็มีสิทธิอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์สั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ต่อไปได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 9-11/2494)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1446/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลดโทษผู้กระทำผิดอายุไม่เกิน 20 ปี ตาม พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม ก.ม.ลักษณะอาญา (ฉบับที่ 14) แม้ประกาศใช้หลังเกิดเหตุ
พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม ก.ม.ลักษณะอาญา (ฉะบับที่ 14) พ.ศ.2494 มาตรา 7 ที่ว่า " ผู้ใดอายุกว่าสิบเจ็ดขวบแต่ยังไม่เกินยี่สิบขวบกระทำการอันกฎหมายบัญญัติว่าเป็นความผิด ถ้าศาลเห็นสมควรจะลดมาตราส่วนโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น ลง 1 ใน 3 หรือกึ่งหนึ่งก็ได้ " แม้ พ.ร.บ.นี้จะประกาศใช้ภายหลังการกระทำผิดของจำเลยก็ดี แต่ถ้าคดียังอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาล ศาลนั้นก็มีอำนาจที่จะยก พ.ร.บ.นี้ขึ้นปรับบทให้เป็นคุณแก่จำเลยได้ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 8
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1446/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปรับบทกฎหมายอาญาใหม่ให้เป็นคุณแก่จำเลย แม้กฎหมายมีผลบังคับใช้หลังการกระทำผิด
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายลักษณะอาญา (ฉบับที่14) พ.ศ.2494 มาตรา 7 ที่ว่า "ผู้ใดอายุกว่าสิบเจ็ดขวบแต่ยังไม่เกินยี่สิบขวบกระทำการอันกฎหมายบัญญัติว่าเป็นความผิดถ้าศาลเห็นสมควรจะลดมาตราส่วนโทษที่กำหนด ไว้สำหรับความผิดนั้นลง 1 ใน 3 หรือกึ่งหนึ่งก็ได้" แม้ พระราชบัญญัตินี้จะประกาศใช้ภายหลังการกระทำผิดของจำเลยก็ดี แต่ถ้าคดียังอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาล. ศาลนั้นก็มีอำนาจที่จะยก พระราชบัญญัตินี้ขึ้นปรับบทให้เป็นคุณแก่จำเลยได้ตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 8
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1429/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องยักยอกทรัพย์ที่ขาดความชัดเจนในวันเวลาที่กระทำความผิด ทำให้ฟ้องไม่ชัดเจน
ฟ้องบรรยายว่าได้ฝากทรัพย์ไว้แก่จำเลย ต่อมาเดือน8 ปีนี้ตรงกับเดือนกรกฎาคม 2493 โจทก์ไปขอรับทรัพย์ที่ฝากคืน จำเลยไม่คืนให้โดยเจตนาทุจริตยักยอกเอาทรัพย์ไว้เพื่อประโยชน์ส่วนตนและผู้อื่น ขอให้ลงโทษ ดังนี้มิได้กล่าวว่าจำเลยยักยอกทรัพย์วันใด หรือระหว่างวันเดือนใด จึงได้ชื่อว่าเป็นฟ้องที่เคลือบคลุม