คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
กฎหมายลักษณะอาญา ม. 6 (15)

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 18 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1372/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพยายามฆ่า vs. พยายามทำร้ายร่างกาย: ปืนแก๊ปทำเอง, ระยะยิง, กระสุนไม่ถูกตัว
ได้ความแต่เพียงว่าจำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหาย แต่ไม่ได้ปืนมาเป็นของกลาง และได้ความจากพยานแต่เพียงว่าเป็นปืนแก๊ปทำเอง ลำกล้องยาวราว 1 คืบปากกระบอกขนาดนิ้วก้อยรอดได้ ปืนนั้นจะร้ายแรงพอจะทำให้ผู้ถูกยิงตายหรือไม่ ไม่ปรากฏชัด คงปรากฏแต่ว่ากระสุนไปถูกพื้นถนนเลยตัวผู้เสียหายที่วิ่งหนีไปราว 1 ศอก ดินถนนกระจายขึ้น ประกอบจำเลยยิงเมื่อผู้เสียหายไปห่างถึง 15 วาแล้วดังนี้ยังไม่พอฟังว่ามีความผิดฐานพยายามฆ่าคนตาย มีผิดเพียงฐานพยายามทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสตามมาตรา 256,60

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1063/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการใช้อาวุธปืน: การพิจารณาจากพฤติการณ์และการรับสารภาพ
การใช้อาวุธปืนยิงคนนั้นตามธรรมดาก็เห็นได้ว่าผู้ยิงมีเจตนาจะฆ่าเพราะอาวุธปืนเป็นอาวุธที่ร้ายแรงสามารถฆ่ากันได้ ยิ่งจำเลยได้รับสารภาพว่าทำผิดตามฟ้อง เมื่อได้ฟังคำประจักษ์พยานโจทก์หมดแล้วยิ่งเห็นได้ชัดว่าจำเลยยิงโดยเจตนา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 849/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ไม้ขนาดยาวขู่เข็ญเป็นศาสตราวุธในคดีปล้นทรัพย์
ไม้จริงขนาดยาว 2 ศอกโตเท่าแขน ตามธรรมดาแล้ว ย่อมสามารถจะทำให้ร่างกายแตกหักบุบสลายถึงสาหัสได้ เมื่อใช้ไม้นี้ขู่เข็ญจะทำร้ายเจ้าทรัพย์ในการชิงทรัพย์ ก็ถือได้ว่าไม้นั้นเป็นศาสตราวุธตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 6(15) และเมื่อผู้กระทำผิดร่วมกันทำตั้งแต่สามคนขึ้นไป ก็ย่อมมีผิดฐานปล้นทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1311/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาว่าไฟฉายถือเป็นอาวุธในความผิดฐานปล้นทรัพย์หรือไม่ ศาลพิจารณาจากลักษณะของวัตถุ
ไฟฉายชนิดถือเดินทางจะเป็นอาวุธหรือไม่ ย่อมแล้วแต่ลักษณะว่า จะเป็นเครื่องประหารตามความในมาตรา 6 ข้อ15แห่ง กฎหมายลักษณะอาญาหรือไม่
คนร้าย 3 คนขึ้นไปทำการชิงทรัพย์บนเรือนผู้เสียหาย ปรากฏว่าผู้ร้ายไม่มีอาวุธอย่างใดนอกจากไฟฉายสำหรับถือเดินทาง เมื่อไม่ปรากฏว่าไฟฉายนั้นใหญ่และยาวเท่าใดก็จะอนุมานเอาว่าเป็นเครื่องประหารอันสามารถจะใช้กระทำแก่ร่างกายให้แตกหักบุบสลายได้ถึงสาหัสเช่นตระบอง หาได้ไม่ไฟฉายนั้นจึงไม่ใช่ศาตราวุธ คนร้ายนั้นจึงมีความผิดเพียงฐานชิงทรัพย์ไม่ใช่ปล้นทรัพย์
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำเลยฎีกา และเพิ่งโต้แย้งในชั้นฎีกาว่า ความผิดฐานปล้นทรัพย์จะต้องประกอบด้วยการมีศาตราวุธ ศาลฎีกาย่อมวินิจฉัยให้ได้ เพราะเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนว่า จำเลยจะมีความผิดดังข้อที่โจทก์กล่าวหาหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1311/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาว่าไฟฉายถือเป็นอาวุธในความผิดฐานปล้นทรัพย์หรือไม่ ศาลพิจารณาจากลักษณะของวัตถุ
ไฟฉายชนิดถือเดินทางจะเป็นอาวุธหรือไม่ ย่อมแล้วแต่ลักษณะว่าจะเป็นเครื่องประหารตามความในมาตรา 6 ข้อ 15 แห่ง ก.ม.ลักษณะอาญาหรือไม่
คนร้าย 3 คนขึ้นไปทำการชิงทรัพย์บนเรือนผู้เสียหายปรากฎว่าผู้ร้ายไม่มีอาวุธอย่างใดนอกจากไฟฉายสำหรับถือเดินทางเมื่อไม่ปรากฎว่าไฟฉายนั้นใหญ่และยาวเท่าใด ก็จะอนุมานเอาว่าเป็นเครื่องประหารอันสามารถจะใช้กระทำแก่ร่างกายให้แตกหักบุบสลายได้ถึงสาหัสเช่นตระบอง หาได้ไม่ ไฟฉายนั้นจึงไม่ใช่สาสตราวุธ คนร้ายนั้นจึงมีความผิดเพียงฐานชิงทรัพย์ ไม่ใช่ปล้นทรัพย์
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกาและเพิ่งโต้แย้งในชั้นฎีกาว่าความผิดฐานปล้นทรัพย์จะต้องประกอบด้วยการมีสาสตราวุธ ศาลฎีกาย่อมวินิจฉัยให้ได้ เพราะเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนว่าจำเลยจะมีความผิดดั่งข้อที่โจทก์กล่าวหาหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 886/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สมคบชิงทรัพย์และทำร้ายร่างกายโดยไม่มีอาวุธ ไม่เข้าข่ายปล้นทรัพย์
จำเลย 5 คนไปเที่ยวยิงนก มีหนังสะติ๊กไป 2 อันพบเจ้าทรัพย์เดินสวนทางมา พวกจำเลยพูด ตรวจๆ เป็นทำนองว่าเป็นเจ้าพนักงานจะทำการตรวจค้น จำเลยที่ 1 เป็นคนเข้าตรวจค้น ยึดเอามีดดาบ มีดปลายแหลมและเงินค้นได้ก็ส่งทรัพย์ให้แก่จำเลยคนอื่นๆ รับมาถือไว้ เจ้าทรัพย์ขอมีดและเงินคืน จำเลยที่ 1 ใช้มีดดาบของเจ้าทรัพย์นั้นเองฟันเจ้าทรัพย์ 1 ทีเป็นบาดแผลสาหัสดังนี้ รูปคดีฟังได้ว่า จำเลยทุกคนสมคบกันทำการชิงทรัพย์ของเจ้าทรัพย์และทำร้ายเจ้าทรัพย์ถึงบาดเจ็บสาหัส แต่ไม่เป็นผิดฐานปล้น
หนังสะติ๊กซึ่งตามธรรมดาเป็นของสำหรับเด็กยิงอะไรเล่นไม่ใช่ศาสตราวุธ
จำเลยแย่งเอาดาบของเจ้าทรัพย์มาได้ และใช้ดาบนั้นฟันเจ้าทรัพย์ และเอาทรัพย์ไป ไม่นับว่าจำเลยมีศาสตราวุธตามความหมายของมาตรา 301

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 886/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สมคบชิงทรัพย์และทำร้ายร่างกายโดยไม่มีอาวุธ การเปลี่ยนแปลงข้อหาจากปล้นทรัพย์เป็นชิงทรัพย์
จำเลย 5 คนไปเที่ยวยิงนก มีหนังสะติ๊กไป 2 อัน พบเจ้าทรัพย์เดินสวนทางมา พวกจำเลยพูด ตรวจ ๆ เป็นทำนองว่าเป็นเจ้าพนักงานจะทำการตรวจค้น จำเลยที่ 1 เป็นคนเข้าตรวจค้น ยึดเอามีดดาบ มีดปลายแหลมและเงิน ค้นได้ก็ส่งทรัพย์ให้แก่จำเลยคนอื่น ๆ รับมาถือไว้ เจ้าทรัพย์ขอมีดและเงินคืน จำเลยที่ 1 ใช้มีดดาบของเจ้าทรัพย์นั้นเองฟันเจ้าทรัพย์ 1 ทีเป็นบาดแผลสาหัส ดังนี้ รูปคดีฟังได้ว่า จำเลยทุกคนสมคบกันทำการชิงทรัพย์ของเจ้าทรัพย์และทำร้ายเจ้าทรัพย์ถึงบาดเจ็บสาหัส แต่ไม่เป็นผิดฐานปล้น
หนังสะติ๊กซึ่งตามธรรมดาเป็นของสำหรับเด็กยิงอะไรเล่นไม่ใช่ศาสตราวุธ
จำเลยแย่งเอาดาบของเจ้าทรัพย์มาได้ และใช้ดาบนั้นฟันเจ้าทรัพย์ และเอาทรัพย์ไป ไม่นับว่าจำเลยมีศาสตราวุธ ตามความหมายของมาตรา 301.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 382-384/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการใช้ปืนลูกซอง: ปืนที่ไม่สามารถทำให้ถึงแก่ชีวิตไม่ได้เป็นเครื่องสังหาร
อาวุธปืนที่จะต้องถือว่าเป็นเครื่องสังหารชีวิตมนุษย์นั้นย่อมมีลักษณะว่าถ้าใช้อาวุธปืนนั้นยิงคน ตามธรรมดาจะให้บังเกิดความตายหรือความตายเป็นผลธรรมดาของการที่ถูกอาวุธนั้น จึงจะถือว่าอาวุธปืนนั้นเป็นเครื่องสังหารต่อชีวิต ซึ่งถ้าใครใช้อาวุธปืนชนิดนั้นยิงผู้ใดก็จะถือว่าผู้นั้น เจตนาฆ่า
จำเลยได้ใช้ปืนลูกซองขนาดเล็กบรรจุกระสุนลูกปลายขนาดเล็กเบอร์ 8ปากกระบอกปืนมีศูนย์กลางกว้างเพียง 1.5 ซ.ม. คำชันสูตรบาดแผลปรากฏว่า แผลเป็นจุดๆ ใกล้ชิดกัน ขนาดของแผลแต่ละแผลกว้าง 2 ม.ม. ยาว 2 ม.ม.ลึกเป็นจุดกลมขนาดเมล็ดถั่วเขียวและมีเม็ดกระสุนฝังในเนื้อ รักษา 15 วันหายดังนี้ จำเลยไม่มีผิดฐานพยายามฆ่าคน แต่มีผิดฐานทำร้ายร่างกาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 382-384/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาว่าอาวุธปืนเป็นเครื่องสังหารชีวิตหรือไม่ พิจารณาจากลักษณะการใช้งานและผลที่เกิดขึ้น
อาวุธปืนที่จะต้องถือว่าเป็นเครื่องสังหารชีวิตมนุษย์นั้นย่อมมีลักษณะว่าถ้าใช้อาวุธปืนนั้นยิงคน ตามธรรมดาจะให้บังเกิดความตาย หรือความตายเป็นผลธรรมดาของการที่ถูกอาวุธนั้น จึงจะถือว่าอาวุธปืนนั้นเป็นเครื่องสังหารต่อชีวิต ซึ่งถ้าใครใช้อาวุธปืนชะนิดนั้นยิงผู้ใด ก็จะถือว่าผู้นั้น เจตนาฆ่า
จำเลยได้ใช้ปืนลูกซองขนาดเล็กบรรจุกระสุนลูกปลายขนาดเล็กเบอร์ 8 ปากกระบอกปืนมีสูนย์กลางกว้างเพียง 1.5 ซ.ม. คำชันสูตรบาดแผลปรากฎว่า แผลเป็นจุด ๆ ใกล้ชิดกัน ขนาดของแผลแต่ละแผลกว้าง 2 ม.ม. ยาว 2 ม.ม. ลึกเป็นจุดกลมขนาดเมล็ดถั่วเขียวและมีเม็ดกระสุนฝังในเนื้อ รักษา 15 วันหาย ดังนี้ จำเลยไม่มีผิดฐานพยายามฆ่าคน แต่มีผิดฐานทำร้ายร่างกาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 301/2490

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ไม้ตะพดข่มขู่เพื่อชิงทรัพย์: ไม้ตะพดต้องมีขนาดที่สามารถทำให้ร่างกายสาหัสจึงจะเป็นศาสตราวุธ
ไม้ตะพดจะเป็นศาสตราวุธตามกฎหมายหรือไม่ ต้องแล้วแต่ขนาดซึ่งสามารถจะทำให้ร่างกายแตกหักบุบสลายถึงสาหัสได้หรือไม่ ถ้าข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่า มีขนาดอย่างไร ก็ฟังว่าเป็นศาสตราวุธไม่ได้
of 2