คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 165 (1)

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 148 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5613/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความการเรียกร้องค่าสินค้าของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมตาม ป.พ.พ.มาตรา 165
โจทก์ประกอบการผลิตสุราจำหน่ายแก่ประชาชนเป็นปกติธุระถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้ประกอบศิลป อุตสาหกรรม ตาม ป.พ.พ.มาตรา 165(1) การที่โจทก์เรียกร้องให้จำเลยชำระราคาค่าสุราที่โจทก์ผลิตขายให้จำเลยตามสัญญา เป็นการเรียกเอาค่าที่ได้ส่งมอบของให้จำเลย สิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงมีอายุความ 2 ปี ตามมาตรา 165.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2316/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความเริ่มนับเมื่อพ้นกำหนดชำระหนี้ที่ตกลงกัน อายุความไม่ขาดเมื่อฟ้องภายในกำหนด
ในการซื้อขายสินค้าระหว่างโจทก์กับจำเลย โจทก์ยอมให้จำเลยชำระราคาสินค้าภายในกำหนด 60 วัน นับแต่วันที่จำเลยได้รับสินค้าดังนั้นในช่วงระยะเวลาดังกล่าวสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระราคายังไม่อาจบังคับได้ อายุความจึงต้องเริ่มนับเมื่อพ้นกำหนด 60 วันไปแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3134/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องคดีซื้อขายหลักทรัพย์, ดอกเบี้ยทบต้น, และข้อจำกัดการยกข้อต่อสู้ใหม่ในศาลฎีกา
กรณีที่จะอยู่ในบังคับของบทบัญญัติมาตรา165(1)ซึ่งมีอายุความ2ปีต้องเป็นกรณีที่พ่อค้าผู้ประกอบหัตถกรรมผู้เป็นช่างฝีมือหรือบุคคลจำพวกประกอบศิลปอุตสาหกรรมฟ้องเรียกเอาค่าที่ได้ส่งมอบของทำของหรือค่าดูแลกิจการของผู้อื่นอันเป็นกรณีที่เจ้าหนี้ได้ส่งมอบของหรือผลงานให้ลูกหนี้แล้วเรียกร้องเอาค่าสิ่งของหรือราคาของผลงานที่ได้ส่งมอบ โจทก์จำเลยตกลงเปิดบัญชีเดินสะพัดและมอบให้โจทก์ซื้อหลักทรัพย์แทนเป็นเรื่องที่โจทก์รับเป็นตัวแทนของจำเลยโดยได้ค่าธรรมเนียมตอบแทนหาได้มีการส่งมอบสิ่งของหรือผลงานให้จำเลยแต่อย่างใดกรณีจึงไม่ต้องด้วยบทบัญญัติของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา165(1) โจทก์ฟ้องเรียกดอกเบี้ยทบต้นโดยอ้างว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามบัญชีเดินสะพัดซึ่งมีประเพณีการค้าขายให้คำนวณดอกเบี้ยทบต้นได้ตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา655วรรค2เมื่อข้อเท็จจริงรับกันว่าโจทก์จำเลยได้ตกลงเปิดบัญชีเดินสะพัดซึ่งมีข้อความว่าจำเลยยอมรับว่ามีประเพณีการค้าให้โจทก์คิดดอกเบี้ยทบต้นในกรณีนี้ได้โจทก์จึงเรียกดอกเบี้ยทบต้นได้โดยไม่ต้องนำสืบถึงประเพณีการค้าดังกล่าวอีก ฎีกาในข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3134/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องคดีซื้อขายหลักทรัพย์, ดอกเบี้ยทบต้นในบัญชีเดินสะพัด, และข้อจำกัดการยกเหตุใหม่ในศาลฎีกา
กรณีที่จะอยู่ในบังคับของบทบัญญัติมาตรา 165(1) ซึ่งมีอายุความ2 ปี ต้องเป็นกรณีที่พ่อค้าผู้ประกอบหัตถกรรม ผู้เป็นช่างฝีมือหรือบุคคลจำพวกประกอบศิลปอุตสาหกรรม ฟ้องเรียกเอาค่าที่ได้ส่งมอบของทำของ หรือค่าดูแลกิจการของผู้อื่นอันเป็นกรณีที่เจ้าหนี้ได้ส่งมอบของหรือผลงานให้ลูกหนี้แล้วเรียกร้องเอาค่าสิ่งของหรือราคาของผลงานที่ได้ส่งมอบ
โจทก์จำเลยตกลงเปิดบัญชีเดินสะพัดและมอบให้โจทก์ซื้อหลักทรัพย์แทนเป็นเรื่องที่โจทก์รับเป็นตัวแทนของจำเลยโดยได้ค่าธรรมเนียมตอบแทนหาได้มีการส่งมอบสิ่งของหรือผลงานให้จำเลยแต่อย่างใด กรณีจึงไม่ต้องด้วยบทบัญญัติของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(1)
โจทก์ฟ้องเรียกดอกเบี้ยทบต้นโดยอ้างว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามบัญชีเดินสะพัดซึ่งมีประเพณีการค้าขายให้คำนวณดอกเบี้ยทบต้นได้ ตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา655 วรรค 2 เมื่อข้อเท็จจริงรับกันว่า โจทก์ จำเลยได้ตกลงเปิดบัญชีเดินสะพัดซึ่งมีข้อความว่าจำเลยยอมรับว่ามีประเพณีการค้าให้โจทก์คิดดอกเบี้ยทบต้นในกรณีนี้ได้ โจทก์จึงเรียกดอกเบี้ยทบต้นได้ โดยไม่ต้องนำสืบถึงประเพณีการค้าดังกล่าวอีก
ฎีกาในข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3134/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องคดีซื้อขายหลักทรัพย์, ดอกเบี้ยทบต้นตามประเพณีการค้า, และข้อห้ามฎีกาเรื่องใหม่
กรณีที่จะอยู่ในบังคับของบทบัญญัติมาตรา 165 (1) ซึ่งมีอายุความ 2 ปี ต้องเป็นกรณีที่พ่อค้า ผู้ประกอบหัตถกรรม ผู้เป็นช่างฝีมือ หรือบุคคลจำพวกประกอบศิลปอุตสาหกรรม ฟ้องเรียกเอาค่าที่ได้ส่งมอบของ ทำของ หรือค่าดูแลกิจการของผู้อื่นอันเป็นกรณีที่เจ้าหนี้ได้ส่งมอบของหรือผลงานให้ลูกหนี้แล้วเรียกร้องเอาค่าสิ่งของหรือราคาของผลงานที่ได้ส่งมอบ
โจทก์จำเลยตกลงเปิดบัญชีเดินสะพัดและมอบให้โจทก์ซื้อหลักทรัพย์แทนเป็นเรื่องที่โจทก์รับเป็นตัวแทนของจำเลยโดยได้ค่าธรรมเนียมตอบแทน หาได้มีการส่งมอบสิ่งของหรือผลงานให้จำเลยแต่อย่างใด กรณีจึงไม่ต้องด้วยบทบัญญัติของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165 (1)
โจทก์ฟ้องเรียกดอกเบี้ยทบต้นโดยอ้างว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามบัญชีเดินสะพัดซึ่งมีประเพณีการค้าขายให้คำนวณดอกเบี้ยทบต้นได้ ตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 655 วรรค 2 เมื่อข้อเท็จจริงรับกันว่า โจทก์ จำเลย ได้ตกลงเปิดบัญชีเดินสะพัดซึ่งมีข้อความว่าจำเลยยอมรับว่ามีประเพณีการค้าให้โจทก์คิดดอกเบี้ยทบต้นในกรณีนี้ได้ โจทก์จึงเรียกดอกเบี้ยทบต้นได้ โดยไม่ต้องนำสืบถึงประเพณีการค้าดังกล่าวอีก
ฎีกาในข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2677/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความคดีซื้อขายปุ๋ย: ทบวงการเมืองไม่ใช่พ่อค้าหรือผู้ประกอบศิลปอุตสาหกรรม
โจทก์เป็นทบวงการเมืองได้สั่งซื้อปุ๋ยจากต่างประเทศมาขายให้จำเลยในราคาถูกกว่าท้องตลาดโดยมิได้มุ่งหากำไรแต่ปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อเพิ่มผลผลิตในการทำนาโจทก์จึงมิใช่พ่อค้าหรือบุคคลจำพวกประกอบศิลปอุตสาหกรรมและประกอบการค้าเพื่อหากำไรตามปกติเมื่อโจทก์ฟ้องเรียกค่าซื้อปุ๋ยจากจำเลยกรณีจึงไม่มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้โดยเฉพาะจึงไม่อยู่ในบังคับอายุความตามป.พ.พ.มาตรา165(1)และวรรคท้ายแต่อยู่ในบังคับของมาตรา164.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3869/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความหนี้ซื้อขายเงินเชื่อ: การซื้อขายโดยไม่มีใบสั่งซื้อที่ถูกต้อง และการชำระหนี้ตามงบประมาณ
โจทก์เป็นพ่อค้าเรียกค่าส่งมอบสินค้าประเภทเครื่องเขียนและแบบพิมพ์ จากจำเลย ซึ่งได้รับมอบสินค้าจากโจทก์ในระหว่างเดือนตุลาคม 2519 ถึงเดือนมีนาคม 2520 โดยไม่มีใบสั่งซื้อที่ถูกต้องตามระเบียบของทางราชการ คงมีแต่ใบยืมของชั่วคราวอันเป็นการสมัครใจของโจทก์เองโดยไม่คำนึงถึง ระเบียบของทางราชการจำเลยมีหนังสือลงวันที่ 20 สิงหาคม 2520แจ้งให้ โจทก์และผู้อื่นแจ้งหนี้ที่มีอยู่แก่จำเลยภายในวันที่ 25 สิงหาคม 2520 หากพ้นกำหนดแล้วจำเลยจะไม่รับผิดชอบและถือว่าเป็นหนี้สินส่วนตัว ซึ่งหมายความว่าถ้ามีการสั่งซื้อโดยถูกต้องก็จะดำเนินการให้ภายใน สิ้นเดือนกันยายน 2520 ซึ่งเป็นปีงบประมาณมิใช่เป็นการตกลงที่จะ ชำระให้ เมื่อมีงบประมาณโดยไม่มีกำหนดเวลาและการที่จำเลยมีหนังสือลงวันที่ 19กันยายน2521แจ้งให้โจทก์ทราบว่ากำลังตรวจสอบหนี้สินรายพิพาทอยู่ หากมีหลักฐานเชื่อถือได้ก็จะพิจารณาดำเนินการต่อไปตามความเหมาะสมนั้น แปลไม่ได้ว่า เป็นการขอผัดผ่อนหรือเป็นการรับสภาพหนี้โจทก์นำคดีมาฟ้อง เมื่อวันที่11สิงหาคม 2523 จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3869/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความหนี้ซื้อขายเงินเชื่อภาครัฐ: การซื้อขายโดยไม่มีใบสั่งซื้อที่ถูกต้องตามระเบียบ และการชำระหนี้เมื่อมีงบประมาณ
โจทก์เป็นพ่อค้าเรียกค่าส่งมอบสินค้าประเภทเครื่องเขียนและแบบพิมพ์จากจำเลย ซึ่งได้รับมอบสินค้าจากโจทก์ในระหว่างเดือนตุลาคม 2519 ถึงเดือนมีนาคม 2520 โดยไม่มีใบสั่งซื้อที่ถูกต้องตามระเบียบของทางราชการคงมีแต่ใบยืมของชั่วคราว อันเป็นการสมัครใจของโจทก์เองโดยไม่คำนึงถึงระเบียบของทางราชการ จำเลยมีหนังสือลงวันที่ 20 สิงหาคม 2520 แจ้งให้โจทก์และผู้อื่นแจ้งหนี้ที่มีอยู่แก่จำเลยภายในวันที่ 25 สิงหาคม 2520 หาพ้นกำหนดแล้วจำเลยจะไม่รับผิดชอบและถือว่าเป็นหนี้สินส่วนตัว ซึ่งหมายความว่า ถ้ามีการสั่งซื้อโดยถูกต้องก็จะดำเนินการให้ภายในสิ้นเดือนกันยายน 2520 ซึ่งเป็นปีงบประมาณมิใช่เป็นการตกลงที่จะชำระให้เมื่อมีงบประมาณโดยไม่มีกำหนดเวลา และการที่จำเลยมีหนังสือลงวันที่ 19 กันยายน 2521 แจ้งให้โจทก์ทราบว่ากำลังตรวจสอบหนี้สินรายพิพาทอยู่ หากมีหลักฐานเชื่อถือได้ก็จะพิจารณาดำเนินการต่อไปตามความเหมาะสมนั้น แปลไม่ได้ว่าเป็นการขอผัดผ่อนหรือเป็นการรับสภาพหนี้โจทก์นำคดีมาฟ้องเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2523 จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165 (1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2856/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐานฝ่าฝืนกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง, สัญญาตัวแทน, ค่าเสียหายจากการไม่ส่งมอบหุ้น, และอายุความ
แม้โจทก์จะอ้างพยานหลักฐานฝ่าฝืนต่อ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90 วรรคแรก แต่จำเลยก็ไม่เสียเปรียบในเชิงคดีทั้ง มาตรา 87(2) ให้ศาล มีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานที่ฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของมาตรา 90 ได้ ในกรณีที่ศาลเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจำเป็นจะต้องสืบพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี ฉะนั้นศาลจึงมีอำนาจใช้ดุลพินิจรับฟังพยานหลักฐานที่ฝ่าฝืนต่อกฎหมายดังกล่าวได้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 798 เป็นบทบังคับเพื่อความสมบูรณ์ของสัญญาที่ตัวแทนทำต่อบุคคลภายนอกเท่านั้นมิได้ใช้บังคับสำหรับข้อพิพาทระหว่างตัวการกับตัวแทนมูลหนี้ตามสัญญาตัวแทนจึงไม่ตกอยู่ในบังคับของบทกฎหมายดังกล่าวเมื่อโจทก์เป็นตัวแทนจำเลยในการขายหุ้นจำเลยซึ่งเป็นตัวการจะต้องรับผิดต่อโจทก์ในการจัดทำกิจการที่จำเลยมอบหมาย แม้การตั้งตัวแทนระหว่างจำเลยกับโจทก์จะไม่ได้ทำเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือก็ตาม ข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยถูกกำหนดขึ้นเพื่อให้สมาชิกถือปฏิบัติ หากสมาชิกใดฝ่าฝืนก็อาจถูกลงโทษตามข้อบังคับดังกล่าวแต่ไม่ทำให้ความผูกพันระหว่างจำเลยกับโจทก์ในฐานะตัวการกับตัวแทนเสียไป จำเลยมีหน้าที่ต้องส่งมอบหุ้นที่จำเลยสั่งขายให้แก่โจทก์เพื่อส่งมอบแก่ผู้ซื้อภายใน 4 วัน แต่จำเลยไม่ส่งมอบให้ โจทก์จึงต้องเอาหุ้นที่โจทก์มีอยู่ในครอบครองส่งมอบให้แก่ผู้ซื้อแล้วซื้อหุ้นใหม่มาทดแทนพฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าโจทก์ซึ่งเป็นตัวแทนต้องเสียหายเนื่องจากการขายหุ้นตามคำสั่งของจำเลยซึ่งเป็นตัวการ โจทก์จึงเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้ และความเสียหายของโจทก์เกิดขึ้นเมื่อชำระหนี้แทนจำเลย จึงต้องคิดค่าเสียหายตามราคาหุ้นในวันที่โจทก์มอบหุ้นให้แก่ผู้ซื้อ จะถือตามราคาหุ้นในวันที่โจทก์ซื้อหุ้นใหม่มาทดแทนหาได้ไม่ โจทก์มิใช่เป็นพ่อค้าตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(1) หรือ (7) แต่โจทก์เป็นตัวแทนเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยซึ่งเป็นตัวการตามมาตรา 816 วรรคท้าย ซึ่งกฎหมายมิได้กำหนดระยะเวลาให้ใช้บังคับสิทธิเรียกร้องไว้เป็นอย่างอื่นจึงมีอายุความ10 ปี ตามมาตรา 164 แม้ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีเป็นเหตุให้จำเลยไม่ได้ถามค้าน ส. พยานโจทก์ แต่จำเลยก็ได้อ้างและนำส. เข้าเบิกความเป็นพยานจำเลย ทั้งเอกสารที่จำเลยประสงค์จะถามค้านก็มิใช่เอกสารสำคัญในการวินิจฉัยคดี จึงไม่จำเป็นต้องให้โอกาสจำเลยถามค้าน ส. อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2856/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทตัวการตัวแทน, อายุความ, การรับฟังพยานหลักฐาน, ความเสียหายจากการไม่ส่งมอบหุ้น
แม้โจทก์จะอ้างพยานหลักฐานฝ่าฝืนต่อ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90 วรรคแรก แต่จำเลยก็ไม่เสียเปรียบในเชิงคดีทั้ง มาตรา 87 (2) ให้ศาล มีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานที่ฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของมาตรา 90 ได้ ในกรณีที่ศาลเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจำเป็นจะต้องสืบพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี ฉะนั้นศาลจึงมีอำนาจใช้ดุลพินิจรับฟังพยานหลักฐานที่ฝ่าฝืนต่อกฎหมายดังกล่าวได้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 798 เป็นบทบังคับเพื่อความสมบูรณ์ของสัญญาที่ตัวแทนทำต่อบุคคลภายนอกเท่านั้น มิได้ใช้บังคับสำหรับข้อพิพาทระหว่างตัวการกับตัวแทน มูลหนี้ตามสัญญาตัวแทนจึงไม่ตกอยู่ในบังคับของบทกฎหมายดังกล่าวเมื่อโจทก์เป็นตัวแทนจำเลยในการขายหุ้นจำเลยซึ่งเป็นตัวการจะต้องรับผิดต่อโจทก์ในการจัดทำกิจการที่จำเลยมอบหมายแม้การตั้งตัวแทนระหว่างจำเลยกับโจทก์จะไม่ได้ทำเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือก็ตาม
ข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยถูกกำหนดขึ้นเพื่อให้สมาชิกถือปฏิบัติ หากสมาชิกใดฝ่าฝืนก็อาจถูกลงโทษตามข้อบังคับดังกล่าวแต่ไม่ทำให้ความผูกพันระหว่างจำเลยกับโจทก์ในฐานะตัวการกับตัวแทนเสียไป
จำเลยมีหน้าที่ต้องส่งมอบหุ้นที่จำเลยสั่งขายให้แก่โจทก์เพื่อส่งมอบแก่ผู้ซื้อภายใน 4 วัน แต่จำเลยไม่ส่งมอบให้ โจทก์จึงต้องเอาหุ้นที่โจทก์มีอยู่ในครอบครองส่งมอบให้แก่ผู้ซื้อแล้วซื้อหุ้นใหม่มาทดแทนพฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าโจทก์ซึ่งเป็นตัวแทนต้องเสียหายเนื่องจากการขายหุ้นตามคำสั่งของจำเลยซึ่งเป็นตัวการ โจทก์จึงเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้ และความเสียหายของโจทก์เกิดขึ้นเมื่อชำระหนี้แทนจำเลย จึงต้องคิดค่าเสียหายตามราคาหุ้นในวันที่โจทก์มอบหุ้นให้แก่ผู้ซื้อ จะถือตามราคาหุ้นในวันที่โจทก์ซื้อหุ้นใหม่มาทดแทนหาได้ไม่
โจทก์มิใช่เป็นพ่อค้าตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165 (1) หรือ (7) แต่โจทก์เป็นตัวแทนเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยซึ่งเป็นตัวการตามมาตรา 816 วรรคท้าย ซึ่งกฎหมายมิได้กำหนดระยะเวลาให้ใช้บังคับสิทธิเรียกร้องไว้เป็นอย่างอื่นจึงมีอายุความ10 ปี ตามมาตรา 164
แม้ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีเป็นเหตุให้จำเลยไม่ได้ถามค้าน ส. พยานโจทก์ แต่จำเลยก็ได้อ้างและนำส. เข้าเบิกความเป็นพยานจำเลย ทั้งเอกสารที่จำเลยประสงค์จะถามค้านก็มิใช่เอกสารสำคัญในการวินิจฉัยคดี จึงไม่จำเป็นต้องให้โอกาสจำเลยถามค้าน ส. อีก
of 15