พบผลลัพธ์ทั้งหมด 262 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 229/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานปล้นทรัพย์และฆ่าโดยเจตนา ปืนของกลางต้องพิสูจน์เลขทะเบียนก่อนริบ
จำเลยกับพวกร่วมกันมีปืนพกเป็นอาวุธเข้าปล้นทรัพย์ของผู้เสียหาย และเพื่อความสะดวกในการปล้นได้ใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงผู้เสียหายกับพวกถึงแก่ความตายโดยเจตนาฆ่าดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289,340 วรรคท้าย ต้องลงโทษตามมาตรา 289 อันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด และเมื่อเป็นความผิดตามมาตรา 289 แล้ว ก็ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 288 อีกบทหนึ่ง
อาวุธปืนของผู้ตายที่ถูกจำเลยกับพวกปล้นเอาไปและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มาเป็นของกลางนั้น เมื่อข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ความชัดว่าเป็นอาวุธปืนที่ไม่มีหมายเลขทะเบียนของเจ้าพนักงาน เนื่องจากเลขทะเบียนลบเลือนเช่นนี้ไม่ชอบที่ศาลจะสั่งริบ
อาวุธปืนของผู้ตายที่ถูกจำเลยกับพวกปล้นเอาไปและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มาเป็นของกลางนั้น เมื่อข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ความชัดว่าเป็นอาวุธปืนที่ไม่มีหมายเลขทะเบียนของเจ้าพนักงาน เนื่องจากเลขทะเบียนลบเลือนเช่นนี้ไม่ชอบที่ศาลจะสั่งริบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 187/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบยาของกลาง: ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการกระทำผิดฐานขายยาไม่ตรงตามใบอนุญาตและการไม่ปิดป้ายแสดงราคา ไม่เข้าข่ายเหตุริบตามกฎหมาย
มาตรา 126 แห่งพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 บัญญัติว่าเมื่อมีการลงโทษตามมาตรา 101,111,117,118,119,120,121 หรือ 122 ให้ริบยาเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิตยารวมทั้งภาชนะหรือหีบห่อบรรจุยาที่เกี่ยวเนื่องกับความผิดในคดีให้แก่กระทรวงสาธารณสุขเพื่อทำลายเสียหรือจัดการตามที่เห็นสมควรนั้นเมื่อศาลพิพากษาว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามมาตรา 102 จะนำบทบัญญัติในมาตรา 126 มาใช้บังคับในการริบยาของกลางไม่ได้
จำเลยเป็นผู้ขายยาและเวชภัณฑ์ต่าง ๆ อันเป็นโภคภัณฑ์โดยไม่ปิดป้ายแสดงราคาเป็นความผิดตามมาตรา 9 พระราชบัญญัติควบคุมโภคภัณฑ์ พ.ศ. 2495 นั้น ความผิดของจำเลยอยู่ที่การงดเว้นไม่ปิดป้ายหรือแสดงราคา ยาอันเป็นโภคภัณฑ์ของกลางจึงไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด ทั้งไม่ใช่ของที่จำเลยใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำผิด (ไม่ริบ)
จำเลยเป็นผู้ขายยาและเวชภัณฑ์ต่าง ๆ อันเป็นโภคภัณฑ์โดยไม่ปิดป้ายแสดงราคาเป็นความผิดตามมาตรา 9 พระราชบัญญัติควบคุมโภคภัณฑ์ พ.ศ. 2495 นั้น ความผิดของจำเลยอยู่ที่การงดเว้นไม่ปิดป้ายหรือแสดงราคา ยาอันเป็นโภคภัณฑ์ของกลางจึงไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด ทั้งไม่ใช่ของที่จำเลยใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำผิด (ไม่ริบ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 19/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแย่งปืนและการป้องกันตัว: ปืนเป็นของผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยไม่เข้าข่ายเจตนาฆ่า
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีปืนซึ่งไม่มีเครื่องหมายเลขทะเบียน1 กระบอก กับกระสุน 1 นัดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและจำเลยใช้ปืนนั้นยิงผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่า ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80 กับ พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ และริบปืนกับปลอกกระสุนปืนของกลาง แต่ข้อเท็จจริงในการพิจารณากลับปรากฏว่าปืนและกระสุนปืนเป็นของผู้เสียหายผู้เสียหายควักออกมาจะยิงจำเลย จำเลยเข้าแย่งกระสุนปืนลั่นขึ้นในขณะที่กอดปล้ำแย่งปืนกัน ถูกผู้เสียหายบาดเจ็บ จำเลยจึงไม่มีความผิด แต่ปืนและกระสุนปืนของกลางยังคงต้องริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 19/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแย่งปืนและการป้องกันตัว: จำเลยไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่า เนื่องจากปืนเป็นของผู้เสียหายและปืนลั่นขณะแย่งกัน
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีปืนซึ่งไม่มีเครื่องหมายเลขทะเบียน1 กระบอก กับกระสุน 1 นัดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับ อนุญาตและจำเลยใช้ปืนนั้นยิงผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่า ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 กับ พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ และริบปืนกับปลอกกระสุนปืนของกลาง แต่ข้อเท็จจริงในการพิจารณากลับปรากฏว่าปืนและกระสุนปืนเป็นของผู้เสียหายผู้เสียหายควักออกมาจะยิงจำเลย จำเลยเข้าแย่งกระสุนปืนลั่นขึ้นในขณะที่กอดปล้ำแย่งปืนกัน ถูกผู้เสียหายบาดเจ็บ จำเลยจึงไม่มีความผิด แต่ปืนและกระสุนปืนของกลางยังคงต้องริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2808/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบของกลางต้องมีคำขอในฟ้อง หากไม่มีศาลสั่งริบไม่ได้ แม้จำเลยรับสารภาพ
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้ปืนยิงพยายามฆ่าผู้เสียหายเจ้าพนักงานจับจำเลยได้ และได้ปืนลูกกระสุนปืน และปลอกกระสุนปืนที่จำเลยใช้ในการกระทำผิดเป็นของกลางขอให้ลงโทษ โดยมิได้ขอให้ริบของกลางด้วยเมื่อศาลพิพากษาลงโทษจำเลย แม้จำเลยจะได้เบิกความรับว่าปืนของกลางเป็นปืนที่ไม่มีเครื่องหมายทะเบียนและจำเลยมีไว้โดยไม่ได้รับอนุญาตศาลก็สั่งริบของกลางไม่ได้ เพราะตามคำฟ้องไม่มีคำขอให้ริบของกลาง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1140/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสั่งริบของกลางเกินคำขอ และสิทธิในการได้รับคืนทรัพย์สินของผู้ไม่กระทำผิด
ศาลชั้นต้นสั่งให้ริบไขควงของกลางซึ่งโจทก์มิได้ขอให้ริบอันเป็นการเกินคำขอ ฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 เมื่อจำเลยไม่ได้กระทำผิด ก็ชอบที่จะสั่งคืนเหล็กไขควงซึ่งมิใช่เป็นทรัพย์อันมีไว้เป็นความผิดแก่จำเลยผู้เป็นเจ้าของ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 52/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำผิด แม้ผู้กระทำผิดได้รับการยกฟ้อง
บทบัญญัติในเรื่องริบทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นกรณีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32 หรือ มาตรา 33 นั้น มุ่งถึงตัวทรัพย์เป็นสำคัญ จะต่างกันก็แต่ว่า ตามมาตรา 32 ศาลจะต้องริบเสียทั้งสิ้น ส่วนมาตรา 33 ให้อยู่ในดุลพินิจของศาล เว้นแต่จะเข้าข้อยกเว้นตามมาตรา 33วรรคท้ายเท่านั้น ที่จะสั่งริบไม่ได้
ดังนั้น ในคดีที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกมีปืนและสายไฟฟ้าติดตัวร่วมกันปล้นทรัพย์ โดยใช้สายไฟฟ้ารัดคอเจ้าทรัพย์ แม้ศาลจะวินิจฉัยว่า จำเลยมิได้กระทำผิดก็ดี แต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าสายไฟฟ้าของกลางเป็นทรัพย์สินซึ่งใช้ในการกระทำผิดแล้วก็ย่อมริบได้ เพราะอยู่ในดุลพินิจของศาล ตามมาตรา 33(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2516)
ดังนั้น ในคดีที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกมีปืนและสายไฟฟ้าติดตัวร่วมกันปล้นทรัพย์ โดยใช้สายไฟฟ้ารัดคอเจ้าทรัพย์ แม้ศาลจะวินิจฉัยว่า จำเลยมิได้กระทำผิดก็ดี แต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าสายไฟฟ้าของกลางเป็นทรัพย์สินซึ่งใช้ในการกระทำผิดแล้วก็ย่อมริบได้ เพราะอยู่ในดุลพินิจของศาล ตามมาตรา 33(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2516)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 52/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำผิด แม้จำเลยพ้นผิด ศาลยังคงมีอำนาจริบได้ตามดุลพินิจ
บทบัญญัติในเรื่องริบทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นกรณีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32 หรือ มาตรา 33 นั้น มุ่งถึงตัวทรัพย์เป็นสำคัญ จะต่างกันก็แต่ว่า ตามมาตรา 32 ศาลจะต้องริบเสียทั้งสิ้น ส่วนมาตรา 33 ให้อยู่ในดุลพินิจของศาล เว้นแต่จะเข้าข้อยกเว้นตามมาตรา 33วรรคท้ายเท่านั้น ที่จะสั่งริบไม่ได้
ดังนั้น ในคดีที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกมีปืนและสายไฟฟ้าติดตัวร่วมกันปล้นทรัพย์ โดยใช้สายไฟฟ้ารัดคอเจ้าทรัพย์ แม้ศาลจะวินิจฉัยว่า จำเลยมิได้กระทำผิดก็ดี แต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าสายไฟฟ้าของกลางเป็นทรัพย์สินซึ่งใช้ในการกระทำผิดแล้วก็ย่อมริบได้ เพราะอยู่ในดุลพินิจของศาล ตามมาตรา 33(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2516 )
ดังนั้น ในคดีที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกมีปืนและสายไฟฟ้าติดตัวร่วมกันปล้นทรัพย์ โดยใช้สายไฟฟ้ารัดคอเจ้าทรัพย์ แม้ศาลจะวินิจฉัยว่า จำเลยมิได้กระทำผิดก็ดี แต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าสายไฟฟ้าของกลางเป็นทรัพย์สินซึ่งใช้ในการกระทำผิดแล้วก็ย่อมริบได้ เพราะอยู่ในดุลพินิจของศาล ตามมาตรา 33(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2516 )
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 555/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การค้าข้าวเกินปริมาณที่แจ้ง และการริบข้าวของกลางที่เกี่ยวเนื่องกับความผิด
จำเลยมีความผิดฐานมีข้าวสารและข้าวเหนียวรวมกันเกินกว่า1,000 กิโลกรัม ไม่แจ้งปริมาณและสถานที่เก็บต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามประกาศ ข้าวที่มีไว้ทั้งหมดจึงเป็น ข้าวที่เกี่ยวเนื่องกับความผิดที่จำเลยได้กระทำ ต้องถูกริบตามมาตรา 21 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติการค้าข้าว แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2489 มาตรา 12
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 555/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การค้าข้าวเกินปริมาณที่แจ้งและบทบัญญัติการริบทรัพย์ในความผิดเกี่ยวกับการค้าข้าว
จำเลยมีความผิดฐานมีข้าวสารและข้าวเหนียวรวมกันเกินกว่า1,000 กิโลกรัม ไม่แจ้งปริมาณและสถานที่เก็บต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามประกาศ ข้าวที่มีไว้ทั้งหมดจึงเป็นข้าวที่เกี่ยวเนื่องกับความผิดที่จำเลยได้กระทำ ต้องถูกริบตามมาตรา 21 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติการค้าข้าว แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2489 มาตรา 12