คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 144

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 533 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3537/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: ประเด็นกรรมสิทธิ์บ้านพิพาทที่ศาลเคยตัดสินแล้ว แม้ฟ้องก่อนมีคำพิพากษา
ก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 และที่ 2 ในคดีนี้โจทก์ได้ถูกจำเลยที่ 1 และที่ 2 ฟ้องขอให้ขับไล่ออกไปจากที่ดินและบ้านพิพาทรายเดียวกันนี้ โจทก์ซึ่งเป็นจำเลยที่ 1ในคดีดังกล่าวให้การต่อสู้คดี โดยอ้างเหตุอย่างเดียวกับข้ออ้างตามคำบรรยายฟ้องในครั้งนี้ ดังนั้น ฟ้องโจทก์ในคดีนี้กับคดีก่อนมีประเด็นข้อพิพาทซึ่งศาลจะต้องวินิจฉัยเป็นประเด็นเดียวกัน ฟ้องของโจทก์ในคดีนี้จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144 แม้ว่าโจทก์จะฟ้องคดีนี้ไว้ก่อนที่ศาลในคดีก่อนจะได้วินิจฉัยชี้ขาดคดีก็ตาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3537/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำต้องห้าม: ประเด็นข้อพิพาทซ้ำกับคดีเดิม แม้ฟ้องก่อนมีคำพิพากษา
ก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 และที่ 2 ในคดีนี้ โจทก์ได้ถูกจำเลยที่ 1และที่ 2 ฟ้องขอให้ขับไล่ออกไปจากที่ดินและบ้านพิพาทรายเดียวกันนี้ โจทก์ซึ่งเป็นจำเลยที่ 1 ในคดีดังกล่าวให้การต่อสู้คดี โดยอ้างเหตุอย่างเดียวกับข้ออ้างตามคำบรรยายฟ้องในครั้งนี้ ดังนั้น ฟ้องโจทก์ในคดีนี้กับคดีก่อนมีประเด็นข้อพิพาทซึ่งศาลจะต้องวินิจฉัยเป็นประเด็นเดียวกัน ฟ้องของโจทก์ในคดีนี้จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 144 แม้ว่า โจทก์จะฟ้องคดีนี้ไว้ก่อนที่ศาลในคดีก่อนจะได้วินิจฉัยชี้ขาดคดีก็ตาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3537/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำต้องห้าม: ประเด็นกรรมสิทธิ์บ้านพิพาทที่เคยมีคำพิพากษาแล้ว
ก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นคดีนี้โจทก์ได้ถูกจำเลยที่ 1 และที่ 2 ฟ้องขับไล่ออกไปจากที่ดินและบ้านพิพาทรายเดียวกันนี้โดยอ้างเหตุว่า โจทก์อาศัยอยู่ในบ้านพิพาท จำเลยทั้งสองบอกกล่าวให้ออกไปแล้ว โจทก์ไม่ยอมออก โจทก์ให้การต่อสู้คดีโดยอ้างเหตุอย่างเดียวกับข้ออ้างตามคำบรรยายฟ้องของตนในคดีนี้ว่า จำเลยที่ 3ในคดีนี้ซื้อเฉพาะที่ดินพิพาทจากโจทก์ แต่โจทก์ทำนิติกรรมโอนกรรมสิทธิ์บ้านพิพาทไปด้วย เพื่อให้จำเลยที่ 3 นำที่ดินและบ้านพิพาทไปจำนองกับธนาคาร จำเลยที่ 1 และที่ 2รับซื้อฝากที่ดินและบ้านพิพาทโดยรู้อยู่แล้วว่าบ้านพิพาทเป็นของโจทก์บ้านพิพาทยังเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ขณะที่คดีดังกล่าวอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นคดีนี้ ต่อมาคดีที่จำเลยที่ 1และที่ 2 ฟ้องขับไล่โจทก์ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า บ้านพิพาทเป็นของจำเลยที่ 1 และที่ 2 แล้วพิพากษาให้ขับไล่โจทก์ออกจากที่ดินและบ้านพิพาท คดีทั้งสองมีประเด็นเดียวกันว่าบ้านพิพาทเป็นของโจทก์หรือไม่ ฟ้องของโจทก์ในคดีนี้จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144 แม้ว่าโจทก์จะฟ้องคดีนี้ไว้ก่อนที่ศาลในคดีก่อนจะได้วินิจฉัยชี้ขาดคดีก็ตาม แต่เมื่อศาลชั้นต้นได้พิพากษาชี้ขาดคดีแล้ว กรณีก็ต้องตกอยู่ภายใต้บังคับของมาตรา 144 เช่นกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1043/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำในคดีพินัยกรรม: คู่ความต่างกัน ฟ้องไม่ซ้ำ แม้ประเด็นข้อพิพาทเดียวกัน
คดีก่อน ก.เป็นผู้ร้องขอจัดการมรดกของ จ. จำเลยในคดีนี้เป็นผู้คัดค้าน ส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยขอให้เพิกถอนพินัยกรรมที่ จ.ทำขึ้นว่าเป็นพินัยกรรมปลอม แม้ทั้งสองคดีมีประเด็นอย่างเดียวกันว่าพินัยกรรมฉบับพิพาทเป็นพินัยกรรมปลอมหรือไม่ แต่โจทก์ในคดีนี้เป็นคนละคนกับผู้ร้องในคดีก่อน โจทก์จึงไม่ใช่คู่ความในคดีก่อน ฟ้องโจทก์คดีนี้ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
(ข้อสังเกต ฎีกานี้วินิจฉัยแนวเดียวกันกับฎีกาที่ 3146/2533)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 99/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคดีใหม่, การขาดนัดพิจารณา, และข้อพิพาทเรื่องการซื้อขายฝากไม้ชิงชัน
ปัญหาว่าคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ของจำเลยต้องห้ามตามกฎหมายหรือไม่ เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้โจทก์เพิ่งยกขึ้นกล่าวอ้างในชั้นฎีกา ศาลฎีกาก็เห็นสมควรวินิจฉัยให้ การยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205(3) เป็นกรณีที่ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีฝ่ายเดียว การที่จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาคดีแล้ว คำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ของจำเลยจึงไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205(3) จำเลยเคยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ครั้งหนึ่งแล้วศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง เพราะคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ไม่มีข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคสอง เมื่อจำเลยยื่นคำร้องใหม่โดยทำให้ถูกต้องภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้ส่งคำบังคับให้จำเลย ศาลชั้นต้นชอบที่จะรับไว้พิจารณา เดิมจำเลยมี ส. เป็นทนายความ ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 2 กรกฎาคม 2530 เวลา 9.00 น. แต่ตามวันเวลาดังกล่าวส.มีกิจธุระซึ่งส. เพิ่งทราบในคืนวันที่ 1 กรกฎาคม 2530ส. จึงแจ้งให้ ก. ทนายความสำนักงานเดียวกันทราบเมื่อวันที่2 กรกฎาคม 2530 เวลา 7.30 น. ขอให้ ก. ว่าความแทนและได้แจ้งให้จำเลยทราบ จำเลยแต่งตั้ง ก. เป็นทนายความ แต่ในวันนัดสืบพยานโจทก์ ก. ต้องว่าความในคดีอื่นซึ่งนัดไว้ก่อนแล้ว ก.จึงให้จำเลยไปรอที่บริเวณประชาสัมพันธ์ของศาลชั้นต้น ส่วน ก.ไปว่าความคดีอื่นก่อน จำเลยไม่ทราบว่าประชาสัมพันธ์ของศาลได้ประกาศเรียกคู่ความแล้ว จึงไม่ได้แถลงให้ศาลทราบ เมื่อ ก.ว่าความคดีอื่นเสร็จแล้วได้ไปที่ห้องพิจารณา ปรากฏว่าศาลชั้นต้นพิจารณาคดีเสร็จแล้ว ดังนี้ จำเลยและทนายได้ไปศาลก่อนศาลชั้นต้นออกนั่งพิจารณา แต่เหตุที่ไม่เข้าไปในห้องพิจารณาคดีเพราะจำเลยไม่ทราบว่าได้มีการประกาศเรียกคู่ความแล้ว ส่วนทนายจำเลยก็ต้องว่าความคดีอื่นก่อน จำเลยจึงไม่จงใจขาดนัดพิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4146/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายต้องยื่นภายในกำหนดตามกฎหมาย แม้มีการดำเนินคดีล้มละลายซ้อน
ได้มีการประกาศโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยที่ 1 เด็ดขาดในราชกิจจานุเบกษาในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2532 ซึ่งถือว่าทุกคนไม่ว่าจะเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาหรือบุคคลภายนอกรวมทั้งผู้ร้องในคดีนี้ทราบว่าจำเลยที่ 1 ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดตั้งแต่วันดังกล่าวแล้วแม้ผู้ร้องจะฟ้องจำเลยที่ 1 เป็นคดีล้มละลายอีกคดีหนึ่งก่อนวันนั้นจนศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดจำเลยที่ 1 อีกก็ตาม ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นที่ผู้ร้องจะไม่ต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนดสองเดือนนับแต่วันที่ 7กุมภาพันธ์ 2532 ทั้งไม่อาจถือเป็นพฤติการณ์พิเศษหรือเหตุสุดวิสัยที่จะขยายระยะเวลาโดยอาศัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 23 ได้ และหากผู้ร้องจะยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในคดีนี้ในระหว่างที่ผู้ร้องดำเนินคดีล้มละลายกับจำเลยที่ 1 อีกคดีหนึ่งอยู่ ก็ไม่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้อน เพราะการขอรับชำระหนี้เป็นคนละเรื่องกับการดำเนินคดีล้มละลาย ผู้ร้องยื่นคำขอรับชำระหนี้และขอขยายกำหนดเวลายื่นคำขอรับชำระหนี้ในวันที่ 1 มิถุนายน 2532 ซึ่งพ้นกำหนดสองเดือนนับแต่วันประกาศโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้วเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ชอบที่จะสั่งยกคำขอรับชำระหนี้ และคำร้องขอขยายกำหนดเวลายื่นคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4092/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของกองมรดกจากสัญญาค้ำประกันและมอบสิทธิในเงินฝากเพื่อประกันหนี้
โจทก์ได้บรรยายฟ้องถึงอัตราดอกเบี้ยที่จำเลยต้องชำระและกำหนดเวลาชำระกับหากผิดนัดให้ชำระกันอย่างไรไว้ให้สามารถเข้าใจได้ ส่วนดอกเบี้ยคิดตั้งแต่เมื่อใด เกินกฎหมายหรือไม่ เป็นรายละเอียดที่จะต้องนำสืบในชั้นพิจารณา ฟ้องของโจทก์ในส่วนนี้จึงไม่เคลือบคลุม คดีแพ่งของศาลชั้นต้นที่จำเลยที่ 2 คดีนี้เป็นโจทก์ฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นจำเลยขอเพิกถอนสัญญาค้ำประกันที่ภริยาจำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์ คดีดังกล่าวจำเลยที่ 2 ฟ้องในฐานะส่วนตัว แต่คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้จัดการมรดกของภริยาจำเลยที่ 2 มิได้ฟ้องให้จำเลยที่ 2 รับผิดเป็นการส่วนตัวโจทก์ในคดีแพ่งดังกล่าวกับจำเลยที่ 2 ในคดีนี้มิได้อยู่ในฐานะเดียวกัน ถือว่าจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้จัดการมรดกของภริยา มิใช่คู่ความในคดีแพ่งของศาลชั้นต้นดังกล่าว ฟ้องของโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำและไม่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ บันทึกการจำนำเงินฝากประจำ ระบุว่าภริยาจำเลยที่ 2 จำนำเงินฝากประจำของตนไว้แก่โจทก์เพื่อประกันหนี้ของตนและ/หรือจำเลยที่ 1 ไม่ใช่เป็นการจำนำเงินฝากเพราะเงินที่ภริยาจำเลยที่ 2ฝากประจำไว้ดังกล่าวตกแก่ผู้รับฝากไปแล้ว การที่ภริยาจำเลยที่ 2 นำสมุดคู่ฝากเงินฝากประจำดังกล่าวมอบให้ไว้แก่โจทก์จึงมิใช่การจำนำเงินฝาก แต่เป็นการตกลงมอบสิทธิที่จะได้รับเงินฝากคืนให้ไว้แก่โจทก์เพื่อประกันหนี้ของตนและของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นสัญญาต่างหากจากสัญญาค้ำประกันที่ภริยาจำเลยที่ 2 ค้ำประกันหนี้กู้เบิกเงินเกินบัญชีของจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์ อันเป็นสัญญาค้ำประกันด้วยบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 680 สัญญาค้ำประกันด้วยบุคคลนี้ผูกพันตัวภริยาจำเลยที่ 2 มิได้เกี่ยวกับสินสมรส จึงมิใช่เป็นการจัดการสินสมรสตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5ที่ได้ตรวจชำระใหม่ มาตรา 1476,1477,1480 ที่จำเลยที่ 2จะต้องให้ความยินยอมร่วมกันเป็นหนังสือตามมาตรา 1479 จำเลยที่ 2ในฐานะผู้จัดการมรดกของภริยา จึงต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4026/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำประเด็นเดิม: ห้ามฟ้องคดีที่ศาลเคยวินิจฉัยแล้ว
โจทก์ฟ้องคดีนี้เป็นการฟ้องคดีโดยอาศัยสิทธิและเพื่อประโยชน์ของผู้เยาว์ทั้งสองถือได้ว่าเป็นการฟ้องคดีแทนผู้เยาว์ทั้งสอง และฟ้องของโจทก์มีประเด็นอย่างเดียวกับที่ผู้เยาว์ทั้งสองโดยมารดาผู้ใช้อำนาจปกครองเคยยื่นคำร้องในชั้นบังคับคดีในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 23203/2529 ของศาลชั้นต้น ขอให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความและเพิกถอนการยึดที่ดินของผู้เยาว์ทั้งสอง ซึ่งศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งในคดีดังกล่าวให้ยกคำร้องของผู้เยาว์ทั้งสองและคดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ฟ้องของโจทก์ในคดีนี้ถือได้ว่าเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาอันเกี่ยวกับคดีและประเด็นที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้ว ฟ้องของโจทก์ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ.มาตรา 144 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4026/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องแทนผู้เยาว์ซ้ำกับคดีเดิมที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยแล้ว ถือเป็นการขาดอำนาจฟ้องตาม ป.วิ.พ. มาตรา 144
พนักงานอัยการเพื่อประโยชน์ของเด็กชาย อ.และเด็กหญิงว.ผู้เยาว์ เป็นโจทก์ฟ้องคดีนี้อ้างว่าในคดีแพ่งเรื่องก่อนเด็กชาย อ.และเด็กหญิงว. ซึ่งเป็นจำเลยในคดีดังกล่าวโดยมารดาผู้ใช้อำนาจปกครองได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลยที่ 2ในคดีนี้ซึ่งเป็นโจทก์ในคดีดังกล่าว โดยมารดาผู้ใช้อำนาจปกครองของผู้เยาว์ทั้งสองไม่ได้รับอนุญาตจากศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางสัญญาประนีประนอมยอมความไม่ผูกพันผู้เยาว์ทั้งสอง ขอให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความและเพิกถอนการยึดที่ดินของผู้เยาว์ทั้งสองในคดีดังกล่าว เป็นการฟ้องคดีโดยอาศัยสิทธิและเพื่อประโยชน์ของผู้เยาว์ทั้งสอง ถือได้ว่าเป็นการฟ้องคดีแทนผู้เยาว์ทั้งสอง และมีประเด็นอย่างเดียวกับที่ผู้เยาว์ทั้งสองโดยมารดาผู้ใช้อำนาจปกครองเคยยื่นคำร้องในชั้นบังคับคดีในคดีแพ่งเรื่องก่อน ขอให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความและเพิกถอนการยึดที่ดินของผู้เยาว์ทั้งสองซึ่งศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งในคดีดังกล่าวให้ยกคำร้องของผู้เยาว์ทั้งสองและคดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ฟ้องของโจทก์ในคดีนี้จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาอันเกี่ยวกับคดีและประเด็นที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้ว ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4026/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีแทนผู้เยาว์ซ้ำกับคดีเดิมที่ยังอยู่ในระหว่างพิจารณา ทำให้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
โจทก์ฟ้องคดีนี้เป็นการฟ้องคดีโดยอาศัยสิทธิและเพื่อประโยชน์ของผู้เยาว์ทั้งสองถือได้ว่าเป็นการฟ้องคดี แทนผู้เยาว์ทั้งสอง และฟ้องของโจทก์มีประเด็นอย่างเดียวกับที่ผู้เยาว์ทั้งสองโดยมารดาผู้ใช้อำนาจปกครองเคยยื่นคำร้องในชั้นบังคับคดีในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 23203/2529ของศาลชั้นต้น ขอให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความและเพิกถอนการยึดที่ดินของผู้เยาว์ทั้งสอง ซึ่งศาลชั้นต้น ได้มีคำสั่งในคดีดังกล่าวให้ยกคำร้อง ของ ผู้เยาว์ทั้งสอง และคดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ฟ้องของโจทก์ในคดีนี้ถือได้ว่าเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาอันเกี่ยวกับคดีและประเด็นที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้ว ฟ้องของโจทก์ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 144 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
of 54