คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 144

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 533 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3512/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นคำร้องซ้ำที่มีประเด็นข้อเท็จจริงและคำขอเดิม หลังศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องแล้ว ถือเป็นการขัดต่อหลักการยุติธรรม
จำเลยยื่นคำร้องฉบับหลังโดยมีข้ออ้างและคำขอเช่นเดียวกับคำร้องฉบับแรกว่า การที่โจทก์บังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินของจำเลยเป็นการไม่ชอบด้วยสัญญาประนีประนอมยอมความและสมควรยกเลิกการบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินของจำเลย เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องฉบับแรกของจำเลย และเป็นที่สุดแล้ว การที่จำเลยยื่นคำร้องฉบับหลังอีกจึงเป็นการขอให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาอันเกี่ยวกับคดีหรือประเด็นที่ได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้วต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3084/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดี: ห้ามดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำในประเด็นที่ศาลมีคำวินิจฉัยชี้ขาดแล้ว เว้นแต่มีเหตุตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144
กระบวนพิจารณาที่จำเลยขอให้ถอนการยึดทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดมาโดยอ้างว่าทรัพย์สินดังกล่าวไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีนั้น ศาลได้มีคำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดแล้ว การที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษากับลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้เจรจากันเกี่ยวกับทรัพย์สินที่ยึดไม่เป็นกรณีที่เข้าข้อยกเว้นตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา144 ข้อ (1) ถึง (5) ต้องห้ามมิให้ดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2662/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายคดีและการแก้ไขฟ้อง: ศาลมีอำนาจเพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดีได้ และแก้ฟ้องได้แม้หลังวันสืบพยาน
การที่ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีเพราะเหตุที่โจทก์ไม่มาศาล ไม่ใช่เป็นการวินิจฉัยชี้ขาดคดีหรือในประเด็นข้อใดแห่งคดี ดังนั้นแม้โจทก์จะได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่สั่งจำหน่ายคดีโดยผิดพลาด และศาลสั่งยกคำร้องไปครั้งหนึ่งแล้วก็ตามโจทก์ก็มีสิทธิยื่นคำร้องใหม่ได้ ไม่ถือเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144
โจทก์ขอแก้ฟ้องจากคำว่า "เช็คธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาวัดไทร" เป็น "เช็คสหธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาวัดไทร" เป็นการขอแก้ถ้อยคำที่พิมพ์ผิดพลาดตกหล่นไปเล็กน้อย ย่อมแก้ได้เสมอแม้หลังวันสืบพยาน ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2662/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดีและการแก้ไขฟ้องหลังวันสืบพยาน ศาลฎีกาวินิจฉัยไม่ถือเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำหรือเป็นการไม่ชอบ
การที่ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดี เพราะเหตุที่โจทก์ไม่มาศาล ไม่ใช่เป็นการวินิจฉัยชี้ขาดคดีหรือในประเด็นข้อใดแห่งคดี ดังนั้นแม้โจทก์จะได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่สั่งจำหน่ายคดีโดยผิดพลาด และศาลสั่งยกคำร้องไปครั้งหนึ่งแล้วก็ตาม โจทก์ก็มีสิทธิยื่นคำร้องใหม่ได้ ไม่ถือเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144
โจทก์ขอแก้ฟ้องจากคำว่า 'เช็คธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาวัดไทร' เป็น 'เช็คสหธนาคารกรุงเทพจำกัดสาขาวัดไทร' เป็นการขอแก้ถ้อยคำที่พิมพ์ผิดพลาดตกหล่นไปเล็กน้อย ย่อมแก้ได้เสมอแม้หลังวันสืบพยาน ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2467-2468/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องซ้ำและข้อจำกัดการเรียกร้องค่าเสียหาย: การฟ้องร้องเกี่ยวกับการบุกรุกที่ดินในคราวเดียวกัน
ฟ้องโจทก์สำนวนหลังเป็นการฟ้องหาว่าจำเลยบุกรุกที่ดินแปลงเดียวกับสำนวนแรกและบุกรุกในวันเดียวกัน แต่สำนวนแรกโจทก์ไม่ได้บรรยายว่า จำเลยบุกรุกที่ดินส่วนไหน เนื้อที่เท่าไร และโจทก์ได้รับความเสียหายเพียงใด โจทก์เพิ่งมาบรรยายฟ้องในสำนวนหลังว่า จำเลยบุกรุกเป็นบางส่วน โจทก์จึงได้ฟ้องขับไล่จำเลยตามสำนวนแรก ภายหลังฟ้องแล้วจำเลยยังทำการบุกรุกเรื่อยมาจนกระทั่งหมดทั้งแปลง และขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายด้วย ดังนี้ ฟ้องโจทก์สำนวนหลังระบุถึงการบุกรุกของจำเลยในที่ดินแปลงเดียวกันในคราวเดียวกัน และเกี่ยวเนื่องกันกับสำนวนแรกความประสงค์ของโจทก์ที่ฟ้องสำนวนหลังก็เพื่อจะเรียกร้องเอาค่าเสียหายจากจำเลยซึ่งโจทก์อาจเรียกร้องได้ตั้งแต่สำนวนแรก แต่โจทก์มิได้เรียกร้องไว้ โจทก์เพิ่งมาเรียกร้องในสำนวนหลัง ฟ้องโจทก์สำนวนหลัง จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173 วรรคสอง (1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3580/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขการประเมินภาษีภายใน 5 ปี แม้จะมีการประเมินและชำระภาษีไปแล้ว ก็สามารถกระทำได้หากพบข้อผิดพลาด
การคิดเงินเพิ่มภาษีเงินได้ของเจ้าพนักงานประเมินในคดีก่อนได้คิดจากยอดภาษีจำนวนหนึ่งที่ได้ประเมินให้โจทก์เสียตามมาตรา 48(2)แห่งประมวลรัษฎากรซึ่งยังไม่ถูกต้องแต่การคิดเงินเพิ่มภาษีเงินได้ครั้งพิพาทนี้ได้คิดจากยอดเงินภาษีอีกจำนวนหนึ่ง.ซึ่งได้แก้การประเมินให้โจทก์เสียตามมาตรา 48(1) โดยได้คิดหักเงินภาษีที่โจทก์ได้ชำระจากการประเมินครั้งแรกออกหมดแล้วฉะนั้น การคิดเงินเพิ่มภาษีในคดีก่อนกับคดีนี้จึงเป็นการคิดจากยอดเงินภาษีคนละจำนวนกัน ทั้งในคดีก่อนก็มีประเด็นวินิจฉัยแต่เพียงว่าโจทก์จะของดหรือลดเงินเพิ่มลงได้บ้างหรือไม่เท่านั้นไม่มีประเด็นว่าจากยอดเงินได้จำนวนเดียวกันโจทก์ควรต้องเสียเงินเพิ่มหรือไม่ดังนี้ อำนาจในการคิดเงินเพิ่มภาษีเงินได้รายนี้จึงหาได้ยุติไปตามคำพิพากษาในคดีก่อนไม่
ประมวลรัษฎากร มาตรา 19 และ 20 บัญญัติให้อำนาจเจ้าพนักงานประเมินที่จะดำเนินการแก้ไขการประเมินที่ผิดพลาดให้ถูกต้องได้ภายในกำหนดเวลาห้าปีนับแต่ยื่นรายการโดยจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดไว้ เมื่อปรากฏว่าโจทก์ได้แสดงรายการตามแบบที่ยื่นไม่ถูกต้องตามความจริงอันเป็นเหตุให้เจ้าพนักงานประเมินประเมินให้โจทก์เสียภาษีไม่ถูกต้องดังนี้ เจ้าพนักงานประเมินจึงมีอำนาจที่จะแก้การประเมินให้ถูกต้องได้ และอำนาจแก้การประเมินก็หาจำเป็นที่จำนวนเงินได้เดิมจะต้องเปลี่ยนแปลงไปไม่ และแม้ผู้ยื่นรายการจะได้เสียภาษีตามที่ประเมินไปแล้ว แต่ถ้ายังอยู่ในกำหนดเวลาห้าปีนับแต่วันยื่นรายการ เจ้าพนักงานประเมินก็ยังมีอำนาจที่จะแก้ไขการประเมินให้ถูกต้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3580/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขการประเมินภาษีภายใน 5 ปี แม้จะมีการประเมินและชำระภาษีไปแล้ว หากพบข้อผิดพลาดในการแสดงรายการ
การคิดเงินเพิ่มภาษีเงินได้ของเจ้าพนักงานประเมินในคดีก่อน ได้คิดจากยอดภาษีจำนวนหนึ่งที่ได้ประเมินให้โจทก์เสียตามมาตรา 48(2)แห่งประมวลรัษฎากรซึ่งยังไม่ถูกต้องแต่การคิดเงินเพิ่มภาษีเงินได้ครั้งพิพาทนี้ได้คิดจากยอดเงินภาษีอีกจำนวนหนึ่ง.ซึ่งได้แก้การประเมินให้โจทก์เสียตามมาตรา 48(1) โดยได้คิดหักเงินภาษีที่โจทก์ได้ชำระจากการประเมินครั้งแรกออกหมดแล้วฉะนั้น การคิดเงินเพิ่มภาษีในคดีก่อนกับคดีนี้จึงเป็นการคิดจากยอดเงินภาษีคนละจำนวนกัน ทั้งในคดีก่อนก็มีประเด็นวินิจฉัยแต่เพียงว่าโจทก์จะของดหรือลดเงินเพิ่มลงได้บ้างหรือไม่เท่านั้นไม่มีประเด็นว่าจากยอดเงินได้จำนวนเดียวกันโจทก์ควรต้องเสียเงินเพิ่มหรือไม่ ดังนี้ อำนาจในการคิดเงินเพิ่มภาษีเงินได้รายนี้จึงหาได้ยุติไปตามคำพิพากษาในคดีก่อนไม่
ประมวลรัษฎากร มาตรา 19 และ 20 บัญญัติให้อำนาจเจ้าพนักงานประเมินที่จะดำเนินการแก้ไขการประเมินที่ผิดพลาดให้ถูกต้องได้ภายในกำหนดเวลาห้าปีนับแต่ยื่นรายการโดยจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดไว้ เมื่อปรากฏว่าโจทก์ได้แสดงรายการตามแบบที่ยื่นไม่ถูกต้องตามความจริงอันเป็นเหตุให้เจ้าพนักงานประเมินประเมินให้โจทก์เสียภาษีไม่ถูกต้อง ดังนี้ เจ้าพนักงานประเมินจึงมีอำนาจที่จะแก้การประเมินให้ถูกต้องได้ และอำนาจแก้การประเมินก็หาจำเป็นที่จำนวนเงินได้เดิมจะต้องเปลี่ยนแปลงไปไม่ และแม้ผู้ยื่นรายการจะได้เสียภาษีตามที่ประเมินไปแล้ว แต่ถ้ายังอยู่ในกำหนดเวลาห้าปีนับแต่วันยื่นรายการ เจ้าพนักงานประเมินก็ยังมีอำนาจที่จะแก้ไขการประเมินให้ถูกต้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3330-3331/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: คดีสัญญาซื้อขายที่ดิน - ประเด็นผิดสัญญาเดียวกัน แม้ฟ้องก่อนมีคำพิพากษา
ก่อนฟ้องคดีนี้โจทก์ถูกจำเลยฟ้องขับไล่ออกจากที่พิพาท อ้างว่าโจทก์ผิดสัญญาจะซื้อจะขายที่พิพาท โจทก์ให้การอย่างเดียวกับข้ออ้างตามคำบรรยายฟ้องคดีนี้ต่อมาคดีแรกศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่โจทก์ ดังนี้ เมื่อโจทก์ฟ้องคดีนี้กับคดีแรกมีประเด็นข้อพิพาทอย่างเดียวกัน และศาลมีคำวินิจฉัยชี้ขาดคดีแรกว่าโจกท์เป็นฝ่ายผิดสัญญา ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144 แม้โจทก์จะฟ้องคดีนี้ก่อนที่ศาลจะวินิจฉัยคดีแรกก็ตาม แต่เมื่อศาลพิพากษาคดีแรกแล้ว กรณีก็ต้องอยู่ภายใต้บังคับของมาตรา 144 เช่นกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2788/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นคำร้องซ้ำในประเด็นที่ศาลตัดสินแล้ว ถือเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำที่ต้องห้ามตามกฎหมาย
จำเลยได้ยื่นคำร้องใหม่ มีข้ออ้างและคำขอให้ศาลวินิจฉัยเช่นเดียวกับคำร้องของจำเลยที่ได้ยื่นไว้แต่เดิม ซึ่งศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดไปแล้ว การที่จำเลยยื่นคำร้องเข้ามาใหม่ดังกล่าว จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำในประเด็นที่ศาลได้วินิจฉัยชี้ขาดไปแล้ว ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2788/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นคำร้องซ้ำในประเด็นที่ศาลชี้ขาดแล้ว ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144
จำเลยได้ยื่นคำร้องใหม่ มีข้ออ้างและคำขอให้ศาลวินิจฉัยเช่นเดียวกับคำร้องของจำเลยที่ได้ยื่นไว้แต่เดิม ซึ่งศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดไปแล้ว การที่จำเลยยื่นคำร้องเข้ามาใหม่ดังกล่าว จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำในประเด็นที่ศาลได้วินิจฉัยชี้ขาดไปแล้ว ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144
of 54