พบผลลัพธ์ทั้งหมด 533 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2049/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องซ้ำคดีแรงงานหลังศาลจำหน่ายคดี โจทก์ยังมีสิทธิฟ้องใหม่ได้
การที่ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งจำหน่ายคดีโดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานฯ มาตรา 40 วรรคแรก นั้นมาตรา 41 เพียงแต่บัญญัติให้สิทธิโจทก์ที่จะร้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดีและดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปใหม่ได้เท่านั้น มิได้ตัดสิทธิโจทก์ที่จะเสนอคำฟ้องเรื่องเดียวกันนี้ใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1701/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิยึดหน่วงสิ้นสุดเมื่อศาลมีคำสั่งถอนการยึดทรัพย์ และโจทก์ไม่โต้แย้งคำสั่งนั้นแล้ว
ศาลพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ค่าซ่อมรถ โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดรถยนต์คันที่จำเลยมาซ่อมกับโจทก์และยังมิได้รับคืนไป ผู้ร้องร้องขัดทรัพย์ ในคดีเรื่องร้องขัดทรัพย์ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า รถยนต์คันพิพาทเป็นของผู้ร้องซึ่งมิใช่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาของโจทก์ โจทก์จะยึดทรัพย์ของผู้ร้องมาขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้โจทก์เป็นการไม่ชอบจะนำเรื่องสิทธิยึดหน่วงมาใช้บังคับกรณีนี้ไม่ได้มีคำสั่งให้ถอนการยึดรถยนต์คันพิพาทนั้นโจทก์ไม่อุทธรณ์คัดค้าน คดีเป็นอันถึงที่สุดไปแล้วดังนี้ โจทก์จึงต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาลอันถึงที่สุดแล้วนั้น โดยต้องคืนรถยนต์คันพิพาทให้ผู้ร้องผู้เป็นเจ้าของไม่มีสิทธิยึดหน่วงรถยนต์คันพิพาทไว้อีกต่อไป(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2524)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1295/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำในมูลคดีเดียวกัน แม้เปลี่ยนฝ่ายฟ้อง ศาลยกฟ้องตามมาตรา 144
คดีก่อนจำเลยที่ 1 ฟ้องสิบตำรวจโท ส. กับโจทก์ให้ชดใช้ค่าเสียหายอันเกิดจากรถที่จำเลยที่ 1 ขับชนกับรถของโจทก์ ศาลชั้นต้นได้พิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยในข้อที่โจทก์ยกขึ้นอ้างในคดีนั้นว่าจำเลยที่ 1 เป็นฝ่ายประมาทเลินเล่อ ขณะคดียังอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์โจทก์ได้ฟ้องคดีนี้เรียกค่าเสียหายอันเกิดจากรถชนกันในกรณีรายเดียวกันนี้ ประเด็นแห่งคดีทั้งสองคดีจึงมีประเด็นอย่างเดียวกันว่า เหตุที่รถชนกันนั้นเป็นความผิดของฝ่ายใด ฟ้องของโจทก์คดีนี้จึงต้องห้ามมิให้ดำเนิน กระบวนพิจารณาซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 28/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งเลิกมูลนิธิเป็นเด็ดขาด ไม่มีอำนาจเพิกถอน หรือขอพิจารณาคดีใหม่
เมื่อศาลมีคำสั่งให้เลิกมูลนิธิแล้ว ไม่มีกฎหมายบัญญัติให้อำนาจแก่ผู้หนึ่งผู้ใดที่จะร้องขอต่อศาลให้เพิกถอนคำสั่งนั้นได้ ดังนั้นผู้ร้องซึ่งเป็นกรรมการของมูลนิธิที่ศาลสั่งเลิกแล้วจึงไม่มีอำนาจร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งที่ให้เลิกมูลนิธินั้น
เดิม จ. ผู้คัดค้านได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งเลิกมูลนิธิ ฮ. ศาลประกาศนัดไต่สวน ไม่มีผู้ใดคัดค้าน เมื่อไต่สวนแล้วได้มีคำสั่งให้เลิกมูลนิธิ ฮ. ผู้ร้องจะมาร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ไม่ได้ เพราะผู้ร้องมิได้เข้าเป็นคู่ความในคดีนี้มาก่อน และศาลมิได้แสดงว่าผู้ร้องขาดนัดพิจารณาแต่อย่างใด
เดิม จ. ผู้คัดค้านได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งเลิกมูลนิธิ ฮ. ศาลประกาศนัดไต่สวน ไม่มีผู้ใดคัดค้าน เมื่อไต่สวนแล้วได้มีคำสั่งให้เลิกมูลนิธิ ฮ. ผู้ร้องจะมาร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ไม่ได้ เพราะผู้ร้องมิได้เข้าเป็นคู่ความในคดีนี้มาก่อน และศาลมิได้แสดงว่าผู้ร้องขาดนัดพิจารณาแต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 28/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจร้องเพิกถอนคำสั่งเลิกมูลนิธิ และการขอพิจารณาคดีใหม่ในคดีที่ไม่ได้เป็นคู่ความ
เมื่อศาลมีคำสั่งให้เลิกมูลนิธิแล้ว ไม่มีกฎหมายบัญญัติให้อำนาจแก่ผู้หนึ่งผู้ใดที่จะร้องขอต่อศาลให้เพิกถอนคำสั่งนั้นได้ ดังนั้นผู้ร้องซึ่งเป็นกรรมการของมูลนิธีที่ศาลสั่งเลิกแล้วจึงไม่มีอำนาจร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งที่ให้เลิกมูลนิธินั้น
เดิม จ.ผู้คัดค้านได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งเลิกมูลนิธิ ฮ.ศาลประกาศนัดไต่สวน ไม่มีผู้ใดคัดค้าน เมื่อไต่สวนแล้วได้มีคำสั่งให้เลิกมูลนิธิ ฮ. ผู้ร้องจะมาร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ไม่ได้ เพราะผู้ร้องมิได้เข้าเป็นคู่ความในคดีนี้มาก่อน และศาลมิได้แสดงว่าผู้ร้องขาดนัดพิจารณาแต่อย่างใด
เดิม จ.ผู้คัดค้านได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งเลิกมูลนิธิ ฮ.ศาลประกาศนัดไต่สวน ไม่มีผู้ใดคัดค้าน เมื่อไต่สวนแล้วได้มีคำสั่งให้เลิกมูลนิธิ ฮ. ผู้ร้องจะมาร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ไม่ได้ เพราะผู้ร้องมิได้เข้าเป็นคู่ความในคดีนี้มาก่อน และศาลมิได้แสดงว่าผู้ร้องขาดนัดพิจารณาแต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2761/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องซ้ำและการผูกพันตามคำพิพากษาเดิม กรณีครอบครองปรปักษ์และสิทธิในที่ดิน
ในคดีก่อน จำเลยที่ 2 ฟ้องขับไล่โจทก์ทั้งสอง มีประเด็นว่าจำเลยที่ 2 ซื้อที่ดินโฉนดที่ 1238 โดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริตและจดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตหรือไม่โจทก์ทั้งสองได้กรรมสิทธิ์ที่พิพาทโดยครอบครองปรปักษ์หรือไม่ และยกเป็นข้อต่อสู้จำเลยที่ 2 ได้หรือไม่อันเป็นประเด็นเดียวกับประเด็นในคดีนี้ เมื่อโจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้ภายหลังที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาในคดีก่อนว่าโจทก์ทั้งสองได้ที่พิพาทโดยครอบครองปรปักษ์ แต่ยังมิได้จดทะเบียนการได้มาไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ซื้อที่ดินโดยไม่สุจริต หรือจดทะเบียนโดยไม่สุจริตโจทก์ทั้งสองยกขึ้นต่อสู้ จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกไม่ได้ ดังนี้ฟ้องโจทก์คดีนี้ที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำกับคดีก่อนและคำพิพากษาคดีก่อนก็ผูกพันจำเลยที่ 2 และโจทก์ทั้งสองว่าที่พิพาท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินโฉนดที่ 1238 เป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 2 โดยถูกต้องตามกฎหมายแล้วโจทก์อ้างในคดีนี้ไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ทำละเมิดต่อโจทก์ทั้งสอง และไม่มีสิทธิขอให้เพิกถอนสัญญาขายที่ดิน โฉนดที่ 1238 อันกระทบถึงสิทธิของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2163/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแต่งตั้งผู้จัดการมรดก: สิทธิตามพินัยกรรม, ผลสัญญาประนีประนอม, และคุณสมบัติของผู้จัดการมรดก
เมื่อเจ้ามรดกตาย ศาลมีคำสั่งแต่งตั้งให้จำเลยที่ 1 กับพวก เป็นผู้จัดการมรดกในคดีหนึ่งแล้ว ต่อมา อ. ยื่นคำร้องขอให้ศาลตั้งตนเป็นผู้จัดการมรดกรายนี้อีกจำเลยที่ 1 กับพวกคัดค้านในที่สุดมีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความให้ อ. เป็นผู้จัดการมรดกโดยศาลพิพากษาให้เป็นไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น การเป็นผู้จัดการมรดกของจำเลยที่ 1 กับพวกจึงสิ้นสุดลงตามสัญญาดังกล่าวนั้นแล้วดังนั้นเมื่อ อ. ถึงแก่กรรมโจทก์กับพวกซึ่งตามพินัยกรรมเจ้ามรดกระบุให้เป็นผู้จัดการมรดกร่วมกับ อ. ย่อมร้องขอต่อศาลให้ตั้งเป็นผู้จัดการมรดกในคดีนี้ได้ไม่เป็นร้องซ้ำ
เจ้ามรดกทำพินัยกรรมฉบับแรกระบุให้โจทก์กับพวกเป็นผู้จัดการมรดกต่อมาได้ทำพินัยกรรมอีกฉบับหนึ่งซึ่งมิได้กล่าวถึงการเป็นผู้จัดการมรดกและไม่ได้ระบุไว้ให้ยกเลิกหรือเพิกถอนพินัยกรรมฉบับที่ทำขึ้นก่อนแต่ประการใด ฉะนั้นโจทก์จึงยังมีสิทธิเป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมฉบับแรก
แม้โจทก์เคยสละสิทธิเพื่อให้ อ. เป็นผู้จัดการมรดกแต่เมื่อ อ. ถึงแก่กรรมแล้ว โจทก์ทั้งสองก็มีสิทธิขอเป็นผู้จัดการมรดกได้เมื่อปรากฏว่าโจทก์มีคุณสมบัติครบถ้วน ทั้งไม่ปรากฏว่าเป็นผู้ที่ไม่เหมาะสม ศาลก็ตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดกรายนี้ได้ และแม้โจทก์ที่ 1 จะมีส่วนได้รับทรัพย์มรดกน้อยกว่าจำเลยที่ 2 โจทก์ที่ 1 ก็เป็นทายาทและมีส่วนได้เสียส่วนโจทก์ที่ 2 แม้จะไม่ได้เป็นทายาทและไม่มีสิทธิรับมรดกแต่ก็เป็นผู้ที่เจ้ามรดกระบุไว้ในพินัยกรรมให้เป็นผู้จัดการมรดกด้วยผู้หนึ่ง จึงมีสิทธิเป็นผู้จัดการมรดกได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1712 และ มาตรา 1713
เจ้ามรดกทำพินัยกรรมฉบับแรกระบุให้โจทก์กับพวกเป็นผู้จัดการมรดกต่อมาได้ทำพินัยกรรมอีกฉบับหนึ่งซึ่งมิได้กล่าวถึงการเป็นผู้จัดการมรดกและไม่ได้ระบุไว้ให้ยกเลิกหรือเพิกถอนพินัยกรรมฉบับที่ทำขึ้นก่อนแต่ประการใด ฉะนั้นโจทก์จึงยังมีสิทธิเป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมฉบับแรก
แม้โจทก์เคยสละสิทธิเพื่อให้ อ. เป็นผู้จัดการมรดกแต่เมื่อ อ. ถึงแก่กรรมแล้ว โจทก์ทั้งสองก็มีสิทธิขอเป็นผู้จัดการมรดกได้เมื่อปรากฏว่าโจทก์มีคุณสมบัติครบถ้วน ทั้งไม่ปรากฏว่าเป็นผู้ที่ไม่เหมาะสม ศาลก็ตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดกรายนี้ได้ และแม้โจทก์ที่ 1 จะมีส่วนได้รับทรัพย์มรดกน้อยกว่าจำเลยที่ 2 โจทก์ที่ 1 ก็เป็นทายาทและมีส่วนได้เสียส่วนโจทก์ที่ 2 แม้จะไม่ได้เป็นทายาทและไม่มีสิทธิรับมรดกแต่ก็เป็นผู้ที่เจ้ามรดกระบุไว้ในพินัยกรรมให้เป็นผู้จัดการมรดกด้วยผู้หนึ่ง จึงมีสิทธิเป็นผู้จัดการมรดกได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1712 และ มาตรา 1713
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 44/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นคำร้องซ้ำในคดีบังคับคดี การอุทธรณ์คำสั่งศาล และข้อห้ามในการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ
คำร้องฉบับแรกและฉบับหลังของจำเลยมีใจความอย่างเดียวกันว่าโจทก์ยึดที่ดินที่โจทก์นำยึดไม่ได้ เพราะเป็นสินสมรส ต้องขอแยกเสียก่อน ขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด เมื่อศาลมีคำสั่งยกคำร้องฉบับแรก จำเลยไม่พอใจอย่างไร ชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งของศาลภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ได้ แต่จำเลยไม่อุทธรณ์ กลับมายื่นคำร้องใหม่ จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 44/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นคำร้องซ้ำในกระบวนการบังคับคดีเมื่อไม่พอใจคำสั่งศาล ชอบที่จะอุทธรณ์ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด
คำร้องฉบับแรกและฉบับหลังของจำเลยมีใจความอย่างเดียวกันว่าโจทก์ยึดที่ดินที่โจทก์นำยึดไม่ได้ เพราะเป็นสินสมรส ต้องขอแยกเสียก่อน ขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดเมื่อศาลมีคำสั่งยกคำร้องฉบับแรก จำเลยไม่พอใจอย่างไร ชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งของศาลภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ได้ แต่จำเลยไม่อุทธรณ์ กลับมายื่นคำร้องใหม่ จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2271/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพันเด็ดขาด ศาลไม่สามารถวินิจฉัยข้อเท็จจริงเดิมที่เคย争กันได้
โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในประเด็นแห่งคดีศาลชั้นต้นพิพากษาไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น จำเลยไม่ได้อุทธรณ์ตามข้อยกเว้นที่จะอุทธรณ์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 138(1)(2) และ (3)คดีจึงถึงที่สุดไปตามคำพิพากษาตามยอมแล้ว ศาลจะดำเนินกระบวนพิจารณาในเรื่องที่จำเลยอ้างอันเป็นข้อเท็จจริง ในประเด็นแห่งคดีที่ศาลได้พิพากษาถึงที่สุดไปแล้ว และวินิจฉัยคดีใหม่อีกย่อมไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144 วรรคแรก