คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 144

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 533 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2082/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอคืนของกลางที่ศาลวินิจฉัยแล้วว่าผู้ร้องไม่ใช่เจ้าของ ถือเป็นการฟ้องซ้ำที่ต้องห้ามตามกฎหมาย
ผู้ร้องร้องขอให้คืนของกลางที่ศาลพิพากษาให้ริบ ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วสั่งว่าพยานหลักฐานของผู้ร้องยังรับฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของของกลาง ให้ยกคำร้องดังนี้เท่ากับฟังว่าผู้ร้องไม่ได้เป็นเจ้าของของกลางอันแท้จริงนั่นเอง ผู้ร้องมายื่นคำร้องขอคืนของกลางอีก จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลนั้นอันเกี่ยวกับคดีหรือประเด็นที่ได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้ว ต้องห้ามตามประมวลพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144 จะอ้างว่าคำสั่งตามคำร้องฉบับก่อนนั้นยังไม่ได้วินิจฉัยชี้ขาดว่าผู้ร้องไม่ได้เป็นเจ้าของแท้จริงหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2082/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอคืนของกลางที่ศาลสั่งริบแล้ว หากพยานหลักฐานไม่เพียงพอ ศาลไม่รับคำร้องใหม่ตามมาตรา 144
ผู้ร้องร้องขอให้คืนของกลางที่ศาลพิพากษาให้ริบ ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว สั่งว่า พยานหลักฐานของผู้ร้องยังรับฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของของกลาง ให้ยกคำร้อง ดังนี้เท่ากับฟังว่าผู้ร้องไม่ได้เป็นเจ้าของของกลางอันแท้จริงนั้นเอง ผู้ร้องมายื่นคำร้องขอคืนของกลางอีกจึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลนั้นอันเกี่ยวกับคดีหรือประเด็นที่ได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้ว ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144 จะอ้างว่าคำสั่งตามคำร้องฉบับก่อนนั้นยังไม่ได้วินิจฉัยชี้ขาด ว่าผู้ร้องไม่ได้เป็นเจ้าของแท้จริงหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2661/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องซ้ำในข้อผิดสัญญาเดิมที่เคยมีคำพิพากษาแล้ว ย่อมเป็นข้อต้องห้ามตามกฎหมาย
ศาลยกคำร้องที่โจทก์อ้างว่าจำเลยทำผิดสัญญายอมความที่มีคำพิพากษาไปแล้ว โจทก์ร้องอีกในข้อเดียวกัน ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2290/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีตามคำพิพากษาถึงที่สุด การยื่นคำร้องในชั้นบังคับคดีเพื่อโต้แย้งประเด็นที่เคย争ในศาลแล้ว ถือเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ
ศาลพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนบ้านออกไปจากที่ดินของโจทก์โดยวินิจฉัยว่าบ้านจำเลยปลูกอยู่ในที่ดินที่จำเลยขายให้โจทก์แล้ว คดีถึงที่สุด ดังนี้การที่จำเลยกลับมายื่นคำร้องในชั้นบังคับคดีว่าจำเลยปลูกบ้านอยู่นอกเขตโฉนดที่จำเลยขายให้โจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่ ขอให้ศาลไต่สวนและมีคำสั่งเพิกถอนคำบังคับนั้น เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำในประเด็นที่ศาลได้มีคำวินิจฉัยชี้ขาดไว้แล้ว ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2290/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำในประเด็นที่ศาลตัดสินแล้ว ถือเป็นการขัดต่อกฎหมาย
ศาลพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนบ้านออกไปจากที่ดินของโจทก์ โดยวินิจฉัยว่าบ้านจำเลยปลูกอยู่ในที่ดินที่จำเลยขายให้โจทก์แล้ว คดีถึงที่สุด ดังนี้การที่จำเลยกลับมายื่นคำร้องในชั้นบังคับคดีว่าจำเลยปลูกบ้านอยู่นอกเขตโฉนดที่จำเลยขายให้ โจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่ ขอให้ศาลไต่สวนและมีคำสั่งเพิกถอนคำบังคับนั้น เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำในประเด็นที่ศาลได้มีคำวินิจฉัยชี้ขาดไว้แล้ว ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2289/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ: คำร้องขอถอนการยึดทรัพย์ที่ถูกวินิจฉัยแล้ว
ชั้นบังคับคดี ศาลวินิจฉัยสั่งคำร้องขอให้ถอนการยึดทรัพย์ของจำเลยไปแล้วว่าการมอบอำนาจของโจทก์ใช้บังคับได้ จำเลยมาร้องใหม่ในเหตุเดียวกับคำร้องเดิม เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2570/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับเงินก่อนมีคำพิพากษาถึงที่สุด ศาลสั่งคืนเงินเมื่อศาลฎีกาตัดสินกลับ
โจทก์กับผู้ร้องพิพาทกันเรื่องเงินที่ธนาคารออมสินส่งมาตามคำสั่งอายัดทรัพย์สินไว้ก่อนมีคำพิพากษา ในคดีที่โจทก์ฟ้องเรียกเงินจากจำเลย ศาลชั้นต้นสั่งว่าโจทก์มีสิทธิ์เหนือเงินจำนวนนี้ดีกว่าผู้ร้อง ให้ยกคำร้องของผู้ร้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ศาลฎีกาพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ผู้ร้องมีสิทธิ์ในเงินจำนวนนี้ การที่โจทก์รับเงินไปจากศาลก่อนศาลฎีกาจะได้มีคำพิพากษา เท่ากับโจทก์รับเงินที่ตนไม่มีสิทธิ์ได้รับตามคำพิพากษาศาลฎีกา โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องคืนเงินจำนวนดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2570/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในเงินอายัดทรัพย์สิน: การรับเงินก่อนมีคำพิพากษาถึงที่สุดทำให้มีหน้าที่คืน
โจทก์กับผู้ร้องพิพาทกันเรื่องเงินที่ธนาคารออมสินส่งมาตามคำสั่งอายัดทรัพย์สินไว้ก่อนมีคำพิพากษาในคดีที่โจทก์ฟ้องเรียกเงินจากจำเลย ศาลชั้นต้นสั่งว่าโจทก์มีสิทธิเหนือเงินจำนวนนี้ดีกว่าผู้ร้อง ให้ยกคำร้องของผู้ร้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ศาลฎีกาพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ผู้ร้องมีสิทธิในเงินจำนวนนี้การที่โจทก์รับเงินไปจากศาลก่อนศาลฎีกาจะได้มีคำพิพากษา เท่ากับโจทก์รับเงินที่ตนไม่มีสิทธิได้รับตามคำพิพากษาศาลฎีกา โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องคืนเงินจำนวนดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1629/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนผู้อนุบาลและการเพิกถอนคำสั่งแต่งตั้งเนื่องจากละเลยหน้าที่ รวมถึงประเด็นอำนาจฟ้องของญาติ
โจทก์ซึ่งเป็นผู้สืบสันดานจากพี่ของมารดาของคนไร้ความสามารถฟ้องขอถอนจำเลยจากเป็นผู้อนุบาล ศาลพิพากษายุติไปแล้วว่าโจทก์ฟ้องได้ในฐานเป็นญาติสนิท จำเลยจะฎีกาในประเด็นข้อนี้ขึ้นมาพร้อมกับประเด็นข้ออื่นอีกไม่ได้ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 ศาลฎีกาก็พิจารณาปัญหานี้ไม่ได้ตาม มาตรา 144
ผู้อนุบาลไม่ดูแลคนไร้ความสามารถในเรื่องอาหารการกินและรักษาพยาบาล ศาลเพิกถอนและตั้งผู้อนุบาลใหม่ตามคำฟ้องของญาติสนิทได้
โจทก์ฟ้องอ้างว่าเป็นหญิงหม้าย เมื่อโจทก์เบิกความว่าโจทก์มีสามียังไม่ได้หย่า โจทก์ยื่นใบอนุญาตของสามีให้ฟ้องคดี ศาลอนุญาตได้ตาม มาตรา 56

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 879/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำและขอบเขตคำพิพากษา: การฟ้องเรียกเงินจำนวนเดิมจากจำเลยต่างกันหลังมีคำพิพากษาในคดีก่อน
จำเลยที่ 1 ในคดีนี้เคยเป็นโจทก์ฟ้องคณะกรรมการวัด ส.รวม 11 คนเป็นจำเลยตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 387/2510 และโจทก์ในคดีนี้ได้เข้าเป็นจำเลยร่วมในคดีดังกล่าวดังนั้น โจทก์และจำเลยที่ 1 ในคดีนี้จึงเป็นคู่ความเดียวกันในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 387/2510 เมื่อโจทก์นำคดีมาฟ้องจำเลยที่ 1 ในประเด็นที่วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันอีก ฟ้องของโจทก์ในคดีนี้เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 จึงเป็นฟ้องซ้ำ ส่วนจำเลยที่ 2 ในคดีนี้มิได้เป็นคู่ความในคดีก่อน คำพิพากษาในประเด็นแห่งคดีดังกล่าวจึงไม่ผูกพันจำเลยที่ 2 การที่โจทก์กลับมาฟ้องเรียกเงินจำนวนนี้อีกจากจำเลยที่ 2 จึงไม่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลนั้นอันเกี่ยวกับคดีหรือประเด็นที่ได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้ว
of 54