คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 144

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 533 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 879/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำและการดำเนินคดีกับคู่ความเดิมและคู่ความใหม่
จำเลยที่ 1 ในคดีนี้เคยเป็นโจทก์ฟ้องคณะกรรมการวัด ส.รวม 11 คน เป็นจำเลยตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 387/2510 และโจทก์ในคดีนี้ได้เข้าเป็นจำเลยร่วมในคดีดังกล่าวดังนั้น โจทก์และจำเลยที่ 1 ในคดีนี้จึงเป็นคู่ความเดียวกันในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 387/2510 เมื่อโจทก์นำคดีมาฟ้องจำเลยที่ 1 ในประเด็นที่วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันอีก ฟ้องของโจทก์ในคดีนี้ที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 จึงเป็นฟ้องซ้ำ ส่วนจำเลยที่ 2 ในคดีนี้มิได้เป็นคู่ความในคดีก่อนคำพิพากษาในประเด็นแห่งคดีดังกล่าวจึงไม่ผูกพันจำเลยที่ 2 การที่โจทก์กลับมาฟ้องเรียกเงินจำนวนนี้อีกจากจำเลยที่ 2 จึงไม่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลนั้นอันเกี่ยวกับคดีหรือประเด็นที่ได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1710/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการขอพิจารณาคดีใหม่หลังขาดนัด – แม้ทิ้งคำร้องแรก ก็ยังยื่นคำร้องใหม่ได้ตามกฎหมาย
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยไม่มาศาล โดยไม่ทราบเหตุขัดข้องศาลชั้นต้นสั่งว่า จำเลยขาดนัดพิจารณา ให้สืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียวแล้วโจทก์แถลงหมดพยาน ศาลสั่งนัดสืบพยานจำเลย ก่อนถึงวันนัดจำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ คำร้องของจำเลยดังกล่าวจึงเป็น คำร้องที่อ้างว่าการขาดนัดพิจารณานั้น มิได้เป็นไปโดยจงใจ ขอให้ศาลมีคำสั่งให้พิจารณาคดีนั้นใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205 แม้เมื่อถึงวันนัดนั้นทนายจำเลยจะแถลงว่ายังไม่ได้ส่งสำเนาคำร้องให้โจทก์ ซึ่งถือว่าจำเลยทิ้งคำร้องก็ตาม ก็ไม่เป็นผลให้ตัดสิทธิจำเลยที่จะยื่นคำขอให้มีการพิจารณาใหม่หลังจากที่ศาลได้สั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา และมีคำพิพากษาให้จำเลยแพ้คดีในประเด็นที่พิพาทแล้ว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 207 และเมื่อจำเลยมีคำร้องขอให้พิจารณาใหม่อีกโดยถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 ก็ชอบที่ศาลจะรับคำร้องของจำเลยไว้ดำเนินการต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1710/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการขอพิจารณาคดีใหม่ แม้ทิ้งคำร้องก่อนหน้า การขาดนัดพิจารณาคดีโดยไม่ได้จงใจ
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยไม่มาศาล โดยไม่ทราบเหตุขัดข้องศาลชั้นต้นสั่งว่า จำเลยขาดนัดพิจารณา ให้สืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียวแล้วโจทก์แถลงหมดพยาน ศาลสั่งนัดสืบพยานจำเลยก่อนถึงวันนัดจำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ คำร้องของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นคำร้องที่อ้างว่าการขาดนัดพิจารณานั้น มิได้เป็นไปโดยจงใจ ขอให้ศาลมีคำสั่งให้พิจารณาคดีนั้นใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205 แม้เมื่อถึงวันนัดนั้นทนายจำเลยจะแถลงว่ายังไม่ได้ส่งสำเนาคำร้องให้โจทก์ ซึ่งถือว่าจำเลยทิ้งคำร้องก็ตาม ก็ไม่เป็นผลให้ตัดสิทธิจำเลยที่จะยื่นคำขอให้มีการพิจารณาใหม่หลังจากที่ศาลได้สั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาและมีคำพิพากษาให้จำเลยแพ้คดีในประเด็นที่พิพาทแล้ว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 207 และเมื่อจำเลยมีคำร้องขอให้พิจารณาใหม่อีกโดยถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 ก็ชอบที่ศาลจะรับคำร้องของจำเลยไว้ดำเนินการต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 644/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำบังคับศาลย่อมมีผลผูกพัน แม้มีการเปลี่ยนแปลงสถานะของโจทก์ภายหลังคำพิพากษาถึงที่สุด
เมื่อศาลพิพากษาคดีถึงที่สุด ให้จำเลยรื้อถอนโรงเรือนของจำเลยออกไปจากที่ดินของโจทก์ และจำเลยได้ทราบคำบังคับแล้ว จำเลยก็ต้องปฏิบัติตามคำบังคับของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 271 โดยรื้อถอนโรงเรือนออกไป จำเลยจะยกเอาผลแห่งคำพิพากษาในคดีอื่นซึ่งไม่มีผลเปลี่ยนแปลงแก้ไขกลับหรืองดคำพิพากษาในคดีนี้มาเป็นเหตุให้ศาลงดหรือเพิกถอนคำบังคับเสียหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3051/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องครอบครองปรปักษ์ที่ไม่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ แม้คดีก่อนมีประเด็นเรื่องการครอบครองที่ดินเดียวกัน
เดิม จำเลยเป็นโจทก์ฟ้องบิดาโจทก์เป็นจำเลย อ้างว่าบิดาโจทก์อาศัยปลูกเรือนและรั้วในที่ดินของจำเลย ขอให้บิดาโจทก์รื้อสิ่งปลูกสร้างออกไป บิดาโจทก์ต่อสู้ว่าปลูกสร้างในที่ดินของตนเอง ศาลล่างพิพากษาให้บิดาโจทก์แพ้คดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา โจทก์จึงมาฟ้องคดีนี้อ้างว่าได้กรรมสิทธิ์ที่ดินส่วนหนึ่งของจำเลยโดยการครอบครองปรปักษ์ประเด็นในคดีก่อนมีว่าสิ่งปลูกสร้างของบิดาโจทก์อยู่ในที่ดินของจำเลยหรือไม่ส่วนคดีนี้มีประเด็นว่าโจทก์ครอบครองที่ดินของจำเลยโดยปรปักษ์หรือไม่อันเป็นประเด็นคนละอย่างต่างกัน ทั้งโจทก์ในคดีนี้ก็มิได้เป็นคู่ความในคดีก่อน การยื่นฟ้องของโจทก์ในคดีนี้จึงไม่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144 และไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173(1) แม้โจทก์คนหนึ่งในคดีนี้จะเข้าแทนที่บิดาโจทก์ผู้มรณะในคดีก่อนนั้น ก็ไม่มีผลให้โจทก์ในคดีนี้เป็นคู่ความในคดีก่อนด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3051/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องครอบครองปรปักษ์ที่ไม่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ แม้มีคดีก่อนหน้านี้
เดิมจำเลยเป็นโจทก์ฟ้องบิดาโจทก์เป็นจำเลย อ้างว่าบิดาโจทก์อาศัยปลูกเรือนและรั้วในที่ดินของจำเลย ขอให้บิดาโจทก์รื้อสิ่งปลูกสร้างออกไป บิดาโจทก์ต่อสู้ว่าปลูกสร้างในที่ดินของตนเอง ศาลล่างพิพากษาให้บิดาโจทก์แพ้คดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา โจทก์จึงมาฟ้องคดีนี้อ้างว่าได้กรรมสิทธิ์ที่ดินส่วนหนึ่งของจำเลยโดยการครอบครองปรปักษ์ ประเด็นในคดีก่อนมีว่าสิ่งปลูกสร้างของบิดาโจทก์อยู่ในที่ดินของจำเลยหรือไม่ ส่วนคดีนี้มีประเด็นว่าโจทก์ครอบครองที่ดินของจำเลยโดยปรปักษ์หรือไม่อันเป็นประเด็นคนละอย่างต่างกัน ทั้งโจทก์ในคดีนี้ก็มิได้เป็นคู่ความในคดีก่อน การยื่นฟ้องของโจทก์ในคดีนี้จึงไม่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144 และไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173(1) แม้โจทก์คนหนึ่งในคดีนี้จะเข้าแทนที่บิดาโจทก์ผู้มรณะในคดีก่อนนั้น ก็ไม่มีผลให้โจทก์ในคดีนี้เป็นคู่ความในคดีก่อนด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2241/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: คดีซื้อขายที่ดินยังไม่ถึงที่สุด แม้มีการท้ากันให้ศาลวินิจฉัยเฉพาะประเด็นฟ้องซ้ำ
คดีเดิมจำเลยเป็นโจทก์ฟ้องขับไล่โจทก์ให้รื้อเรือนออกไปจากที่พิพาท โจทก์ต่อสู้ว่าซื้อที่พิพาทจากตัวแทนจำเลย ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า การตั้งตัวแทนไม่มีหนังสือมอบอำนาจมาแสดง รับฟังไม่ได้ว่าโจทก์ซื้อที่พิพาทจากจำเลย โจทก์อุทธรณ์ ระหว่างอุทธรณ์โจทก์กลับมาฟ้องคดีนี้อ้างว่า ซื้อที่พิพาทจากตัวแทนจำเลยขอให้บังคับจำเลยโอนที่พิพาทให้โจทก์ จำเลยต่อสู้ว่าเป็นฟ้องซ้ำและคู่ความตกลง ท้ากันให้ศาลวินิจฉัยเพียงประเด็นเดียวว่าฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 148 หรือไม่ ศาลชั้นต้นเห็นว่าไม่เป็นฟ้องซ้ำ ดังนี้ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าขณะที่โจทก์จำเลยท้ากันให้ศาลวินิจฉัยประเด็นข้อนี้และศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยแพ้ตามคำท้านั้น ศาลอุทธรณ์ยังมิได้พิพากษาคดีเดิม คดีดังกล่าวยังไม่ถึงที่สุด ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148ส่วนจะเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำต้องห้ามตามมาตรา 144หรือไม่ ไม่ใช่ประเด็นที่คู่ความท้ากัน เมื่อไม่เห็นสมควร ศาลฎีกาก็ไม่หยิบยกขึ้นวินิจฉัย (วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 31/2515)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2241/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: คดีซื้อขายที่ดินยังไม่ถึงที่สุด แม้มีการท้ากันให้ศาลวินิจฉัยประเด็นเฉพาะ
คดีเดิมจำเลยเป็นโจทก์ฟ้องขับไล่โจทก์ให้รื้อเรือนออกไปจากที่พิพาท โจทก์ต่อสู้ว่าซื้อที่พิพาทจากตัวแทนจำเลยศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า การตั้งตัวแทนไม่มีหนังสือมอบอำนาจมาแสดง รับฟังไม่ได้ว่าโจทก์ซื้อที่พิพาทจากจำเลย โจทก์อุทธรณ์ ระหว่างอุทธรณ์โจทก์กลับมาฟ้องคดีนี้อ้างว่า ซื้อที่พิพาทจากตัวแทนจำเลย ขอให้บังคับจำเลยโอนที่พิพาทให้โจทก์ จำเลยต่อสู้ว่าเป็นฟ้องซ้ำ และคู่ความตกลงท้ากันให้ศาลวินิจฉัยเพียงประเด็นเดียวว่าฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148หรือไม่ ศาลชั้นต้นเห็นว่าไม่เป็นฟ้องซ้ำ ดังนี้เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าขณะที่โจทก์จำเลยท้ากันให้ศาลวินิจฉัยประเด็นข้อนี้ และศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยแพ้ตามคำท้านั้น ศาลอุทธรณ์ยังมิได้พิพากษาคดีเดิม คดีดังกล่าวยังไม่ถึงที่สุด ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 ส่วนจะเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำต้องห้ามตามมาตรา 144หรือไม่ ไม่ใช่ประเด็นที่คู่ความท้ากัน เมื่อไม่เห็นสมควร ศาลฎีกาก็ไม่หยิบยกขึ้นวินิจฉัย (วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 31/2515)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1464/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการถอนอำนาจปกครองบุตรหลังมีคำพิพากษาถึงที่สุด กรณีมีการใช้อำนาจโดยมิชอบหรือจัดการทรัพย์สินผิด
แม้โจทก์จะเคยฟ้องจำเลยต่อศาลขอให้เพิกถอน อำนาจปกครองบุตรและศาลได้พิพากษาตามยอมให้จำเลยเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตร คดีถึงที่สุดไปแล้ว แต่เมื่อต่อมาปรากฏว่ามีการใช้อำนาจปกครองเกี่ยวกับตัวเด็กโดยมิชอบ หรือจัดการทรัพย์สินของเด็กในทางที่ผิดจนอาจเป็นภัยศาลก็มีอำนาจสั่งถอนอำนาจปกครองหรืออำนาจจัดการทรัพย์เสียบางส่วนหรือทั้งหมดได้ โดยศาลจะสั่งเองหรือผู้มีสิทธิร้องขอก็ได้ โดยจะร้องขอมาในคดีเดิมหรือจะฟ้องเป็นคดีมีข้อพิพาทขึ้นมาใหม่ก็ได้ไม่เป็นฟ้องซ้ำ เพราะเหตุที่โจทก์กล่าวในฟ้องเป็นเหตุที่เกิดขึ้นใหม่ต่างกันคนละประเด็นกับคดีก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2047/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโต้แย้งสิทธิในทรัพย์สินและการฟ้องคดีใหม่: การบรรยายฟ้องที่เพียงพอถือเป็นการโต้แย้งสิทธิได้
คำฟ้องของโจทก์ที่บรรยายว่าจำเลยอ้างว่าทรัพย์ทั้งหมดตามฟ้องเป็นของจำเลยรับมรดกจากบุตรโจทก์ จำเลยจะให้โจทก์กินหรือให้อาศัยอยู่หรือไม่ก็ได้ เมื่อโจทก์จะขอประนอมการพิพาทโดยจะแบ่งทรัพย์ตามฟ้องและอื่น ๆ ให้จำเลย จำเลยก็ไม่ยอมรับนั้น เป็นการเพียงพอที่จะถือได้ว่า จำเลยโต้แย้งกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ซึ่งโจทก์อ้างว่าเป็นของโจทก์แล้ว โจทก์จึงชอบที่จะเสนอคดีต่อศาลได้
คดีเดิม ศาลชั้นต้นมีคำสั่งชี้ขาดเบื้องต้นว่า ฟ้องโจทก์นอกจากที่นา 1 แปลง ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ ให้ยกฟ้องคงให้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป เฉพาะฟ้องที่เกี่ยวกับที่นา โจทก์จึงมาฟ้องคดีใหม่เกี่ยวกับทรัพย์รายเดิม โดยบรรยายข้อเท็จจริงเพิ่มเติมให้เห็นว่าจำเลยได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์แล้วย่อมทำได้ หาเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำหรือฟ้องซ้ำไม่
of 54