พบผลลัพธ์ทั้งหมด 533 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 797/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการถอนผู้ปกครองและการคุ้มครองสวัสดิภาพผู้เยาว์
เมื่อผู้ใดร้องขอให้ศาลตั้งเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์ ไม่มีผู้ใดคัดค้านศาลได้ไต่สวนและสั่งตั้งผู้นั้นเป็นผู้ปกครองดังนี้จะเรียกว่าคดีถึงที่สุดอุทธรณ์ฎีกาต่อไปไม่ได้ก็เฉพาะเรื่องการตั้งผู้ปกครอง
ส่วนเรื่องการร้องขอให้ถอนผู้ปกครองนั้นเป็นอำนาจของศาลเองหรือสั่งเมื่อบุคคลผู้มีสิทธิร้องขอขึ้นมาตาม มาตรา1552,1574,1575และการร้องขอตามมาตราดังกล่าวไม่จำเป็นต้องทำเป็นคดีเรื่องใหม่ขึ้นมาอีกต่างหากจากสำนวนเดิม
ส่วนเรื่องการร้องขอให้ถอนผู้ปกครองนั้นเป็นอำนาจของศาลเองหรือสั่งเมื่อบุคคลผู้มีสิทธิร้องขอขึ้นมาตาม มาตรา1552,1574,1575และการร้องขอตามมาตราดังกล่าวไม่จำเป็นต้องทำเป็นคดีเรื่องใหม่ขึ้นมาอีกต่างหากจากสำนวนเดิม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 367/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องซ้ำเรื่องกรรมสิทธิที่ดินเมื่อศาลเคยชี้ขาดแล้วว่าผู้ซื้อได้มาโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน
ปรากฏว่าโจทก์ทั้งสองและจำเลยที่ 1 ได้เกี่ยวเป็นคู่ความในคดีพิพาทเรื่องที่ดินรายนี้มาครั้งหนึ่งแล้วและศาลได้วินิจฉัยชี้ขาดในดคีนั้นไว้แล้วว่าจำเลยที่ 1 ในคดีนี้ได้ซื้อที่พิพาทไว้โดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนทั้งได้จดทะเบียนสิทธิแล้วโจทก์ทั้งสองจะหยิบยกเอาการครอบครองโดยปรปักษ์มาต่อสู้ใช้ยันจำเลยที่ 1 ไม่ได้ แต่มาในคดีนี้โจทก์ฟ้องอ้างถึงกรรมสิทธิที่โจทก์ควรมีควรได้ตาม ป.พ.พ. ม.1300 ซึ่งในมาตราเดียวกันนี้วางข้อยกเว้นไว้และศาลได้ชี้ขาดในคดีก่อนตามประเด็นที่โต้เถียงกันตามข้อยกเว้นนี้ว่าจำเลยที่ 1 ได้รับโอนที่พิพาทมาโดยสุจริตและมีค่าตอบแทนฟ้องของโจทก์ในคดีนี้เห็นได้ชัดว่เพื่อประสงค์นำสืบถึงเหตุผลซึ่งโจทก์นำสืบไว้ในคดีก่อนไม่สมบูรณ์เท่านั้น การที่จำเลยที่ 2 มิได้เข้าเป็นคู่ความในคดีก่อนไม่เป็นเหตุให้โจทก์ฟ้องคดีนี้ได้เพราะต้องห้ามตาม ป.วิ.แพ่ง ม.144.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 367/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องซ้ำในประเด็นกรรมสิทธิ์ที่เคยมีคำพิพากษาแล้ว ศาลยกฟ้องเนื่องจากเป็นการนำสืบเหตุผลเดิมที่ไม่สมบูรณ์
ปรากฏว่าโจทก์ทั้งสองและจำเลยที่ 1 ได้เกี่ยวเป็นคู่ความในคดีพิพาทเรื่องที่ดินรายนี้มาครั้งหนึ่งแล้วและศาลได้วินิจฉัยชี้ขาดในคดีนั้นไว้แล้วว่าจำเลยที่ 1 ในคดีนี้ได้ซื้อที่พิพาทไว้โดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนทั้งได้จดทะเบียนสิทธิแล้วโจทก์ทั้งสองจะหยิบยกเอาการครอบครองโดยปรปักษ์มาต่อสู้ใช้ยันจำเลยที่ 1 ไม่ได้แต่มาในคดีนี้โจทก์ฟ้องอ้างถึงกรรมสิทธิ์ที่โจทก์ควรมีควรได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1300 ซึ่งในมาตราเดียวกันนี้วางข้อยกเว้นไว้และศาลได้ชี้ขาดในคดีก่อนตามประเด็นที่โต้เถียงกันตามข้อยกเว้นนี้ว่าจำเลยที่ 1 ได้รับโอนที่พิพาทมาโดยสุจริตและมีค่าตอบแทนฟ้องของโจทก์ในคดีนี้เห็นได้ชัดว่าเพื่อประสงค์นำสืบถึงเหตุผลซึ่งโจทก์นำสืบไว้ในคดีก่อนไม่สมบูรณ์เท่านั้นการที่จำเลยที่ 2 มิได้เข้าเป็นคู่ความในคดีก่อนไม่เป็นเหตุให้โจทก์ฟ้องคดีนี้ได้เพราะต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา144
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 877/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความเปลี่ยนแปลงได้ แต่ต้องไม่ขัดแย้งกับคำพิพากษาเดิม หากผิดสัญญาอีกฝ่ายไม่ต้องผูกพัน
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในศาล เอาที่ดินพิพาทประมูลระหว่างกันเอง ถ้าไม่ตกลงให้เอาขายทอดตลาด ต่อมาโจทก์จำเลยได้แถลงต่อศาลว่า ไม่สามารถจะตกลงกันในวิธีการประมูลได้ทั้งสองฝ่ายจึงขอให้ขายทอดตลาด ศาลได้เรียกคู่ความมาสอบถาม ทั้งสองฝ่ายขอให้ศาลถือข้อตกลงใหม่แทนการที่จะประมูลหรือบังคับคดี แต่ฝ่ายโจทก์กลับเป็นฝ่ายผิดข้อตกลงตามที่ได้ตกลงกันใหม่นั้น จำเลยจึงไม่จำเป็นจะต้องปฏิบัติการตามข้อตกลงใหม่นั้น แต่ยังคงต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาท้ายยอม คือให้ขายทอดตลาดเอาเงินมาแบ่งกันตามคำพิพากษาท้ายยอม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 346/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลสั่งเปลี่ยนแปลงหน้าที่นำสืบ และอำนาจฟ้องของผู้เช่า
คำสั่งศาลที่สั่งในเรื่องหน้าที่นำสืบนั้น เมื่อสั่งให้ฝ่ายใดเป็นฝ่ายมีหน้าที่นำสืบก่อนแล้วก็ดี ภายหลังก็ย่อมมีอำนาจสั่งเปลี่ยนแปลงได้เพราะไม่มีกฎหมายใดบัญญัติห้ามไว้และเมื่อศาลสั่งแก้แล้ว คู่ความมิได้โต้แย้งไว้ ก็ย่อมอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้ ตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 226
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 346/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลแก้ไขหน้าที่นำสืบ และผลของการไม่โต้แย้งคำสั่ง
คำสั่งศาลที่สั่งในเรื่องหน้าที่นำสืบนั้น เมื่อสั่งให้ฝ่ายใดเป็นฝ่ายมีหน้าที่นำสืบก่อนแล้วก็ดี ภายหลังก็ย่อมมีอำนาจสั่งเปลี่ยนแปลงได้เพราะไม่มีกฎหมายใดบัญญัติห้ามไว้ และเมื่อศาลสั่งแก้แล้ว คู่ความมิได้โต้แย้งไว้ก็ย่อมอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 105/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลและฟ้องซ้ำ: คดีเลิกหุ้นส่วนที่ไม่เกินอำนาจศาลแขวง
โจทก์ฟ้องขอเลิกหุ้นส่วนและตั้งผู้ชำระบัญชี ไม่ใช่เป็นเรื่องเรียกร้องทรัพย์สิน หรือส่วนแบ่งอย่างใด จึงเป็นคดีมีคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้หรืออีกนัยหนึ่งเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ เพราะโจทก์ไม่ได้เรียกร้องทรัพย์สิน และคดีก็ไม่ได้พิพาทกันว่าทรัพย์สินในหุ้นส่วนนี้มีอะไรบ้างคดีอยู่ในอำนาจของศาลแขวงที่จะพิจารณาได้
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144เป็นเรื่องห้ามมิให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาในคดีเดิมที่ได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดแล้วใหม่อีก ส่วนมาตรา148 ห้ามมิให้คู่ความมาฟ้องซ้ำ
โจทก์ฟ้องคดีต่อศาลแขวง ศาลแขวงพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่าเป็นคดีเกินอำนาจศาลแขวง โจทก์มิได้อุทธรณ์คงนำคดีนั้นไปฟ้องยังศาลแพ่งศาลแพ่งพิพากษายกฟ้องอีกโดยวินิจฉัยว่า เป็นคดีอยู่ในอำนาจศาลแขวงโจทก์จึงมายื่นฟ้องต่อศาลแขวงอีกครั้งหนึ่งดังนี้ เป็นเรื่องโจทก์มาฟ้องเป็นคดีใหม่กรณีไม่ใช่มาตรา 144 และไม่ต้องห้ามตามมาตรา 148 เพราะศาลยังมิได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดในเรื่องอันเป็นมูลฟ้องนั้นศาลแขวงต้องรับฟ้องโจทก์ไว้ดำเนินคดีต่อไป
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144เป็นเรื่องห้ามมิให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาในคดีเดิมที่ได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดแล้วใหม่อีก ส่วนมาตรา148 ห้ามมิให้คู่ความมาฟ้องซ้ำ
โจทก์ฟ้องคดีต่อศาลแขวง ศาลแขวงพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่าเป็นคดีเกินอำนาจศาลแขวง โจทก์มิได้อุทธรณ์คงนำคดีนั้นไปฟ้องยังศาลแพ่งศาลแพ่งพิพากษายกฟ้องอีกโดยวินิจฉัยว่า เป็นคดีอยู่ในอำนาจศาลแขวงโจทก์จึงมายื่นฟ้องต่อศาลแขวงอีกครั้งหนึ่งดังนี้ เป็นเรื่องโจทก์มาฟ้องเป็นคดีใหม่กรณีไม่ใช่มาตรา 144 และไม่ต้องห้ามตามมาตรา 148 เพราะศาลยังมิได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดในเรื่องอันเป็นมูลฟ้องนั้นศาลแขวงต้องรับฟ้องโจทก์ไว้ดำเนินคดีต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 105/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีเลิกหุ้นส่วนไม่มีทุนทรัพย์: ศาลแขวงมีอำนาจพิจารณา แม้เคยมีคำพิพากษายกฟ้องมาก่อน ไม่ขัดมาตรา 144/148
โจทก์ฟ้องขอเลิกหุ้นส่วนและตั้งผู้ชำระบัญชี ไม่ใช่เป็นเรื่องเรียกร้องทรัพย์สิน หรือส่วนแบ่งอย่างใด จึงเป็นคดีมีคำขอปลดเปลื้องทุกข์ อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้หรืออีกนัยหนึ่งเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ เพราะโจทก์ไม่ได้เรียกร้องทรัพย์สิน และคดีก็ไม่ได้พิพาทกันว่าทรัพย์สินในหุ้นส่วนนี้มีอะไรบ้าง คดีอยู่ในอำนาจของศาลแขวงที่จะพิจารณาได้
ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 144 เป็นเรื่องห้ามมิให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาในคดีเดิมที่ได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดแล้วใหม่อีก ส่วนมาตรา 148 ห้ามมิให้คู่ความฟ้องซ้ำ
โจทก์ฟ้องคดีต่อศาลแขวงๆพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่าเป็นคดีเกินอำนาจศาลแขวง โจทก์มิได้อุทธรณ์คงนำคดีนั้นไปฟ้องยังศาลแพ่ง ศาลแพ่งพิพากษายกฟ้องอีก
โดยวินิจฉัยว่า เป็นคดีอยู่ในอำนาจศาลแขวง โจทก์จึงมายื่นฟ้องต่อศาลแขวงอีกครั้งหนึ่ง ดังนี้ เป็นเรื่องโจทก์มาฟ้องเป็นคดีใหม่ กรณีไม่ใช่มาตรา 144 และไม่ต้องห้ามตามมาตรา 148 เพราะศาล-ยังมิได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดในเรื่องอันเป็นมูลฟ้องนั้น ศาลแขวงต้องรับฟ้องโจทก์ไว้ดำเนินคดีต่อไป
ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 144 เป็นเรื่องห้ามมิให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาในคดีเดิมที่ได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดแล้วใหม่อีก ส่วนมาตรา 148 ห้ามมิให้คู่ความฟ้องซ้ำ
โจทก์ฟ้องคดีต่อศาลแขวงๆพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่าเป็นคดีเกินอำนาจศาลแขวง โจทก์มิได้อุทธรณ์คงนำคดีนั้นไปฟ้องยังศาลแพ่ง ศาลแพ่งพิพากษายกฟ้องอีก
โดยวินิจฉัยว่า เป็นคดีอยู่ในอำนาจศาลแขวง โจทก์จึงมายื่นฟ้องต่อศาลแขวงอีกครั้งหนึ่ง ดังนี้ เป็นเรื่องโจทก์มาฟ้องเป็นคดีใหม่ กรณีไม่ใช่มาตรา 144 และไม่ต้องห้ามตามมาตรา 148 เพราะศาล-ยังมิได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดในเรื่องอันเป็นมูลฟ้องนั้น ศาลแขวงต้องรับฟ้องโจทก์ไว้ดำเนินคดีต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1309/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ไม่ใช่การดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ แม้คำร้องแรกถูกยกไปแล้ว ศาลต้องไต่สวนคำร้องใหม่
จำเลยผู้ขาดนัดพิจารณายื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาคดีใหม่ แต่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องเสียโดยอ้างว่า มิได้บรรยายครบองค์ตาม มาตรา 208 แห่ง ป.ม.วิ.แพ่ง ในวันเดียวกันนั้น จำเลยยื่นคำร้องใหม่ ดังนี้ ศาลต้องไต่สวนและมีคำสั่งไปตามรูปคดี จะถือว่าเป็นเรื่องดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำตามความหมายแพ่งมาตรา 144 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1309/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่หลังขาดนัด และการไม่ถือเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ
จำเลยผู้ขาดนัดพิจารณายื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาคดีใหม่แต่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องเสียโดยอ้างว่า มิได้บรรยายครบองค์ตาม มาตรา 208 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ในวันเดียวกันนั้น จำเลยยื่นคำร้องใหม่ ดังนี้ ศาลต้องไต่สวนและมีคำสั่งไปตามรูปคดี จะถือว่าเป็นเรื่องดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำตามความหมายแห่งมาตรา 144 ไม่ได้