พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,756 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1683/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตบังคับคดีตามสัญญาประนีประนอม และการยกเหตุถูกหลอกลวงในชั้นฎีกา
เดิมโจทก์ฟ้องบังคับจำนอง ที่สุดโจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยจำเลยยอมชำระให้โจทก์ภายใน 6 เดือน ศาลจึงพิพากษาบังคับให้เป็นไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความแล้ว จำเลยผิดสัญญาตามยอม โจทก์นำยึดทรัพย์จำเลยได้ไม่พอชำระหนี้ ดังนี้เมื่อในสัญญาประนีประนอมยอมความมิได้กล่าวว่าจะบังคับเอาชำระหนี้ได้แต่เฉพาะทรัพย์สินที่จำนองกันไว้แล้วโจทก์ก็ชอบที่จะบังคับเอาชำระหนี้ตามคำพิพากษาจากทรัพย์ใดๆ ของจำเลยได้
อนึ่งเมื่อจำเลยปล่อยให้มีการบังคับคดีไปตามคำพิพากษาส่วนหนึ่งแล้วจะยกเอาเหตุว่าจำเลยถูกหลอกลวงให้ทำสัญญาประนีประนอมขึ้นในชั้นฎีกาไม่ได้ เหตุดังกล่าวจำเลยชอบที่จะอุทธรณ์คำพิพากษาตามยอมนั้นเสียในชั้นอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 138
อนึ่งเมื่อจำเลยปล่อยให้มีการบังคับคดีไปตามคำพิพากษาส่วนหนึ่งแล้วจะยกเอาเหตุว่าจำเลยถูกหลอกลวงให้ทำสัญญาประนีประนอมขึ้นในชั้นฎีกาไม่ได้ เหตุดังกล่าวจำเลยชอบที่จะอุทธรณ์คำพิพากษาตามยอมนั้นเสียในชั้นอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 138
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1571/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำกรณีแบ่งที่ดินตามสัญญาประนีประนอม การบังคับคดีต้องเป็นไปตามสัญญาเดิม หากมีข้อพิพาทเรื่องเนื้อที่ต้องพิสูจน์ในคดีเดิม
คดี+คำพิพากษาถึงที่สุดตามสัญญาประนีประนอมให้แบ่งที่ดินกันระหว่างคู่ความเป็นส่วน ๆ แต่ชั้นบังคับคดีเกิดมีปัญหาในเรื่องเนื้อที่ของที่ดินที่จะแบ่งและศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งชี้ขาดไปแล้ว หากคู่ความเห็นว่าศาลชั้นต้นสั่งไม่ถูกต้องประการใดก็ชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งนั้นต่อไปจะฟ้องเป็นคดีใหม่ไม่ได้เป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1571/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำหลังมีคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมเรื่องแบ่งที่ดิน ศาลฎีกาตัดสินว่าเป็นการฟ้องซ้ำ
คดีมีคำพิพากษาถึงที่สุดตามสัญญาประนีประนอมให้แบ่งที่ดินกันระหว่างคู่ความเป็นส่วนๆ แต่ชั้นบังคับคดีเกิดมีปัญหาในเรื่องเนื้อที่ของที่ดินที่จะแบ่ง และศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งชี้ขาดไปแล้ว หากคู่ความเห็นว่าศาลชั้นต้นสั่งไม่ถูกต้องประการใด ก็ชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งนั้นต่อไป จะฟ้องเป็นคดีใหม่ไม่ได้ เป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1571/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำหลังมีคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอม การบังคับคดีต้องเป็นไปตามคำพิพากษาเดิม
คดีมีคำพิพากษาถึงที่สุดตามสัญญาประนีประนอมให้แบ่งที่ดินกันระหว่างคู่ความเป็นส่วนๆ แต่ชั้นบังคับคดีเกิดมีปัญหาในเรื่องเนื้อที่ของที่ดินที่จะแบ่ง และศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งชี้ขาดไปแล้ว หากคู่ความเห็นว่าศาลชั้นต้นสั่งไม่ถูกต้องประการใด ก็ชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งนั้นต่อไป จะฟ้องเป็นคดีใหม่ไม่ได้ เป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1050/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์โดยสุจริตของผู้บังคับคดีไม่เป็นละเมิด แม้จะยึดทรัพย์ผิดแปลง
จ้าหนี้นำยึดบ้านเรือน โดยมีเหตุผลให้เชื่อโดยสุจริตวา บ้านเรือนที่ยึดเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาจนขายทอดตลาดบ้านเรือนนั้นไป ดังนี้ ย่อมถือได้ว่าเป็นการกระทำที่โดยใช้สิทธิทางศาล เมื่อเจ้าหนี้หรือผู้แทนกระทำไปโดยมิได้ประมาทเลินเล่อแต่อย่างใดแล้ว ถึงแม้จะปรากฎว่าบ้านเรือนที่นำยึดเป็นของผู้อื่นก็ดี การกระทำของเจ้าหนี้ก็ไม่เป็นการละเมิด
(อ้างฎีกาที่ 960/2485)
(อ้างฎีกาที่ 960/2485)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 267/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ที่ดินตามคำสั่งศาล ต้องเป็นไปตามระเบียบกฎกระทรวง ไม่ขัดต่อคำสั่งศาล
การขอจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ที่ดิน ซึ่งได้มาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 นั้นจะต้องผ่านศาลทุกเรื่องและเมื่อศาลมีคำสั่งให้ได้กรรมสิทธิ์ที่ตามนั้นแล้ว ก็มีกฎกระทรวงมหาดไทยออกตามความใน พระราชบัญญัติออกโฉนดที่ดิน(ฉบับที่ 7) พ.ศ.2486 วางวิธีปฏิบัติไว้ในอันที่จะให้เกิดผลตามคำสั่งนั้นโดยรอบคอบ
ศาลมีคำสั่งให้หอทะเบียนออกใบแทนโฉนดให้ใหม่ แล้วแก้ทะเบียนใส่ชื่อผู้ร้องเป็นผู้รับมรดกนาโฉนดนั้น ถ้าผู้ร้องไม่ได้นำหนังสือสำหรับที่ดินไปแสดงก็จำต้องปฏิบัติตามกฎกระทรวงมหาดไทยที่กล่าวแล้วตามหมวด1ข้อ1(2)คือจะต้องทำการรังวัดใหม่ แล้วออกโฉนดให้ใหม่ ผู้ร้องจะขอให้ศาลบังคับเจ้าพนักงานที่ดินให้ออกใบแทนโฉนดไปทีเดียวไม่ได้ และการที่เจ้าพนักงานจะต้องปฏิบัติไปตามกฎกระทรวงดังกล่าวแล้ว ก็หาเป็นการขัดแย้งต่อคำสั่งศาลที่จะให้ผู้ร้องได้รับกรรมสิทธิ์ในนาแปลงนั้นแต่ประการใดไม่ศาลจึงไม่ควรบังคับเจ้าพนักงานที่ดินให้ปฏิบัติฝ่าฝืนระเบียบตามกฎกระทรวง
ศาลมีคำสั่งให้หอทะเบียนออกใบแทนโฉนดให้ใหม่ แล้วแก้ทะเบียนใส่ชื่อผู้ร้องเป็นผู้รับมรดกนาโฉนดนั้น ถ้าผู้ร้องไม่ได้นำหนังสือสำหรับที่ดินไปแสดงก็จำต้องปฏิบัติตามกฎกระทรวงมหาดไทยที่กล่าวแล้วตามหมวด1ข้อ1(2)คือจะต้องทำการรังวัดใหม่ แล้วออกโฉนดให้ใหม่ ผู้ร้องจะขอให้ศาลบังคับเจ้าพนักงานที่ดินให้ออกใบแทนโฉนดไปทีเดียวไม่ได้ และการที่เจ้าพนักงานจะต้องปฏิบัติไปตามกฎกระทรวงดังกล่าวแล้ว ก็หาเป็นการขัดแย้งต่อคำสั่งศาลที่จะให้ผู้ร้องได้รับกรรมสิทธิ์ในนาแปลงนั้นแต่ประการใดไม่ศาลจึงไม่ควรบังคับเจ้าพนักงานที่ดินให้ปฏิบัติฝ่าฝืนระเบียบตามกฎกระทรวง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1718/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปฏิบัติตามหมายบังคับคดี: ผู้เช่าไม่อาจขอครอบครองที่ดินหลังศาลมีคำสั่งขับไล่
ศาลพิพากษาให้ขับไล่ผู้เช่านาออกจากนาของผู้ให้เช่า และออกคำบังคับแล้วผู้เช่าจะร้องขอครอบครองนานั้นต่อไปจนกว่าจะเสร็จการเก็บเกี่ยว ตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 571 ไม่ได้เพราะเป็นเรื่องที่จะต้องปฏิบัติตามคำบังคับและหมายบังคับของศาล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1718/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปฏิบัติตามคำบังคับศาล: ผู้เช่าไม่อาจขอครอบครองที่ดินหลังถูกขับไล่ แม้จะอยู่ในช่วงเก็บเกี่ยว
ศาลพิพากษาให้ขับไล่ผู้เช่านาออกจากนาของผู้ให้เช่าและออกคำบังคับแล้ว ผู้เช่าจะร้องขอครอบครองนานั้นต่อไป จนกว่าจะเสร็จการเก็บเกี่ยว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 571 ไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องที่จะต้องปฏิบัติตามคำบังคับและหมายบังคับของศาล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1256/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีค่าเช่า: การปลดหนี้ต้องทำเป็นหนังสือ และห้ามเถียงในชั้นบังคับคดีประเด็นที่ยุติแล้ว
โจทก์ฟ้องจำเลยขอให้ชำระค่าเช่าที่ค้างและตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะส่งมอบสถานที่เช่าแก่โจทก์ จำเลยก็มิได้ต่อสู้ว่าจำเลยไม่ได้อยู่ในสถานที่เช่า จนศาลพิพากษาให้จำเลยชำระค่าเช่าตามฟ้องโจทก์และบังคับจำเลยตามคำพิพากษาแล้ว จำเลยจะกลับมาเถียงในชั้นบังคับคดีว่าโจทก์ไม่มีสิทธิบังคับเอาค่าเช่าดังกล่าวแล้วจากจำเลยเพราะมีคนอื่นเช่าไป และจำเลยไม่เคยครอบครองสถานที่เช่าดังนี้เป็นการเถียงฝืนคำพิพากษาและคำบังคับคดีที่ออกบังคับแก่จำเลย ย่อมฟังไม่ได้
การปลดหนี้ค่าเช่าบ้านซึ่งมีคำพิพากษาให้ใช้หนี้นั้นแล้วต้องทำเป็นหนังสือ หนังสือที่โจทก์มีถึงคนภายนอกไม่ใช่หนังสือที่จำเลยจะอ้างได้ว่าเป็นหนังสือปลดหนี้ที่โจทก์ทำให้จำเลย
การปลดหนี้ค่าเช่าบ้านซึ่งมีคำพิพากษาให้ใช้หนี้นั้นแล้วต้องทำเป็นหนังสือ หนังสือที่โจทก์มีถึงคนภายนอกไม่ใช่หนังสือที่จำเลยจะอ้างได้ว่าเป็นหนังสือปลดหนี้ที่โจทก์ทำให้จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1256/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีค่าเช่า: การปลดหนี้ต้องทำเป็นหนังสือ และห้ามเถียงฝืนคำพิพากษาในชั้นบังคับคดี
โจทก์ฟ้องจำเลยขอให้ชำระค่าเช่าที่ค้างและตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะส่งมอบสถานที่เช่าแก่โจทก์ จำเลยก็มิได้ต่อสู้ว่าจำเลยไม่ได้อยู่ในสถานที่เช่า จนศาลพิพากษาให้จำเลยชำระค่าเช่าตามฟ้องโจทก์ และบังคับจำเลยตามคำพิพากษาแล้ว จำเลยจะกลับมาเถียงในชั้นบังคับคดีว่าโจทก์ไม่มีสิทธิบังคับเอาค่าเช่าดังกล่าวแล้วจากจำเลยเพราะมีคนอื่นเช่าไป และจำเลยไม่เคยครอบครองสถานที่เช่า ดังนี้เป็นการเถียงฝืนคำพิพากษาและคำบังคับคดีที่ออกบังคับแก่จำเลยย่อมฟังไม่ได้
การปลดหนี้ค่าเช่าบ้านซึ่งมีคำพิพากษาให้ใช้หนี้นั้นแล้ว ต้องทำเป็นหนังสือ หนังสือที่โจทก์มีถึงคนภายนอกไม่ใช่หนังสือที่จำเลยจะอ้างได้ว่าเป็นหนังสือปลดหนี้ที่โจทก์ทำให้จำเลย
การปลดหนี้ค่าเช่าบ้านซึ่งมีคำพิพากษาให้ใช้หนี้นั้นแล้ว ต้องทำเป็นหนังสือ หนังสือที่โจทก์มีถึงคนภายนอกไม่ใช่หนังสือที่จำเลยจะอ้างได้ว่าเป็นหนังสือปลดหนี้ที่โจทก์ทำให้จำเลย