คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 271

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,756 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1110/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการส่งมอบเอกสารสิทธิเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์ตามคำพิพากษา
ทำสัญญากู้เงินเขาแล้วมอบใบแทนโฉนดตราจองซึ่งมีชื่อผู้กู้เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ให้ผู้ให้กู้ยึดถือไว้จนกว่าจะชำระเงินเสร็จ ภายหลัง ผู้กู้ถูกผู้อื่นฟ้องอ้างว่า ผู้กู้แจ้งเท็จต่อเจ้าพนักงานใส่ชื่อผู้กู้ในโฉนดผู้กู้จึงยอมความในศาล ยอมรับว่าที่ดินนั้นเป็นของผู้อื่นนั้น และยอมให้ศาลสั่งเจ้าพนักงานที่ดินทำการเพิกถอนการโอนที่ผู้กู้ก่อขึ้นเสียและจดทะเบียนโอนมาเป็นของผู้อื่นที่ฟ้องนั้นดังนี้ เมื่อปรากฏว่าใบแทนโฉนดอยู่ที่ผู้ให้กู้ยึดถือไว้ศาลหรือเจ้าพนักงานบังคับคดีชอบที่จะหมายเรียกใบแทนโฉนดนั้นมาจากผู้ให้กู้เพื่อจัดการตามคำบังคับได้ แต่ถ้าศาลหรือเจ้าพนักงานมิได้จัดการดังกล่าวนั้น ผู้ชนะคดีก็ย่อมฟ้องผู้ให้กู้เป็นจำเลย ขอให้ศาลบังคับให้ผู้ให้กู้ส่งใบแทนโฉนดนั้นมาเพื่อจัดการให้เป็นไปตามคำพิพากษาในคดีก่อนนั้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1110/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการส่งมอบเอกสารสิทธิ แม้มีข้อพิพาทเรื่องหนี้สิน ผู้ให้กู้ต้องส่งมอบเอกสารให้เจ้าหนี้บังคับคดีตามคำพิพากษา
ทำสัญญากู้เงินเขาแล้วมอบใบโฉนดตราจองซึ่งมีชื่อผู้กู้เป็นผู้ถือกรรมสิทธิให้ผู้ให้กู้ยึดถือไว้จนกว่าจะชำระเงินเสร็จภายหลังผู้กู้ถูกผู้อื่นฟ้องอ้างว่า ผู้กู้แจ้งเท็จต่อเจ้าพนักงานใส่ชื่อผู้กู้ในโฉนดผู้กู้จึงยอมความในศาล ยอมรับว่าที่ดินนั้นเป็นของผู้อื่นนั้นและยอมให้ศาลสั่งเจ้าพนักงานที่ดินทำการเพิกถอนการโอนที่ผู้กู้ก่อขึ้นเสียและจดทะเบียนโอนมาเป็นของผู้อื่นที่ฟ้องนั้นดังนี้ เมื่อปรากฎว่าใบแทนโฉนดอยู่ที่ผู้ให้กู้ยึดถือไว้ ศาลหรือเจ้าพนักงานบังคับคดีชอบที่จะหมายเรียกใบแทนโฉนดนั้นมาจากผู้ให้กู้ เพื่อจัดการตามคำบังคับได้ แต่ถ้าศาลหรือเจ้าพนักงานมิได้จัดการดังกล่าวนั้น ผู้ชนะคดีก็ย่อมฟ้องผู้ให้กู้เป็นจำเลย ขอให้ศาลบังคับให้ผู้ให้กู้ส่งใบแทนโฉนดนั้นมาเพื่อจัดการให้เป็นไปตามคำพิพากษาในคดีก่อนนั้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 851/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงแบ่งที่ดินไม่ชัดเจน ศาลอนุญาตให้ประมูลได้
ศาลพิพากษาแบ่งที่ดินให้โจทก์จำเลยคนละครึ่ง ถ้าแบ่งไม่ตกลงกัน ก็ให้ประมูลหรือขายทอดตลาด โจทก์จำเลยตกลงกันว่าโจทก์เลือกเอาที่ดินด้านตะวันออก จำเลยเอาด้านตะวันตกคนละครึ่ง แต่ไม่ได้ตกลงกันให้แน่นอนว่าจะตั้งต้นวัดแบ่งจากจุดใดจุดหนึ่งของที่ดินด้านเหนือหรือด้านใต้ ดังนี้ เมื่อการรังวัดแบ่งแยกของเจ้าพนักงานไม่เป็นที่พึงพอใจของคู่ความหรือพอใจแต่ฝ่ายเดียวเช่นนี้ ต้องฟังว่าการแบ่งที่ดินไม่ตกลงกันตามคำพิพากษา ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งขอถอนข้อตกลงที่ไม่แน่นอนนั้น และขอให้ประมูลหรือขายทอดตลาดได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 851/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงแบ่งที่ดินไม่ชัดเจน ศาลอนุญาตให้ประมูลได้
ศาลพิพากษาแบ่งที่ดินให้โจทก์จำเลยคนละครึ่งถ้าแบ่งไม่ตกลงกัน ก็ไห้ประมูลหรือขายทอดตลาด โจทก์จำเลยตกลงกันว่า โจทก์เลือกเอาที่ดินด้านตะวันออก จำเลยเอาด้านตะวันตกคนละครึ่ง แต่ไม่ได้ตกลงกันให้แน่นอนว่าจะตั้งต้นวัดแบ่งจากจุดใจจุดหนึ่งของที่ดินด้านเหนือ หรือด้านใต้ ดังนี้ เมื่อการรังวัดแบ่งแยกของเจ้าพนักงานไม่เป็นที่พึงพอใจของคู่ความหรือพอใจแต่ฝ่ายเดียวเช่นนี้ ต้องฟังว่าการแบ่งที่ดินไม่ตกลงกันตามคำพิพากษา ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งขอถอนข้อตกลงที่ไม่แน่นอนนั้น และขอให้ประมูลหรือขายทอดตลาดได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 791/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งมรดกที่ดินร่วม เมื่อตกลงแบ่งไม่ได้ ศาลบังคับขายทอดตลาดได้ แม้ผู้รับมรดกบางส่วนไม่ประสงค์
ศาลพิพากษาให้แบ่งมรดกที่ดินออกเป็น 2 ส่วน ให้โจทก์จำเลยได้คนละส่วนเท่ากัน ถ้าไม่ตกลงในการแบ่งที่ดินให้ประมูลราคาหรือขายทอดตลาดแบ่งเงินกันนั้น ถ้าฝ่ายหนึ่งไม่ประสงค์แบ่งที่ดินหรือประมูลราคา ก็ต้องขายทอดตลาด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 791/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งมรดกที่ดินร่วม: ศาลบังคับคดตามคำพิพากษา หากตกลงแบ่งไม่ได้ให้ขายทอดตลาดได้ แม้ผู้รับมรดกบางส่วนไม่ยินยอม
ศาลพิพากษาให้แบ่งมรดกที่ดินออกเป็น 2 ส่วน ให้โจทก์จำเลยได้คนละสวนเท่ากัน ถ้าไม่ตกลงในการแบ่งที่ดินในประมูลราคาหรือขายทอดตลาดแบ่งเงินกันนั้น ถ้าฝ่ายหนึ่งไม่ประสงค์แบ่งที่ดินหรือประมูลราคา ก็ต้องขายทอดตลาด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1381/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้ตามคำพิพากษา: ผู้รับชำระหนี้ที่ถูกต้องและการระงับความสัมพันธ์ตัวแทน
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับ ร.และด. จำเลยขายที่นาพิพาทให้โจทก์ ศาลพิพากษาว่า ร.จำเลยเป็นเจ้าของนา ส่วนด. จำเลยเป็นแต่เพียงตัวแทนไม่ต้องรับผิด จึงให้ ร. จำเลยขายนาให้แก่โจทก์ๆ ได้ครอบครองที่นานั้นอยู่แล้ว โจทก์มีหน้าที่ชำระราคาให้แก่ ร. ตามคำพิพากษา แต่โจทก์กลับไปชำระราคาให้แก่ ด. จำเลยอีกคนหนึ่ง ซึ่งศาลพิพากษายกฟ้องไปแล้ว ดังนี้ โจทก์ไม่พ้นความรับผิด. ร. จำเลยมีสิทธิขอให้ศาลยึดที่นาของโจทก์ขายชำระหนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1039/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สินส่วนตัวของภริยาจากการทำสัญญา และการยึดทรัพย์สินของบุคคลนอกคดี
ก่อนมีการสมรส สามีภริยาได้ทำหนังสือสัญญากันถูกต้องตามกฎหมายไว้ต่อกันว่า ทรัพย์สินต่างๆ อันเป็นกรรมสิทธิ์ของภริยา ซึ่งมีอยู่ก่อนทำการสมรสรวมทั้งดอกผลที่จะเกิดขึ้นใหม่ภายหลัง สามียอมรับว่าเป็นสินส่วนตัวของภริยาตลอดไป ฉะนั้น ทรัพย์ที่ภริยาซื้อไว้ตั้งแต่ก่อนสมรส จึงเป็นสินส่วนตัวของภริยา ดังบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1464
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271,278,280เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะยึดทรัพย์สินส่วนตัวของผู้ร้อง ซึ่งเป็นบุคคลนอกคดีไม่ได้ แม้จะปรากฏว่าผู้ร้องเป็นภริยาจำเลยซึ่งต้องรับผิดในฐานลูกหนี้ร่วมด้วยก็ตาม
ทรัพย์สินส่วนตัวของภริยาซึ่งเป็นคนนอกคดี แต่เป็นลูกหนี้ร่วมกับสามีซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษานั้น ไม่ใช่เป็นทรัพย์สินตามนัยแห่งมาตรา 282 วรรคท้ายของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ซึ่งเจ้าพนักงานบังคับคดีอาจยึดหรืออายัดและเอาออกขายได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1039/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สินส่วนตัวของภริยาคู่สมรสที่ทำสัญญากันก่อนสมรส ยึดไม่ได้แม้เป็นลูกหนี้ร่วม
ก่อนมีการสมรส สามีภริยาได้ทำหนังสือสัญญากันถูกต้องตามกฎหมายไว้ต่อกันว่า ทรัพย์สินต่าง ๆ อันเป็นกรรมสิทธิของภริยา ซึ่งมีอยู่ก่อนทำการสมรสรวมทั้งดอกผลที่จะเกิดขึ้นใหม่ภายหลัง สามียอมรับว่าเป็นสินส่วนตัวของภริยาตลอดไป ฉะนั้น ทรัพย์ที่ภริยาซื้อไว้ตั้งแต่ก่อนสมรส จึงเป็นสินส่วนตัวของภริยา ดังบัญญัติไว้ใน ป.ม.แพ่งฯ มาตรา 1464.
ตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา 271, 278, 280 เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะยึดทรัพย์สินส่วนตัวของผู้ร้อง ซึ่งเป็นบุคคลนอกคดีไม่ได้ แม้จะปรากฎว่าผู้ร้องเป็นภริยาจำเลยซึ่งต้องรับผิดในฐานลูกหนี้ร่วมด้วยก็ตาม
ทรัพย์สินส่วนตัวของภรรยาซึ่งเป็นคนนอกคดี แต่เป็นลูกหนี้ร่วมกับสามีซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษานั้นไม่ใช่เป็นทรัพย์สินตามนัยแห่งมาตรา 282 วรรคท้ายของ ป.ม.วิ.แพ่ง ซึ่งเจ้าพนักงานบังคับคดีอาจยึดหรืออายัติและเอาออกขายได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 610/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตกลงยืดเวลาบังคับคดีมิใช่การยอมออกตามกฎหมาย จึงไม่ถือเป็นการฟ้องซ้ำ
ศาลชั้นต้นได้พิพากษาให้ขับไล่จำเลยออกจากที่เช่าจำเลยขอทุเลาการบังคับคดีศาลอุทธรณ์ได้ยกคำร้องขอทุเลาการบังคับ และนัดสอบถามจำเลยเรื่องให้ออกจากที่เช่า โจทก์จำเลยได้ยื่นคำแถลงต่อศาลร่วมกันว่า โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อกัน คือจำเลยยอมออกจากห้องพิพาทภายใน 3 เดือน ถ้าพ้นกำหนดนี้แล้วจำเลยยังไม่ออกจากห้องพิพาทจำเลยถือว่าได้ส่งคืนห้องให้แก่โจทก์แล้ว และยอมให้โจทก์ใช้สิทธิเข้าอยู่ในห้องนี้ได้ทันที และโจทก์ขอให้งดสอบถาม ดังนี้คำแถลงของโจทก์จำเลยเป็นแต่เพียงตกลงกันยืดเวลาในการบังคับคดีไปเท่านั้นมิใช่เป็นการยอมออกตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขันโจทก์จะนำมาฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยใหม่หาได้ไม่
of 176