คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 271

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,756 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2576/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของการทำสัญญาประนีประนอมยอมความ: ยุติบังคับคดีและสร้างสิทธิใหม่
คดีนี้ถึงที่สุดโดยศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยทั้งสี่แบ่งทรัพย์มรดกให้โจทก์จำนวน 9 ส่วนใน 21 ส่วน ในระหว่างบังคับคดีโจทก์ จำเลยทั้งสี่ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยศาลชั้นต้นรับรู้เป็นผู้ทำให้มีข้อตกลงกันไม่ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาคดีนี้ และให้ยุติคดีทุกคดีทั้งคดีที่พิพากษาแล้วและยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล และตกลงเกี่ยวกับทรัพย์สินกันใหม่ เมื่อโจทก์จำเลยทั้งสี่ได้ลงชื่อในสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวต่อหน้าศาลแล้ว จึงเป็นสัญญาที่ใช้บังคับได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 โดยมีผลทำให้การเรียกร้องซึ่งแต่ละฝ่ายได้ยอมสละนั้นระงับสิ้นไป และทำให้แต่ละฝ่ายได้สิทธิตามที่แสดงไว้ในสัญญานั้นว่าเป็นของตน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 852การบังคับคดีนี้และมูลหนี้ตามคำพิพากษาศาลฎีกาจึงเป็นอันระงับสิ้นไป โจทก์ จำเลยทั้งสี่จึงต้องปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าว เมื่อจำเลยผิดสัญญาดังกล่าว โจทก์หรือเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของโจทก์ชอบที่จะไปว่ากล่าวเอาแก่จำเลยตามสิทธิที่เกิดขึ้นตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นจะกลับมาขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีตามคำพิพากษาซึ่งมูลหนี้ระงับไปแล้วหาได้ไม่.(อ้าง ฎีกา 626/2491)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1765/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องล้มละลาย: การดำเนินการบังคับคดีสะดุดอายุความ
ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2516 โจทก์ได้ร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2516จากนั้นเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการชั้นบังคับคดีโดยยึดทรัพย์จำเลยและประกาศขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดหลายครั้งและศาลอนุญาตให้ขายทอดตลาดทรัพย์ได้เงินจากการขายทอดตลาดมาหักหนี้ตามคำพิพากษา เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2517 การดำเนินการชั้นบังคับคดีนับแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 2516 ถึงวันที่ 21 สิงหาคม 2517 เป็นการดำเนินการภายในสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษาคดีดังกล่าว ทั้งเป็นการกระทำอื่นใด นับว่ามีผลอย่างเดียวกับการฟ้องคดีเพื่อตั้งหลักฐานสิทธิเรียกร้องและเพื่อให้ใช้หนี้ตามที่เรียกร้อง ย่อมเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงนับตั้งแต่วันที่ 21 สิงหาคม 2517 ตามความในมาตรา 173 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โจทก์ฟ้องคดีล้มละลายนี้เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2517 ยังไม่ล่วงเลยกำหนดเวลาสิบปีฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 695/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ร่วมและขอบเขตการครอบครองที่ดิน: การปฏิบัติตามคำพิพากษาศาล
ศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีถึงที่สุดว่า โจทก์จำเลยมีกรรมสิทธิ์ร่วมกันในที่ดินพิพาท และต่างครอบครองเป็นส่วนสัดโดยส่วนของโจทก์ครอบครองเฉพาะบริเวณบ้านที่โจทก์ได้ครอบครองมาแต่เดิมเท่านั้น คำพิพากษาที่ถึงที่สุดดังกล่าวย่อมผูกพันคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 เมื่อโจทก์ต่อเติมตึกแถวของโจทก์ที่ครอบครองมาแต่เดิม โดยขยายพื้นที่เพิ่มขึ้นจึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จำเลยชอบที่จะร้องขอให้ศาลบังคับให้โจทก์ปฏิบัติตามคำพิพากษาได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 695/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างหลังมีคำพิพากษาถึงที่สุดเรื่องกรรมสิทธิ์ร่วมและการครอบครองที่ดิน
ศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีถึงที่สุดว่า โจทก์จำเลยมีกรรมสิทธิ์ร่วมกันในที่ดินพิพาท และต่างครอบครองเป็นส่วนสัดโดยส่วนของโจทก์ครอบครองเฉพาะบริเวณบ้านที่โจทก์ได้ครอบครองมาแต่เดิมเท่านั้น คำพิพากษาที่ถึงที่สุดดังกล่าวย่อมผูกพันคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 เมื่อโจทก์ต่อเติมตึกแถวของโจทก์ที่ครอบครองมาแต่เดิม โดยขยายพื้นที่เพิ่มขึ้นจึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จำเลยชอบที่จะร้องขอให้ศาลบังคับให้โจทก์ปฏิบัติตามคำพิพากษาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4017/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาในคดีมรดก: สิทธิรอคอยจนคดีถึงที่สุด
การที่ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีให้ตามที่โจทก์ขอแต่สั่งให้งดการบังคับคดีไว้ก่อนจนกว่าจะสิ้นระยะเวลาอุทธรณ์และจำเลยมิได้ขอให้ทุเลาการบังคับคดีนั้น แม้จำเลยทั้งสองมิได้อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นอันมีผลให้คำสั่งที่ให้งดการบังคับคดีดังกล่าวสิ้นสุดลง แต่เมื่อโจทก์ได้ขอหมายบังคับคดีภายในกำหนดสิบห้าวันนับแต่วันสิ้นระยะเวลาที่กำหนดไว้ในคำบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 260 (2) คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ความคุ้มครองชั่วคราวแก่โจทก์ก่อนพิพากษาตามมาตรา 254 (2) โดยการห้ามโอน ขาย ยักย้ายทรัพย์มรดกพิพาทนั้นย่อมมีผลอยู่ต่อไป
การบังคับคดีนั้นเป็นอำนาจของคู่ความที่ชนะคดีจะพิจารณาดำเนินการตามกฎหมาย เมื่อคดียังไม่ถึงที่สุดเพราะโจทก์อุทธรณ์และโจทก์ไม่อาจทราบได้ว่าจะได้รับส่วนแบ่งในทรัพย์พิพาทเป็นจำนวนเงินเท่าใด โจทก์ย่อมมีสิทธิรอให้คดีถึงที่สุดเสียก่อนจึงดำเนินการบังคับคดีต่อไป ทั้งการที่โจทก์ขอให้ห้ามโอนขาย ยักย้ายทรัพย์มรดกพิพาททั้งหมดก็เพราะโจทก์อ้างว่ามีสิทธิได้รับมรดก 1 ใน 3 ส่วนทุกรายการจึงไม่เป็นการห้ามเกินความจำเป็น
คำร้องของจำเลยที่ขอให้ศาลสั่งจำหน่ายและแบ่งทรัพย์มรดกพิพาทซึ่งศาลได้มีคำสั่งห้ามโอน ขาย ยักย้าย ดังกล่าวอันพออนุโลมได้ว่าเป็นการร้องขอเพื่อให้ศาลมีคำสั่งกำหนดวิธีการเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของผู้ขอในระหว่างพิจารณาหรือเพื่อบังคับตามคำพิพากษาดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264 นั้น เมื่อไม่มีเหตุผลเพียงพอ ศาลย่อมสั่งยกคำร้องโดยไม่จำต้องไต่สวน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4017/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาในคดีมรดก: ศาลยืนตามคำสั่งเดิม
การที่ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีให้ตามที่โจทก์ขอแต่สั่งให้งดการบังคับคดีไว้ก่อนจนกว่าจะสิ้นระยะเวลาอุทธรณ์และจำเลยมิได้ขอให้ทุเลาการบังคับคดีนั้น แม้จำเลยทั้งสองมิได้อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นอันมีผลให้คำสั่งที่ให้งดการบังคับคดีดังกล่าวสิ้นสุดลง แต่เมื่อโจทก์ได้ขอหมายบังคับคดีภายในกำหนดสิบห้าวันนับแต่วันสิ้นระยะเวลาที่กำหนดไว้ในคำบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 260(2) คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ความคุ้มครองชั่วคราวแก่โจทก์ก่อนพิพากษาตามมาตรา 254(2) โดยการห้ามโอน ขาย ยักย้ายทรัพย์มรดกพิพาทนั้นย่อมมีผลอยู่ต่อไป
การบังคับคดีนั้นเป็นอำนาจของคู่ความที่ชนะคดีจะพิจารณาดำเนินการตามกฎหมาย เมื่อคดียังไม่ถึงที่สุดเพราะโจทก์อุทธรณ์และโจทก์ไม่อาจทราบได้ว่าจะได้รับส่วนแบ่งในทรัพย์พิพาทเป็นจำนวนเงินเท่าใด โจทก์ย่อมมีสิทธิรอให้คดีถึงที่สุดเสียก่อนจึงดำเนินการบังคับคดีต่อไป ทั้งการที่โจทก์ขอให้ห้ามโอนขาย ยักย้ายทรัพย์มรดกพิพาททั้งหมดก็เพราะโจทก์อ้างว่ามีสิทธิได้รับมรดก 1 ใน 3ส่วนทุกรายการจึงไม่เป็นการห้ามเกินความจำเป็น
คำร้องของจำเลยที่ขอให้ศาลสั่งจำหน่ายและแบ่งทรัพย์มรดกพิพาทซึ่งศาลได้มีคำสั่งห้ามโอน ขาย ยักย้าย ดังกล่าวอันพออนุโลมได้ว่าเป็นการร้องขอเพื่อให้ศาลมีคำสั่งกำหนดวิธีการเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของผู้ขอในระหว่างพิจารณาหรือเพื่อบังคับตามคำพิพากษาดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264 นั้น เมื่อไม่มีเหตุผลเพียงพอ ศาลย่อมสั่งยกคำร้องโดยไม่จำต้องไต่สวน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4017/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการคุ้มครองชั่วคราวหลังศาลพิพากษาคดีมรดก การยึดทรัพย์เพื่อรอการบังคับคดีไม่เกินความจำเป็น
ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีตามคำขอของโจทก์ แต่สั่งให้งดการบังคับคดีไว้ก่อนจนกว่าจะสิ้นระยะเวลาอุทธรณ์ เมื่อจำเลยมิได้อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้น คำสั่งที่ให้งดการบังคับคดีย่อมสิ้นสุดลง แต่โจทก์ได้ขอหมายบังคับคดีภายในกำหนดสิบห้าวันตามป.วิ.พ. มาตรา 260(2) แล้ว คำสั่ง ศาลชั้นต้น ที่ให้ความคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาตามมาตรา 254(2) ย่อมมีผลอยู่ต่อไป การบังคับคดีเป็นอำนาจของคู่ความที่ชนะคดีจะพิจารณาดำเนินการตามกฎหมาย เมื่อคดียังไม่ถึงที่สุดเพราะโจทก์อุทธรณ์ และการที่โจทก์ขอให้ห้ามโอนขายยักย้ายทรัพย์มรดกพิพาททั้งหมดก็เพราะโจทก์อ้างว่ามีสิทธิได้รับมรดก 1 ใน 3 ส่วนทุกรายการ จึงไม่เป็นการห้ามเกินความจำเป็น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3102/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาษีจากการขายทอดตลาด: ผู้ซื้อมีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย และนำส่งต่อเจ้าพนักงานที่ดิน ไม่ใช่จ่ายให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา
เงินได้จากการขายทอดตลาดอสังหาริมทรัพย์ เป็นเงินได้พึงประเมินตาม ป.รัษฎากร มาตรา 40(8) และผู้ซื้อเป็นผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินมีหน้าที่หักภาษีเงินได้ตามมาตรา 50(5)(ข)และนำส่งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้รับจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมดังนั้นเงินที่ผู้ซื้อหักไว้เป็นภาษีเพื่อนำส่งพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมซึ่งผู้ซื้อมอบให้เจ้าพนักงานบังคับคดีไว้ ถือไม่ได้ว่าเป็นรายได้สุทธิจากการขายทอดตลาดที่จะนำไปจ่ายแก่เจ้าหน้าที่ตามคำพิพากษา โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้จึงไม่มีสิทธิที่จะขอรับเงินดังกล่าว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2769/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิบังคับคดีตามสัญญาประนีประนอมยอมความ แม้มีการโอนสิทธิ และการรุกล้ำทางภาระจำยอม
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน ศาลพิพากษาตามยอม คดีถึงที่สุดแล้ว แต่เมื่อจำเลยยังมิได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาตามยอมให้ครบถ้วนและถูกต้อง แม้โจทก์ทำหนังสือสัญญายกที่ดินสามยทรัพย์ให้บุตร และต่อมาบุตรโจทก์ได้ฟ้องจำเลยเกี่ยวกับทางภาระจำยอมรายเดียวกันนี้ก็ตาม สิทธิของโจทก์ที่จะขอให้บังคับคดีนี้ต่อไป อันเป็นบุคคลสิทธิก็ยังคงมีอยู่ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ และคำพิพากษาตามยอมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 วรรคแรก
จำเลยเป็นเจ้าของภารยทรัพย์ ปลูกสร้างตึกแถวรุกล้ำทางภาระจำยอมและถมดินลงในลำกระโดงสาธารณะให้โจทก์ใช้แทนทางภาระจำยอมเดิมบางส่วน เป็นการประกอบกรรมอันเป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภาระจำยอมลดไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1390 และเมื่อจำเลยกระทำดังกล่าวขึ้นภายหลังที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามยอมเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่ต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาตามยอมโจทก์ชอบที่จะขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนตึกแถวที่จำเลยปลูกสร้างรุกล้ำทางภาระจำยอม และทำทางภาระจำยอมให้อยู่ในสภาพที่โจทก์จะใช้ได้โดยสะดวกเหมือนเดิมได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2769/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิบังคับคดีตามคำพิพากษาตามยอม แม้มีการโอนสิทธิ และการรุกล้ำทางภาระจำยอม
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน ศาลพิพากษาตามยอมคดีถึงที่สุดแล้ว แต่เมื่อจำเลยยังมิได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาตามยอมให้ครบถ้วนและถูกต้อง แม้โจทก์ทำหนังสือสัญญายกที่ดินสามยทรัพย์ให้บุตร และต่อมาบุตรโจทก์ได้ฟ้องจำเลยเกี่ยวกับทางภาระจำยอมรายเดียวกันนี้ก็ตาม สิทธิของโจทก์ที่จะขอให้บังคับคดีนี้ต่อไป อันเป็นบุคคลสิทธิก็ยังคงมีอยู่ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ และคำพิพากษาตามยอมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 วรรคแรก
จำเลยเป็นเจ้าของภารยทรัพย์ ปลูกสร้างตึกแถวรุกล้ำทางภาระจำยอมและถมดินลงในลำกระโดงสาธารณะให้โจทก์ใช้แทนทางภาระจำยอมเดิมบางส่วน เป็นการประกอบกรรมอันเป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภาระจำยอมลดไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1390 และเมื่อจำเลยกระทำดังกล่าวขึ้นภายหลังที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามยอมเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่ต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาตามยอมโจทก์ชอบที่จะขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนตึกแถวที่จำเลยปลูกสร้างรุกล้ำทางภาระจำยอม และทำทางภาระจำยอมให้อยู่ในสภาพที่โจทก์จะใช้ได้โดยสะดวกเหมือนเดิมได้.
of 176