พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,756 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1040/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประมูลทำนาและการบังคับตามสัญญา หากไม่ปฏิบัติตามสัญญาประมูล ศาลมีอำนาจบังคับยึดทรัพย์ได้
โจทก์จำเลยพิพาทโต้เถียงกรรมสิทธิ์ที่นาในระหว่างคดีโจทก์ประมูลการทำนาพิพาทได้โดยจะวางเงินจำนวนหนึ่งต่อศาลเป็นรายปีโจทก์วางเงินสำหรับการทำนาปี2524แล้วต่อมาปี2525โจทก์ยื่นคำแถลงขอยกเลิกการประมูลจำเลยแถลงคัดค้านศาลชั้นต้นสั่งว่าฝ่ายจำเลยไม่ยินยอมจะกระทำไม่ได้ให้โจทก์นำเงินมาวางศาลภายในกำหนดโจทก์ไม่ได้อุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นจึงถึงที่สุดโจทก์ต้องปฏิบัติตามเมื่อโจทก์ไม่นำเงินมาวางศาลภายในกำหนดจำเลยชอบที่จะขอให้บังคับตามคำสั่งนั้นได้ประนอมกับคดีได้ความว่าโจทก์ได้เข้าไถคราดทำนาหว่านข้าวในที่พิพาทแล้วด้วยโดยมิได้วางเงินค่าประมูลทำนาศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของโจทก์มาขายทอดตลาดเพื่อนำเงินตามจำนวนที่ตกลงประมูลกันมาวางศาลได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 191/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างไม่เป็นธรรมและการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการทำงาน ศาลฎีกายืนว่าการกำหนดวันทำงานใหม่ขัดต่อสภาพการจ้างเดิม
ศาลแรงงานกลางพิพากษาว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์เป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรมให้จำเลยรับโจทก์เข้าทำงานในตำแหน่งหน้าที่และอัตราค่าจ้างในขณะที่เลิกจ้างเดิมโจทก์ทำงานตำแหน่งหัวหน้าผู้ควบคุมบัญชีของบริษัทจำเลยที่เมืองพัทยาทำงานเฉพาะวันเสาร์และวันอาทิตย์จำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานตำแหน่งเดิมแต่ให้ไปปฏิบัติหน้าที่ณสำนักงานที่กรุงเทพมหานครโดยกำหนดให้โจทก์ปฏิบัติงานตามคำสั่งของผู้มีอำนาจหน้าที่ในการบริหารของบริษัทจำเลยโดยให้โจทก์มีหน้าที่เฉพาะตรวจและให้คำแนะนำในทางบัญชีตามที่ได้รับมอบหมายเป็นครั้งคราวเป็นเรื่องที่นายจ้างมอบหมายงานที่เห็นสมควรให้ทำจำเลยมีอำนาจทำได้ส่วนสถานที่ทำงานเมื่อโจทก์มีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพมหานครย่อมเป็นการสะดวกแก่โจทก์ยิ่งขึ้นโจทก์ก็มิได้อ้างว่าเป็นการเพิ่มภาระจำเลยจึงมีคำสั่งได้เช่นกันแต่การกำหนดให้โจทก์ทำงานในวันศุกร์และวันเสาร์โดยที่ในวันจันทร์ถึงวันศุกร์โจทก์มีภาระที่อื่นประจำอยู่แล้วจึงไม่ถูกต้องตามสภาพการจ้างเดิมและก่อภาระหน้าที่ให้แก่โจทก์จำเลยต้องให้โจทก์ทำงานเฉพาะวันเสาร์และวันอาทิตย์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 191/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างไม่เป็นธรรม: การกำหนดวันทำงานใหม่ต้องไม่เพิ่มภาระและสอดคล้องกับสภาพการจ้างเดิม
ศาลแรงงานกลางพิพากษาว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์เป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม ให้จำเลยรับโจทก์เข้าทำงานในตำแหน่งหน้าที่และอัตราค่าจ้างในขณะที่เลิกจ้าง เดิมโจทก์ทำงานตำแหน่งหัวหน้าผู้ควบคุมบัญชีของบริษัทจำเลยที่เมืองพัทยา ทำงานเฉพาะวันเสาร์และวันอาทิตย์ จำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานตำแหน่งเดิม แต่ให้ไปปฏิบัติหน้าที่ ณ สำนักงานที่กรุงเทพมหานครโดยกำหนดให้โจทก์ปฏิบัติงานตามคำสั่งของผู้มีอำนาจหน้าที่ในการบริหารของบริษัทจำเลย โดยให้โจทก์มีหน้าที่เฉพาะตรวจและให้คำแนะนำในทางบัญชีตามที่ได้รับมอบหมายเป็นครั้งคราว เป็นเรื่องที่นายจ้างมอบหมายงานที่เห็นสมควรให้ทำจำเลยมีอำนาจทำได้ ส่วนสถานที่ทำงาน เมื่อโจทก์มีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพมหานครย่อมเป็นการสะดวกแก่โจทก์ยิ่งขึ้น โจทก์ก็มิได้อ้างว่าเป็นการเพิ่มภาระ จำเลยจึงมีคำสั่งได้เช่นกัน แต่การกำหนดให้โจทก์ทำงานในวันศุกร์และวันเสาร์ โดยที่ในวันจันทร์ถึงวันศุกร์โจทก์มีภาระที่อื่นประจำอยู่แล้วจึงไม่ถูกต้องตามสภาพการจ้างเดิมและก่อภาระหน้าที่ให้แก่โจทก์ จำเลยต้องให้โจทก์ทำงานเฉพาะวันเสาร์และวันอาทิตย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4816/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีภายใน 10 ปี: การยึดทรัพย์เกินกำหนดเวลา และประเด็นการชำระหนี้ที่ศาลสั่งงดสืบพยาน
การร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาต้องดำเนินการตามขั้นตอน ขั้นแรกเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาต้องขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีแล้ว และจากนั้นต้องแถลงต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีขอให้ยึดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาตามขั้นตอนดังกล่าวส่วนการที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะไปยึดทรัพย์เมื่อใดนั้นเป็นขั้นตอนการดำเนินงานของเจ้าพนักงานบังคับคดี แม้เจ้าพนักงานบังคับคดีจะไปทำการยึดทรัพย์ของจำเลยที่ 2 และที่ 4 เกินสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษา เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้ปฏิบัติหน้าที่ของตนครบถ้วนแล้วภายในสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษา ก็ถือได้ว่าโจทก์ได้ร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาภายในสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 แล้ว สำหรับประเด็นที่ว่าโจทก์ได้รับชำระหนี้ครบถ้วนแล้วหรือไม่นั้น ในวันนัดพร้อมตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 16มิถุนายน 2526 โจทก์กับจำเลยที่ 2 ที่ 4 แถลงร่วมกัน ว่า "กรณีนี้ฝ่ายโจทก์ได้ยื่นคำแถลงขอให้ เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการยึดทรัพย์กรณีพิพาทเมื่อวันที่17 มกราคม 2526 แต่เจ้าพนักงานได้ทำการยึดทรัพย์เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2526 และคู่กรณีขอให้ศาลวินิจฉัยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความดังกล่าว" ศาลมีคำสั่งว่า "ศาลเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ จึงให้นัดฟังคำสั่งกรณีนี้ ในวันที่ 27 มิถุนายน 2526 เวลา 10 นาฬิกา" แม้คำแถลงของจำเลย ที่ 2 และที่ 4 จะยังไม่ชัดแจ้งว่า จำเลยที่2 และที่ 4 ได้สละประเด็นดังกล่าว แต่คำสั่งศาลที่ว่าคดีพอวินิจฉัยได้ และนัดฟังคำสั่งเป็นการสั่งงดสืบพยาน อันเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 จำเลยที่ 2และที่ 4 มีโอกาสโต้แย้งคำสั่งแต่ไม่ได้โต้แย้งไว้จึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นในส่วนที่เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาก็ไม่ก่อให้เกิดสิทธิแก่โจทก์ที่จะฎีกา เพราะถือได้ว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4191/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าหนี้ในการถอนการบังคับคดี แม้ผู้ร้องจะคัดค้าน ศาลไม่จำเป็นต้องไต่สวน
การบังคับคดีนั้นเป็นสิทธิของเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาที่จะบังคับเมื่อใดก็ได้ ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะงดการบังคับคดีจะถอนการบังคับคดีหรือจะไม่บังคับคดีเสียก็ได้ เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีนี้ไม่ประสงค์จะบังคับคดีแก่ผู้ร้อง โจทก์ย่อมจะถอนการบังคับคดีได้ไม่มีเหตุที่ศาลจะต้องทำการไต่สวนและบังคับคดีแก่ผู้ร้องอีกต่อไป แม้ผู้ร้องจะคัดค้านว่าผู้ร้องไม่ใช่บริวารของจำเลยหรือหากโจทก์ไปฟ้องคดีใหม่ จะทำให้ผู้ร้องเสียค่าใช้จ่ายและเสียเวลาตั้งต้นสู้คดีใหม่ก็ตามก็หาเป็นเหตุที่จะห้ามมิให้โจทก์ถอนการบังคับคดีได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4191/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าหนี้ในการถอนการบังคับคดี แม้ผู้ร้องจะคัดค้าน หรือเสียผลประโยชน์
การบังคับคดีนั้นเป็นสิทธิของเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาที่จะบังคับเมื่อใดก็ได้ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะงดการบังคับคดี จะถอนการบังคับคดีหรือจะไม่บังคับคดีเสียก็ได้เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีนี้ไม่ประสงค์จะบังคับคดีแก่ผู้ร้องโจทก์ย่อมจะถอนการบังคับคดีได้ไม่มีเหตุที่ศาลจะต้องทำการไต่สวนและบังคับคดีแก่ผู้ร้องอีกต่อไปแม้ผู้ร้องจะคัดค้านว่าผู้ร้องไม่ใช่บริวารของจำเลยหรือหากโจทก์ไปฟ้องคดีใหม่จะทำให้ผู้ร้องเสียค่าใช้จ่ายและเสียเวลาตั้งต้นสู้คดีใหม่ก็ตามก็หาเป็นเหตุที่จะห้ามมิให้โจทก์ถอนการบังคับคดีได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3945/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนสัญญาจำนองที่ทำขึ้นโดยเจตนาทำให้เจ้าหนี้เสียเปรียบในชั้นบังคับคดี
ในชั้นบังคับคดีหากข้อเท็จจริงฟังได้ว่า สัญญาจำนองที่ดินพิพาทเป็นนิติกรรมซึ่งจำเลยที่ 2 และผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับจำนองได้กระทำลงทั้งรู้อยู่ว่าเป็นทางให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบแล้ว ศาลก็มีอำนาจที่จะเพิกถอนสัญญาจำนองที่ดินพิพาทระหว่างผู้ร้องและจำเลยที่ 2 ได้โดยไม่ต้องไปฟ้องเป็นคดีใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3275/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีขับไล่: โจทก์ต้องร้องขอให้บังคับคดีสำหรับบริวารจำเลยภายในกำหนดเวลาตามกฎหมาย
เมื่อศาลออกคำบังคับตามคำพิพากษาแล้วโจทก์จะต้องร้องขอบังคับคดีอีกชั้นหนึ่งโดยอาศัยและตามคำบังคับที่ออกตามคำพิพากษาตามบทบัญญัติ มาตรา 271แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งสำหรับคดีฟ้องขับไล่เป็นคดีที่ไม่ต้องดำเนินการทางเจ้าพนักงานบังคับคดีแต่โจทก์ต้องร้องขอต่อศาลดำเนินการจับหรือจำขังจำเลยและบริวารเพื่อให้ปฏิบัติตามคำบังคับซึ่งเป็นการร้องขอให้บังคับคดีตามบทบัญญัติมาตรา 271 นั่นเองในคดีนี้โจทก์ร้องขอให้ศาลออกหมายจับจำเลยแต่ผู้เดียวภายในกำหนด10 ปีส่วนบริวารจำเลยโจทก์มิได้ร้องขอให้ดำเนินการบังคับคดีภายใน 10 ปีนับแต่วันมีคำพิพากษาตามบทบัญญัติดังกล่าวแต่ประการใด จึงเลยระยะเวลาที่โจทก์จะร้องขอบังคับคดีสำหรับบริวารจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3275/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีขับไล่และการขอออกหมายจับบริวารจำเลยต้องดำเนินการภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด
เมื่อศาลออกคำบังคับตามคำพิพากษาแล้ว โจทก์จะต้องร้องขอบังคับคดีอีกชั้นหนึ่งโดยอาศัยและตามคำบังคับที่ออกตามคำพิพากษาตามบทบัญญัติ มาตรา 271 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง สำหรับคดีฟ้องขับไล่เป็นคดีที่ไม่ต้องดำเนินการทางเจ้าพนักงานบังคับคดี แต่โจทก์ต้องร้องขอต่อศาลดำเนินการจับหรือจำขังจำเลยและบริวารเพื่อให้ปฏิบัติตามคำบังคับซึ่งเป็นการร้องขอให้บังคับคดีตามบทบัญญัติมาตรา 271 นั่นเองในคดีนี้โจทก์ร้องขอให้ศาลออกหมายจับจำเลยแต่ผู้เดียวภายในกำหนด 10 ปีส่วนบริวารจำเลยโจทก์มิได้ร้องขอให้ดำเนินการบังคับคดีภายใน 10 ปีนับแต่วันมีคำพิพากษาตามบทบัญญัติดังกล่าว แต่ประการใดจึงเลยระยะเวลาที่โจทก์จะร้องขอบังคับคดีสำหรับบริวารจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2291/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีขายที่ดิน: เลขที่ น.ส.๓ ผิดพลาด ไม่กระทบสิทธิโจทก์
คำพิพากษาของศาลถึงที่สุดให้จำเลยโอนขายที่ดิน น.ส.3 เลขที่ 105 ให้โจทก์ ความปรากฏในชั้นบังคับคดีว่าโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยโอนขายที่ดินพิพาทโดยบรรยายฟ้องระบุเลขที่ของ น.ส.3 ผิดพลาดไป ความจริงที่ดินพิพาทที่โจทก์บังคับให้จำเลยขายคือที่ดิน น.ส.3 เลขที่ 195 ดังนี้ศาลย่อมบังคับให้จำเลยขายที่ดินพิพาทตามฟ้องซึ่งมี น.ส.3 เลขที่ที่ถูกต้องได้ ไม่เป็นการบังคับคดีนอกเหนือไปจากคำพิพากษา และไม่เป็นการแก้ไขคำพิพากษาในส่วนที่เป็นสาระสำคัญอันเป็นผลทำให้คำพิพากษาเปลี่ยนแปลงไป
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 323/2512)
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 323/2512)