คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 271

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,756 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2672/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีตามคำพิพากษาแบ่งที่ดิน: จำเลยไม่อาจเปลี่ยนแปลงวิธีแบ่งที่ดินที่ศาลกำหนดได้ แม้ในชั้นบังคับคดี
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยแบ่งที่ดินให้โจทก์ถ้าจำเลยไม่ยอมแบ่งให้ถือคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยและถ้าตกลงแบ่งกันไม่ได้ ให้เอาที่ดินทั้งแปลงออกขายทอดตลาดนำเงินมาแบ่งให้โจทก์ตามส่วน คดีถึงที่สุดจำเลยจะยกขึ้นอ้างในชั้นบังคับคดีขอแบ่งที่ดินโดยวิธีอื่นให้ผิดไปจากวิธีที่กำหนดไว้ในคำพิพากษาหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2606-2607/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีตามคำพิพากษาแบ่งมรดก: ยึดทรัพย์ก่อนขายทอดตลาดชอบด้วยกฎหมาย
ศาลพิพากษาให้จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกแบ่งทรัพย์ให้โจทก์ 2 ใน 3 ส่วน ถ้าตกลงแบ่งกันเองไม่ได้ให้ประมูลราคาระหว่างโจทก์กับจำเลย หากยังไม่ตกลงกันก็ให้ขายทอดตลาดแบ่งเงินกัน ฝ่ายโจทก์ได้ติดต่อให้จำเลยแบ่งทรัพย์พิพาทให้ แต่ตกลงกันไม่ได้เพราะจำเลยจะแบ่งให้เพียงครึ่งหนึ่ง โจทก์จึงขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีเรียกจำเลยมาประมูลทรัพย์สินระหว่างกันเอง จำเลยก็ไม่มาพบเจ้าพนักงานบังคับคดี เช่นนี้ถือได้ว่าการแบ่งทรัพย์หรือการประมูลราคาระหว่างโจทก์จำเลยไม่มีทางตกลงกันได้แล้ว ที่โจทก์ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์พิพาท จึงเป็นการถูกต้องตามขั้นตอนแล้ว และเมื่อกรณีมีความจำเป็นต้องดำเนินการบังคับคดีให้จำเลยแบ่งทรัพย์พิพาทแก่โจทก์ตามคำพิพากษาด้วยวิธีขายทอดตลาดการที่เจ้าพนักงานบังคับคดีทำการยึดทรัพย์พิพาทก่อนทำการขายทอดตลาดย่อมเป็นการปฏิบัติที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ลักษณะ 2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2606-2607/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีตามคำพิพากษาแบ่งมรดก: ยึดทรัพย์เพื่อขายทอดตลาดชอบด้วยกฎหมายเมื่อตกลงแบ่งกันเองไม่ได้
ศาลพิพากษาให้จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกแบ่งทรัพย์ให้โจทก์ 2 ใน 3 ส่วน ถ้าตกลงแบ่งกันเองไม่ได้ให้ประมูลราคาระหว่างโจทก์กับจำเลย หากยังไม่ตกลงกันก็ให้ขายทอดตลาดแบ่งเงินกัน ฝ่ายโจทก์ได้ติดต่อให้จำเลยแบ่งทรัพย์พิพาทให้ แต่ตกลงกันไม่ได้เพราะจำเลยจะแบ่งให้เพียงครึ่งหนึ่ง โจทก์จึงขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีเรียกจำเลยมาประมูลทรัพย์สินระหว่างกันเอง จำเลยก็ไม่มาพบเจ้าพนักงานบังคับคดี เช่นนี้ถือได้ว่าการแบ่งทรัพย์หรือประมูลราคาระหว่างโจทก์จำเลยไม่มีทางตกลงกันได้แล้ว ที่โจทก์ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีขาดทอดตลาดทรัพย์พิพาท จึงเป็นการถูกต้องตามขั้นตอนแล้วและเมื่อกรณีมีความจำเป็นต้องดำเนินการบังคับคดีให้จำเลยแบ่งทรัพย์พิพาท แก่โจทก์ตามคำพิพากษาด้วยวิธีขายทอดตลาด การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีทำการยึดทรัพย์พิพาทก่อนทำการขายทอดตลาดย่อมเป็นการปฏิบัติที่ชอบด้วยประมวล กฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ลักษณะ 2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2442/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการเลือกชำระหนี้ตามคำพิพากษา: จำเลยมีสิทธิเลือกได้ว่าจะส่งมอบกระดาษหรือชดใช้ค่าเสียหาย
บรรยายฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาไม่ส่งมอบกระดาษจำนวนหนึ่งให้แก่โจทก์เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายใน พฤติการณ์พิเศษ คือเสียหายหรือขาดทุนเป็นเงินจำนวนหนึ่ง แต่คำขอท้ายฟ้องมิได้ขอให้จำเลยส่งมอบกระดาษและชดใช้ค่าเสียหาย โจทก์คงขอให้จำเลยส่งมอบกระดาษหรือชดใช้ค่าเสียหายและศาลพิพากษาให้ตามคำขอแล้ว หนี้ตามคำพิพากษาที่จำเลยจะต้องชำระให้แก่โจทก์จึงมี 2 อย่าง คือส่งมอบกระดาษหรือชดใช้ค่าเสียหายซึ่งจำเลยจะต้องกระทำเพียงอย่างเดียว สิทธิที่จะเลือกชำระหนี้ดังกล่าวย่อมตกแก่จำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 198 หาใช่โจทก์ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2442/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเลือกชำระหนี้ตามคำพิพากษา: จำเลยมีสิทธิเลือกส่งมอบกระดาษหรือชดใช้ค่าเสียหาย โจทก์ไม่มีสิทธิเลือก
บรรยายฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาไม่ส่งมอบกระดาษจำนวนหนึ่งให้แก่โจทก์เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายในพฤติการณ์พิเศษ คือเสียหายหรือขาดทุนเป็นเงินจำนวนหนึ่ง แต่คำขอท้ายฟ้องมิได้ขอให้จำเลยส่งมอบกระดาษและชดใช้ค่าเสียหาย โจทก์คงขอให้จำเลยส่งมอบกระดาษหรือชดใช้ค่าเสียหาย และศาลพิพากษาให้ตามคำขอแล้วหนี้ตามคำพิพากษาที่จำเลยจะต้องชำระให้แก่โจทก์จึงมี 2 อย่าง คือส่งมอบกระดาษหรือชดใช้ค่าเสียหายซึ่งจำเลยจะต้องกระทำเพียงอย่างเดียว สิทธิที่จะเลือกชำระหนี้ดังกล่าวย่อมตกแก่จำเลย ซึ่งเป็นลูกหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 198 หาใช่โจทก์ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2292/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องร้องกรรมสิทธิ์ที่ดิน: การบังคับคดีตามคำพิพากษาตามยอมไม่เชื่อมโยงกับคดีขอให้พิพากษาถึงที่สุด
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินครึ่งหนึ่งในโฉนดที่พิพาทโดยได้รับมรดกแล้วครอบครองที่ดินส่วนของโจทก์ด้วยความสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของตลอดมากว่า 10 ปีแล้ว มารดาจำเลยเคยเป็นความกับโจทก์ แล้วทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน ศาลพิพากษาตามยอมให้ใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของครึ่งหนึ่ง และให้แบ่งที่ดินให้โจทก์ต่อมามารดาจำเลยถึงแก่กรรม จำเลยได้จดทะเบียนรับมรดกที่ดินตามโฉนดดังกล่าวทั้งโฉนด ดังนี้ แม้ได้ความว่าโจทก์มิได้ดำเนินการบังคับคดีตามคำพิพากษาตามยอมในคดีที่โจทก์พิพาทกับมารดาจำเลยเสียภายใน 10 ปีก็ตาม แต่คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินตามโฉนดครึ่งหนึ่ง และขอแบ่งแยกที่พิพาท โจทก์มิได้ร้องขอให้บังคับคดีในคดีก่อน กรณีจึงเป็นคนละเรื่องกัน จะนำอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 มาใช้บังคับในคดีนี้ไม่ได้ และจำเลยได้โต้แย้งสิทธิในที่พิพาทขึ้นใหม่ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องคดีนี้ไม่เป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2292/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องขอสิทธิในที่ดินหลังคำพิพากษาตามยอม ไม่ถือเป็นฟ้องซ้ำ หากมิได้ขอให้บังคับคดี
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินครึ่งหนึ่งในโฉนดที่พิพาทโดยได้รับมรดกแล้วครอบครองที่ดินส่วนของโจทก์ด้วยความสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของตลอดมากว่า 10 ปีแล้ว มารดาจำเลยเคยเป็นความกับโจทก์ แล้วทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน ศาลพิพากษาตามยอมให้ใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของครึ่งหนึ่ง และให้แบ่งที่ดินให้โจทก์ต่อมามารดาจำเลยถึงแก่กรรม จำเลยได้จดทะเบียนรับมรดกที่ดินตามโฉนดดังกล่าวทั้งโฉนด ดังนี้ แม้ได้ความว่าโจทก์มิได้ดำเนินการบังคับคดีตามคำพิพากษาตามยอมในคดีที่โจทก์พิพาทกับมารดาจำเลยเสียภายใน 10 ปีก็ตาม แต่คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินตามโฉนดครึ่งหนึ่ง และขอแบ่งแยกที่พิพาท โจทก์มิได้ร้องขอให้บังคับคดีในคดีก่อน กรณีจึงเป็นคนละเรื่องกัน จะนำอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 มาใช้บังคับในคดีนี้ไม่ได้ และจำเลยได้โต้แย้งสิทธิในที่พิพาทขึ้นใหม่ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องคดีนี้ไม่เป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1513/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องและการบังคับคดี: ผู้ชนะคดีมีสิทธิบังคับคดี แต่ผู้ไม่มีอำนาจฟ้องไม่มีสิทธิ
โจทก์ร่วมผู้ชนะคดีตามคำพิพากษา บังคับคดีได้ โจทก์ซึ่งศาลพิพากษาว่าไม่มีอำนาจฟ้อง ไม่มีอำนาจขอให้ศาลบังคับคดี หรือบังคับให้โจทก์ร่วมบังคับคดีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1226/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีตามคำพิพากษา: ลำดับการแบ่งทรัพย์สินก่อนขายทอดตลาด
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้แบ่งบ้านพิพาทออกเป็น 4 ส่วน หากไม่อาจทำได้ก็ให้เอาบ้านพิพาทออกขายทอดตลาด ได้เงินสุทธิเท่าใดให้แบ่งกันตามส่วน การบังคับคดีย่อมอาศัยคำพิพากษาเป็นหลักแห่งคำบังคับ ดังนั้นจึงต้องดำเนินการบังคับคดีก่อนหลังกันไปตามลำดับ เมื่อการแบ่งบ้านพิพาทไม่อาจกระทำได้ก็ต้องขายทอดตลาดบ้านพิพาทตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยจะขอวางเงินแล้วขอให้ศาลมีคำสั่งถอนการยึดโดยโจทก์ไม่ยินยอมด้วยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1226/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีตามคำพิพากษา: ลำดับการบังคับคดีและการไม่อาจยอมรับเงินเพื่อถอนการยึด
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้แบ่งบ้านพิพาทออกเป็น 4 ส่วน หากไม่อาจทำได้ก็ให้เอาบ้านพิพาทออกขายทอดตลาดได้เงินสุทธิเท่าใดให้แบ่งกันตามส่วน การบังคับคดีย่อมอาศัยคำพิพากษาเป็นหลักแห่งคำบังคับ ดังนั้นจึงต้องดำเนินการบังคับคดีก่อนหลังกันไปตามลำดับ เมื่อการแบ่งบ้านพิพาทไม่อาจกระทำได้ก็ต้องขายทอดตลาดบ้านพิพาทตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยจะขอวางเงินแล้วขอให้ศาลมีคำสั่งถอนการยึดโดยโจทก์ไม่ยินยอมด้วยไม่ได้
of 176