พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,756 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1423/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำพิพากษาถึงที่สุดให้ขับไล่และรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ผู้เช่าเป็นบริวารจำเลย ศาลบังคับคดีได้ แม้มีการยึดทรัพย์
ศาลพิพากษาให้ขับไล่จำเลย และให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่เช่าของโจทก์ที่ให้จำเลยเช่า จำเลยจะต้องปฏิบัติตามคำพิพากษา คือต้องออกและรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดิน
การที่มีผู้เช่าสิ่งปลูกสร้างอยู่โดยจำเลยรับว่าผู้เช่าเป็นบริวารของจำเลยมาแต่ต้นจำเลยจะโต้เถียงภายหลังว่าผู้เช่าไม่ใช่บริวารย่อมไม่ได้
เมื่อจำเลยเป็นผู้ให้เช่าสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินโจทก์ แม้คำพิพากษาจะมิได้สั่งให้ผู้เช่าซึ่งเป็นบริวารจำเลยออกไปจากที่ดินของโจทก์คำพิพากษาย่อมใช้บังคับขับไล่ผู้เช่าสิ่งปลูกสร้างได้ด้วย จำเลยจะอ้างเป็นเหตุไม่ยอมรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่ศาลพิพากษาให้รื้อหาได้ไม่
อ. โจทก์ในคดีแพ่งแดงที่ 82/2514 ยึดห้องแถวและสิ่งปลูกสร้างไว้ตามคำสั่งศาล ไม่เป็นเหตุให้ศาลงดการบังคับคดีตามคำพิพากษาในคดีนี้ เพราะการที่จำเลยจะต้องรื้อห้องแถวและสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินโจทก์เป็นการกระทำโดยคำสั่งศาล
การที่มีผู้เช่าสิ่งปลูกสร้างอยู่โดยจำเลยรับว่าผู้เช่าเป็นบริวารของจำเลยมาแต่ต้นจำเลยจะโต้เถียงภายหลังว่าผู้เช่าไม่ใช่บริวารย่อมไม่ได้
เมื่อจำเลยเป็นผู้ให้เช่าสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินโจทก์ แม้คำพิพากษาจะมิได้สั่งให้ผู้เช่าซึ่งเป็นบริวารจำเลยออกไปจากที่ดินของโจทก์คำพิพากษาย่อมใช้บังคับขับไล่ผู้เช่าสิ่งปลูกสร้างได้ด้วย จำเลยจะอ้างเป็นเหตุไม่ยอมรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่ศาลพิพากษาให้รื้อหาได้ไม่
อ. โจทก์ในคดีแพ่งแดงที่ 82/2514 ยึดห้องแถวและสิ่งปลูกสร้างไว้ตามคำสั่งศาล ไม่เป็นเหตุให้ศาลงดการบังคับคดีตามคำพิพากษาในคดีนี้ เพราะการที่จำเลยจะต้องรื้อห้องแถวและสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินโจทก์เป็นการกระทำโดยคำสั่งศาล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1423/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยมีหน้าที่รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่เช่าตามคำพิพากษา แม้มีผู้เช่าอยู่ก็ใช้บังคับขับไล่ได้
ศาลพิพากษาให้ขับไล่จำเลย และให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่เช่าของโจทก์ที่ให้จำเลยเช่า จำเลยจะต้องปฏิบัติตามคำพิพากษา คือต้องออกและรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดิน
การที่มีผู้เช่าสิ่งปลูกสร้างอยู่โดยจำเลยรับว่าผู้เช่าเป็นบริวารของจำเลยมาแต่ต้นจำเลยจะโต้เถียงภายหลังว่า ผู้เช่าไม่ใช่บริวารย่อมไม่ได้
เมื่อจำเลยเป็นผู้ให้เช่าสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินโจทก์ แม้คำพิพากษาจะมิได้สั่งให้ผู้เช่าซึ่งเป็นบริวารจำเลยออกไปจากที่ดินของโจทก์คำพิพากษาย่อมใช้บังคับขับไล่ผู้เช่าสิ่งปลูกสร้างได้ด้วย จำเลยจะอ้างเป็นเหตุไม่ยอมรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่ศาลพิพากษาให้รื้อหาได้ไม่
อ. โจทก์ในคดีแพ่งแดงที่ 82/2514 ยึดห้องแถวและสิ่งปลูกสร้างไว้ตามคำสั่งศาล ไม่เป็นเหตุให้ศาลงดการบังคับคดีตามคำพิพากษาในคดีนี้ เพราะการที่จำเลยจะต้องรื้อห้องแถวและสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินโจทก์เป็นการกระทำโดยคำสั่งศาล
การที่มีผู้เช่าสิ่งปลูกสร้างอยู่โดยจำเลยรับว่าผู้เช่าเป็นบริวารของจำเลยมาแต่ต้นจำเลยจะโต้เถียงภายหลังว่า ผู้เช่าไม่ใช่บริวารย่อมไม่ได้
เมื่อจำเลยเป็นผู้ให้เช่าสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินโจทก์ แม้คำพิพากษาจะมิได้สั่งให้ผู้เช่าซึ่งเป็นบริวารจำเลยออกไปจากที่ดินของโจทก์คำพิพากษาย่อมใช้บังคับขับไล่ผู้เช่าสิ่งปลูกสร้างได้ด้วย จำเลยจะอ้างเป็นเหตุไม่ยอมรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่ศาลพิพากษาให้รื้อหาได้ไม่
อ. โจทก์ในคดีแพ่งแดงที่ 82/2514 ยึดห้องแถวและสิ่งปลูกสร้างไว้ตามคำสั่งศาล ไม่เป็นเหตุให้ศาลงดการบังคับคดีตามคำพิพากษาในคดีนี้ เพราะการที่จำเลยจะต้องรื้อห้องแถวและสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินโจทก์เป็นการกระทำโดยคำสั่งศาล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1375/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์ชำระหนี้: จำเลยยึดทรัพย์ลูกหนี้ถูกต้อง แม้โจทก์อ้างเป็นเจ้าของ แต่ไม่เคยเรียกร้องคืน
จำเลยเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของ น. เมื่อ น. ไม่ชำระหนี้จำเลยชอบที่จะขอศาลบังคับคดียึดทรัพย์ของ น. ชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้ เป็นการใช้สิทธิทางศาลตามกฎหมาย จำเลยนำยึดรถยนต์พิพาทซึ่ง น. ขับขี่รับจ้างส่งคนโดยสารและสินค้ามาก่อนที่จำเลยจะนำยึดถึงสองปี พฤติการณ์ที่รถยนต์พิพาทอยู่ในความครอบครองของ น. เช่นนี้แสดงให้จำเลยเข้าใจว่ารถยนต์พิพาทเป็นของ น. โจทก์มิได้อ้างว่าจำเลยนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดรถยนต์พิพาทของโจทก์ไว้โดยไม่สุจริตหรือประมาทเลินเล่ออ้างเพียงว่าจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลที่ให้ปล่อยรถยนต์พิพาทที่ยึด แต่ข้อเท็จจริงกลับได้ความว่า เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ปล่อยรถยนต์พิพาท แม้จำเลยจะเป็นผู้รักษารถยนต์พิพาทไว้ตามที่เจ้าพนักงานบังคับคดีมอบให้รักษา โจทก์ก็มิได้ร้องขอต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีให้คืนรถให้โจทก์ จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยได้ทราบคำพิพากษาอุทธรณ์หลังจากที่จำเลยได้คืนรถยนต์พิพาทให้แก่โจทก์แล้ว จะถือว่าจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลที่ให้คืนรถยนต์พิพาทให้โจทก์ ทำให้โจทก์เสียหายหาได้ไม่โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1375/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการคืนทรัพย์ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยไม่ได้ประมาทเลินเล่อในการคืนรถยนต์ให้โจทก์
จำเลยเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของ น. เมื่อ น. ไม่ชำระหนี้จำเลยชอบที่จะขอศาลบังคับคดียึดทรัพย์ของ น. ชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้ เป็นการใช้สิทธิทางศาลตามกฎหมาย จำเลยนำยึดรถยนต์พิพาทซึ่ง น. ขับขี่รับจ้างส่งคนโดยสารและสินค้ามาก่อนที่จำเลยจะนำยึดถึงสองปี พฤติการณ์ที่รถยนต์พิพาทอยู่ในความครอบครองของ น. เช่นนี้แสดงให้จำเลยเข้าใจว่ารถยนต์พิพาทเป็นของ น. โจทก์มิได้อ้างว่าจำเลยนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดรถยนต์พิพาทของโจทก์ไว้โดยไม่สุจริตหรือประมาทเลินเล่อ อ้างเพียงว่าจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลที่ให้ปล่อยรถยนต์พิพาทที่ยึด แต่ข้อเท็จจริงกลับได้ความว่า เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ปล่อยรถยนต์พิพาท แม้จำเลยจะเป็นผู้รักษารถยนต์พิพาทไว้ตามที่เจ้าพนักงานบังคับคดีมอบให้รักษา โจทก์ก็มิได้ร้องขอต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีให้คืนรถให้โจทก์ จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยได้ทราบคำพิพากษาอุทธรณ์หลังจากที่จำเลยได้คืนรถยนต์พิพาทให้แก่โจทก์แล้ว จะถือว่าจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลที่ให้คืนรถยนต์พิพาทให้โจทก์ ทำให้โจทก์เสียหายหาได้ไม่โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1266/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องขออธิบายคำพิพากษาศาลฎีกาและการบังคับคดี: ศาลฎีกาไม่จำเป็นต้องอธิบายคำพิพากษาที่ชัดเจน และโจทก์ควรดำเนินการบังคับคดีในคดีเดิม
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกาอธิบายคำพิพากษาศาลฎีกาว่าจะใช้คำพิพากษาศาลใดบังคับ ศาลชั้นต้นควรส่งคำร้องให้ศาลฎีกาสั่งโดยตรง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่พิพากษายืนตามศาลล่างว่าทรัพย์พิพาทตามฟ้องไม่ใช่ของโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้องนั้น มีข้อความแจ้งชัด ไม่จำต้องมีคำอธิบายเพิ่มเติมทั้งกรณีมิใช่คำพิพากษามีข้อผิดพลาด หรือข้อผิดหลงเล็กน้อยหรือจะต้องมีการบังคับคดีเกี่ยวกับทรัพย์พิพาทอย่างใดอีก
ตามคำร้องของโจทก์เป็นเรื่องโจทก์ถูกโต้แย้งสิทธิตามคำพิพากษาในคดีแพ่งของศาลชั้นต้น หมายเลขแดงที่ 24/2512โจทก์ชอบที่จะไปดำเนินการบังคับคดีในคดีดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่พิพากษายืนตามศาลล่างว่าทรัพย์พิพาทตามฟ้องไม่ใช่ของโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้องนั้น มีข้อความแจ้งชัด ไม่จำต้องมีคำอธิบายเพิ่มเติมทั้งกรณีมิใช่คำพิพากษามีข้อผิดพลาด หรือข้อผิดหลงเล็กน้อยหรือจะต้องมีการบังคับคดีเกี่ยวกับทรัพย์พิพาทอย่างใดอีก
ตามคำร้องของโจทก์เป็นเรื่องโจทก์ถูกโต้แย้งสิทธิตามคำพิพากษาในคดีแพ่งของศาลชั้นต้น หมายเลขแดงที่ 24/2512โจทก์ชอบที่จะไปดำเนินการบังคับคดีในคดีดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1266/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำพิพากษาศาลฎีกาแจ้งชัดแล้ว ไม่ต้องอธิบายเพิ่มเติม การบังคับคดีต้องดำเนินการในคดีเดิม
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกาอธิบายคำพิพากษาศาลฎีกาว่า จะใช้คำพิพากษาศาลใดบังคับ ศาลชั้นต้นควรส่งคำร้องให้ศาลฎีกาสั่งโดยตรง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่พิพากษายืนตามศาลล่างว่าทรัพย์พิพาทตามฟ้องไม่ใช่ของโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้องนั้น มีข้อความแจ้งชัด ไม่จำต้องมีคำอธิบายเพิ่มเติม ทั้งกรณีมิใช่คำพิพากษามีข้อผิดพลาด หรือข้อผิดหลงเล็กน้อย หรือจะต้องมีการบังคับคดีเกี่ยวกับทรัพย์พิพาทอย่างใดอีก
ตามคำร้องของโจทก์เป็นเรื่องโจทก์ถูกโต้แย้งสิทธิตามคำพิพากษาในคดีแพ่งของศาลชั้นต้น หมายเลขแดงที่ 24/2512โจทก์ชอบที่จะไปดำเนินการบังคับคดีในคดีดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่พิพากษายืนตามศาลล่างว่าทรัพย์พิพาทตามฟ้องไม่ใช่ของโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้องนั้น มีข้อความแจ้งชัด ไม่จำต้องมีคำอธิบายเพิ่มเติม ทั้งกรณีมิใช่คำพิพากษามีข้อผิดพลาด หรือข้อผิดหลงเล็กน้อย หรือจะต้องมีการบังคับคดีเกี่ยวกับทรัพย์พิพาทอย่างใดอีก
ตามคำร้องของโจทก์เป็นเรื่องโจทก์ถูกโต้แย้งสิทธิตามคำพิพากษาในคดีแพ่งของศาลชั้นต้น หมายเลขแดงที่ 24/2512โจทก์ชอบที่จะไปดำเนินการบังคับคดีในคดีดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1173/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลผูกพันคำพิพากษาตามยอมต่อผู้เยาว์โดยมีผู้แทนเฉพาะคดี ศาลอนุญาตให้ทำสัญญาประนีประนอมได้
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับให้จำเลยโอนที่ดินและเรือนให้โจทก์กับให้ขับไล่จำเลยออกไปแล้วโจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยจำเลยยอมออกจากทรัพย์พิพาทและยอมโอนให้โจทก์ ศาลได้พิพากษาตามยอมแล้วแม้จำเลยบางคนจะเป็นผู้เยาว์ แต่คำพิพากษาตามยอมนั้นก็มีผลผูกพันคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 จำเลยซึ่งเป็นผู้เยาว์เป็นคู่ความในคดีอยู่แล้วโดยมี ก. เป็นผู้แทนเฉพาะคดี และไม่มีอุทธรณ์คำพิพากษาตามยอมจนคดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์จึงชอบที่จะร้องขอให้บังคับคดีแก่จำเลยตามคำพิพากษาตามยอมได้ ศาลจะปฏิเสธการบังคับคดีแก่จำเลยซึ่งเป็นผู้เยาว์โดยอ้างว่า ก.ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์โดยมิได้รับอนุญาตจากศาลก่อน ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1546(4) ดังนี้ หาชอบไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1173/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลผูกพันคำพิพากษาตามยอมต่อผู้เยาว์โดยผู้แทนเฉพาะคดี การบังคับคดีตามคำพิพากษา
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับให้จำเลยโอนที่ดินและเรือนให้โจทก์ กับให้ขับไล่จำเลยออกไปแล้วโจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน โดยจำเลยยอมออกจากทรัพย์พิพาทและยอมโอนให้โจทก์ ศาลได้พิพากษาตามยอมแล้ว แม้จำเลยบางคนจะเป็นผู้เยาว์ แต่คำพิพากษาตามยอมนั้นก็มีผลผูกพันคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 จำเลยซึ่งเป็นผู้เยาว์เป็นคู่ความในคดีอยู่แล้ว โดยมี ก. เป็นผู้แทนเฉพาะคดี และไม่มีอุทธรณ์คำพิพากษาตามยอมจนคดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์จึงชอบที่จะร้องขอให้บังคับคดีแก่จำเลยตามคำพิพากษาตามยอมได้ ศาลจะปฏิเสธการบังคับคดีแก่จำเลยซึ่งเป็นผู้เยาว์โดยอ้างว่า ก.ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์โดยมิได้รับอนุญาตจากศาลก่อน ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1546(4) ดังนี้ หาชอบไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1144/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการขอให้บังคับคดีซ้ำ ศาลต้องพิจารณาว่าลูกหนี้ผิดนัดหรือไม่ และหมายบังคับคดีเดิมยังใช้ได้หรือไม่
เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีได้ต่อเมื่อลูกหนี้มิได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271
ในคดีที่ศาลพิพากษาให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากสามีภรรยามีคำบังคับให้แบ่งสินสมรสกัน และให้จำเลยชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูแก่โจทก์ตั้งแต่วันจดทะเบียนหย่าจนกว่าโจทก์จะจดทะเบียนสมรสกับสามีใหม่นั้น โจทก์ได้ยื่นคำร้องว่าไม่อาจตกลงแบ่งสินสมรสกันได้ ขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งเจ้าพนักงานกองหมายให้ทำการยึดทรัพย์มาขายทอดตลาด ต้องถือว่าหมายบังคับคดีที่ศาลชั้นต้นตั้งให้หัวหน้ากองหมายจัดการยึดสินสมรสนั้นก็เพื่อแบ่งให้โจทก์จำเลยเท่านั้น ข้อความในหมายบังคับคดีนอกนั้นหาใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ประสงค์ที่จะขอให้บังคับไม่ เป็นแต่เท้าความถึงคำพิพากษาซึ่งเกินกว่าที่โจทก์ขอเมื่อได้จัดการตามหมายบังคับคดีฉบับแรกไปแล้ว โจทก์ได้ขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีอีกฉบับหนึ่งอ้างว่าจำเลยมิได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาที่ให้ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูโจทก์เป็นเวลา 32 เดือน ซึ่งศาลก็ได้ออกหมายบังคับคดีให้ตามคำร้องขอของโจทก์ และจำเลยได้ชำระ เงินให้ตามหมายบังคับคดีครบถ้วนแล้วภายหลังโจทก์จะขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์สินของจำเลย เพื่อขายทอดตลาดเอาเงินมาชำระหนี้ค่าอุปการะเลี้ยงดูจำนวนใหม่ที่เกิดขึ้นภายหลังโดยอาศัยหมายบังคับคดีเดิมสองฉบับที่จำเลยได้ปฏิบัติตามหมายบังคับคดีครบถ้วนแล้ว และโดยที่ศาลมิได้ออกหมายบังคับคดีให้ใหม่หาได้ไม่
ในคดีที่ศาลพิพากษาให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากสามีภรรยามีคำบังคับให้แบ่งสินสมรสกัน และให้จำเลยชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูแก่โจทก์ตั้งแต่วันจดทะเบียนหย่าจนกว่าโจทก์จะจดทะเบียนสมรสกับสามีใหม่นั้น โจทก์ได้ยื่นคำร้องว่าไม่อาจตกลงแบ่งสินสมรสกันได้ ขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งเจ้าพนักงานกองหมายให้ทำการยึดทรัพย์มาขายทอดตลาด ต้องถือว่าหมายบังคับคดีที่ศาลชั้นต้นตั้งให้หัวหน้ากองหมายจัดการยึดสินสมรสนั้นก็เพื่อแบ่งให้โจทก์จำเลยเท่านั้น ข้อความในหมายบังคับคดีนอกนั้นหาใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ประสงค์ที่จะขอให้บังคับไม่ เป็นแต่เท้าความถึงคำพิพากษาซึ่งเกินกว่าที่โจทก์ขอเมื่อได้จัดการตามหมายบังคับคดีฉบับแรกไปแล้ว โจทก์ได้ขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีอีกฉบับหนึ่งอ้างว่าจำเลยมิได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาที่ให้ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูโจทก์เป็นเวลา 32 เดือน ซึ่งศาลก็ได้ออกหมายบังคับคดีให้ตามคำร้องขอของโจทก์ และจำเลยได้ชำระ เงินให้ตามหมายบังคับคดีครบถ้วนแล้วภายหลังโจทก์จะขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์สินของจำเลย เพื่อขายทอดตลาดเอาเงินมาชำระหนี้ค่าอุปการะเลี้ยงดูจำนวนใหม่ที่เกิดขึ้นภายหลังโดยอาศัยหมายบังคับคดีเดิมสองฉบับที่จำเลยได้ปฏิบัติตามหมายบังคับคดีครบถ้วนแล้ว และโดยที่ศาลมิได้ออกหมายบังคับคดีให้ใหม่หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1144/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีค่าอุปการะเลี้ยงดูและการยึดทรัพย์ซ้ำ โดยไม่มีหมายบังคับคดีใหม่
เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีได้ต่อเมื่อลูกหนี้มิได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271
ในคดีที่ศาลพิพากษาให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากสามีภรรยา มีคำบังคับให้แบ่งสินสมรสกัน และให้จำเลยชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูแก่โจทก์ตั้งแต่วันจดทะเบียนหย่าจนกว่าโจทก์จะจดทะเบียนสมรสกับสามีใหม่นั้น โจทก์ได้ยื่นคำร้องว่าไม่อาจตกลงแบ่งสินสมรสกันได้ขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งเจ้าพนักงานกองหมายให้ทำการยึดทรัพย์มาขายทอดตลาด ต้องถือว่าหมายบังคับคดีที่ศาลชั้นต้นตั้งให้หัวหน้ากองหมายจัดการยึดสินสมรสนั้นก็เพื่อแบ่งให้โจทก์จำเลยเท่านั้น ข้อความในหมายบังคับคดีนอกนั้นหาใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ประสงค์ที่จะขอให้บังคับไม่ เป็นแต่เท้าความถึงคำพิพากษาซึ่งเกินกว่าที่โจทก์ขอ เมื่อได้จัดการตามหมายบังคับคดีฉบับแรกไปแล้ว โจทก์ได้ขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีอีกฉบับหนึ่งอ้างว่าจำเลยมิได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาที่ให้ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูโจทก์เป็นเวลา 32 เดือน ซึ่งศาลก็ได้ออกหมายบังคับคดีให้ตามคำร้องขอของโจทก์ และจำเลยได้ชำระเงินให้ตามหมายบังคับคดีครบถ้วนแล้วภายหลังโจทก์จะขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์สินของจำเลยเพื่อขายทอดตลาดเอาเงินมาชำระหนี้ค่าอุปการะเลี้ยงดูจำนวนใหม่ที่เกิดขึ้นภายหลังโดยอาศัยหมายบังคับคดีเดิมสองฉบับที่จำเลยได้ปฏิบัติตามหมายบังคับคดีครบถ้วนแล้ว และโดยที่ศาลมิได้ออกหมายบังคับคดีให้ใหม่หาได้ไม่
ในคดีที่ศาลพิพากษาให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากสามีภรรยา มีคำบังคับให้แบ่งสินสมรสกัน และให้จำเลยชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูแก่โจทก์ตั้งแต่วันจดทะเบียนหย่าจนกว่าโจทก์จะจดทะเบียนสมรสกับสามีใหม่นั้น โจทก์ได้ยื่นคำร้องว่าไม่อาจตกลงแบ่งสินสมรสกันได้ขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งเจ้าพนักงานกองหมายให้ทำการยึดทรัพย์มาขายทอดตลาด ต้องถือว่าหมายบังคับคดีที่ศาลชั้นต้นตั้งให้หัวหน้ากองหมายจัดการยึดสินสมรสนั้นก็เพื่อแบ่งให้โจทก์จำเลยเท่านั้น ข้อความในหมายบังคับคดีนอกนั้นหาใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ประสงค์ที่จะขอให้บังคับไม่ เป็นแต่เท้าความถึงคำพิพากษาซึ่งเกินกว่าที่โจทก์ขอ เมื่อได้จัดการตามหมายบังคับคดีฉบับแรกไปแล้ว โจทก์ได้ขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีอีกฉบับหนึ่งอ้างว่าจำเลยมิได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาที่ให้ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูโจทก์เป็นเวลา 32 เดือน ซึ่งศาลก็ได้ออกหมายบังคับคดีให้ตามคำร้องขอของโจทก์ และจำเลยได้ชำระเงินให้ตามหมายบังคับคดีครบถ้วนแล้วภายหลังโจทก์จะขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์สินของจำเลยเพื่อขายทอดตลาดเอาเงินมาชำระหนี้ค่าอุปการะเลี้ยงดูจำนวนใหม่ที่เกิดขึ้นภายหลังโดยอาศัยหมายบังคับคดีเดิมสองฉบับที่จำเลยได้ปฏิบัติตามหมายบังคับคดีครบถ้วนแล้ว และโดยที่ศาลมิได้ออกหมายบังคับคดีให้ใหม่หาได้ไม่