คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 271

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,756 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1368/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งมรดก, สิทธิในที่ดิน, ค่าเช่า, และการครอบครองทรัพย์สินร่วมกัน
โจทก์เป็นบุตรคนเดียวของ ซ. ซึ่งเป็นบุตรของ ย. เมื่อ ฮ. ซึ่งเป็นสามีของ ย. ตาย มรดกของ ฮ. คงมีเฉพาะ 2 ใน 3 ของที่ดิน 3 โฉนด ผู้จัดการมรดกของ ฮ.มีสิทธิจัดการได้เฉพาะมรดกของ ฮ. ตอนนี้ ซ.มารดาโจทก์มิได้เป็นทายาทของ ฮ. ไม่มีสิทธิในที่ดิน 3 แปลงนี้ เพราะ ย.มารดาของ ซซึ่งเป็นมารดาโจทก์ยังมีชีวิตอยู่ ผู้จัดการมรดกจึงไม่ได้กระทำอะไรแทน ซ. ย.คงมีสิทธิเป็นเจ้าของที่ดิน 3 โฉนดทุกแปลง
เมื่อ ย. ตายในปี 2490 ที่ดิน 3 ใน 7 ส่วน ทั้ง 3 โฉนด เป็นมรดกของ ย.ตกได้แก่ทายาทของ ย. คือบุตรของ ย.ที่เกิดจากสามีเก่าและสามีใหม่ มรดกของ ย.ไม่มีผู้จัดการมรดก คงมีแต่ทายาท ทายาททุกคนไม่อยู่ในฐานะจัดการมรดกแทนทายาทอื่น ถ้า ซ. บุตรของ ย.ฟ้องขอให้แบ่งมรดกภายใน 1 ปี ซ.ก็มีสิทธิขอแบ่งมรดก ย.3 ใน 7 ส่วนของที่ดินทั้ง 3 แปลง ถ้ามิได้ฟ้องภายใน 1 ปี ก็ต้องห้ามมิให้ฟ้องคดีมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 เว้นแต่ ซ.จะได้ครอบครองทรัพย์มรดกตามที่บัญญัติไว้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1748 หมายความว่า เมื่อล่วงพ้นกำหนดอายุความหนึ่งปีแล้ว ทายาทที่ครอบครองมรดกเรียกให้แบ่งทรัพย์มรดกได้เฉพาะทรัพย์ที่ตนครอบครองเท่านั้น เว้นแต่ทรัพย์มรดกนั้นไม่มีทายาทคนใดครอบครองเลย ซึ่งในกรณีเช่นนี้ทรัพย์มรดกนั้นทายาทเป็นเจ้าของร่วมกันตามมาตรา 1755 เมื่อ ซ.มารดาโจทก์ได้ครอบครองที่ดินมรดกโฉนดที่ 446 แปลงเดียว ส่วนที่ดินโฉนดที่ 942 และ 943 จำเลยทั้งห้าเป็นผู้ครอบครอง ซ.ก็มีสิทธิที่จะเรียกร้องให้แบ่งเฉพาะที่ดินที่ตนครอบครอง โจทก์จะอ้างการจัดการมรดกของ ฮ.เป็นการกระทำแทน ซ.หาได้ไม่
จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกของ ฮ.โจทก์ไม่ใช่ทายาทของ ฮ. ผู้จัดการมรดกไม่มีหน้าที่จะต้องแสดงบัญชีต่อผู้ที่ไม่ใช่ทายาท
การที่ ซ.เสียภาษีที่ดินในนามของ ย.ไม่เป็นการแสดงว่า ซ.ครอบครองที่ดินแต่อย่างใด ฉะนั้น การที่โจทก์ขออ้างพยานหลักฐานเพิ่มเติมว่า ซ.เสียภาษีในนามของ ย.เมื่อสืบพยานโจทก์หมดแล้ว จึงไม่ทำให้การวินิจฉัยคดีเปลี่ยนแปลงไป
โจทก์มิได้บรรยายฟ้องให้เป็นประเด็นว่า ทายาทอื่นหมดสิทธิหรือสละสิทธิรับมรดก และโจทก์ได้สิทธิอันใดเกินกว่าสิทธิของทายาทคนหนึ่ง จะมาอ้างในชั้นอุทธรณ์ฎีกาหาได้ไม่
โจทก์บรรยายฟ้องว่า ที่ดิน 3 โฉนดเป็นมรดก ฯลฯ จำเลยเก็บรายได้มาแบ่งปันให้ทายาทเฉพาะที่ดินโฉนดที่ 446 ต่อมาเมื่อเดือนสิงหาคม 2505 จำเลยให้ ส. เช่า ได้ค่าเช่าเดือนละ 12,000 บาท ขอให้คิดบัญชีแบ่งดอกผลให้โจทก์ตามส่วนและแบ่งดอกผลตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไป จำเลยก็ไม่ปฏิเสธว่าไม่มีรายได้ กลับรับว่าเอารายได้มาแบ่งให้พวกของจำเลยซึ่งเป็นทายาทของ ฮ.ดังนี้ จำเลยจะอ้างว่าเป็นฟ้องเคลือบคลุมหาได้ไม่
ตัวทรัพย์ที่จำเลยให้เช่าเป็นมรดกที่โจทก์มีสิทธิได้ส่วนแบ่ง จำเลยให้เช่าตั้งแต่สิงหาคม 2505 ก่อนวันฟ้อง โจทก์จึงมีสิทธิได้รับแบ่งดอกผลคือค่าเช่าตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2505 จนถึงวันฟ้องด้วย
คำสั่งศาลที่อนุญาตให้โจทก์ฟ้องความอย่างคนอนาถาย่อมเป็นที่สุดย่อมอุทธรณ์ฎีกาอีกไม่ได้ ไม่ว่าก่อนหรือหลังศาลพิพากษา
โจทก์มิได้ฟ้องให้เอาสินสมรสใช้สินเดิม เป็นแต่บรรยายถึงสิทธิในการขอแบ่งสินสมรส จึงไม่ต้องระบุว่ามีทรัพย์อะไรเป็นสินเดิม ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม (อ้างฎีกาที่ 886/2479, 1080/2497)
มรดกที่มีผู้จัดการ เมื่อยังมิได้แบ่งให้ทายาททุกคน การจัดการมรดกยังไม่เสร็จ การแบ่งมรดกต้องแบ่งตัวทรัพย์หรือเงินราคาตามมาตรา 1750 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หากตกลงเป็นอย่างอื่น จะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1750 ถ้ามีทายาทหลายคน ทายาทจำต้องแสดงเจตนาครอบครองต่อกันไม่ เมื่อนาง ซ.ซึ่งเป็นทายาทครอบครองทรัพย์มรดก ก็มีสิทธิเรียกร้องให้แบ่งทรัพย์มรดกได้ จำเลยจะไปประกาศรับโอนมรดกอย่างใด หาอาจใช้ยัน ซ.ได้ไม่ และจำเลยจะอ้างอายุความ 10 ปี ตามมาตรา 1382 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาใช้ยัน ซ.ก็ไม่ได้เพราะ ซ.กับจำเลยครอบครองร่วมกัน
จำเลยมิได้เป็นทายาทของ ซ.จึงยกอายุความ 1 ปี ขึ้นต่อสู้โจทก์ซึ่งเป็นบุตรของ ซ.ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1367/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้ตามคำพิพากษา: ส่งมอบห้องหรือคืนเงิน, การบังคับตามลำดับ และเหตุพ้นวิสัย
คำพิพากษาศาลชั้นต้นซึ่งถึงที่สุดไปแล้วบังคับว่า ให้จำเลยส่งมอบห้องพิพาทให้โจทก์ ถ้าไม่สามารถส่งมอบห้องได้ ก็ให้จำเลยคืนเงินแก่โจทก์ 12,500 บาท ดังนี้เป็นการกำหนดให้จำเลยกระทำการชำระหนี้ทีละอย่างก่อนหลังตามลำดับ กล่าวคือ ไม่สามารถจะกระทำอย่างแรกแล้วจึงให้กระทำอย่างหลัง ไม่ใช่เป็นการกระทำหลายอย่างอันลูกหนี้จะพึงเลือกได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 198 การที่จำเลยอ้างว่าจำเลยต้องใช้ห้องพิพาทเพื่อประกอบอาชีพนั้น เหตุเพียงเท่านี้ยังไม่เป็นอันพ้นวิสัยอันจะเป็นมูลให้จำเลยยกขึ้นอ้างว่าไม่สามารถส่งมอบห้องพิพาทได้ ฉะนั้น โอกาสที่จำเลยจะขอคืนเงินให้โจทก์ จึงยังไม่อาจเกิดขึ้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1367/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้ตามคำพิพากษา: จำเลยต้องส่งมอบห้องก่อน หากไม่ได้ ค่อยคืนเงิน ไม่ใช่ทางเลือก
คำพิพากษาศาลชั้นต้นซึ่งถึงที่สุดไปแล้วบังคับว่า ให้จำเลยส่งมอบห้องพิพาทให้โจทก์ ถ้าไม่สามารถส่งมอบห้องได้ ก็ให้จำเลยคืนเงินแก่โจทก์ 12,500 บาท ดังนี้ เป็นการกำหนดให้จำเลยกระทำการชำระหนี้ทีละอย่างก่อนหลังตามลำดับ กล่าวคือ ไม่สามารถจะกระทำอย่างแรกแล้วจึงให้กระทำอย่างหลัง ไม่ใช่เป็นการกระทำหลายอย่างอันลูกหนี้จะพึงเลือกได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 198 การที่จำเลยอ้างว่าจำเลยต้องใช้ห้องพิพาทเพื่อประกอบอาชีพนั้น เหตุเพียงเท่านี้ยังไม่เป็นอันพ้นวิสัย อันจะเป็นมูลให้จำเลยยกขึ้นอ้างว่าไม่สามารถส่งมอบห้องพิพาทได้ ฉะนั้น โอกาสที่จำเลยจะขอคืนเงินให้โจทก์จึงยังไม่อาจเกิดขึ้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1279/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความบังคับคดีหนี้ค่าเล่าเรียนรายปี: นับหนึ่งใหม่เมื่อถึงกำหนดชำระแต่ละปี
หนี้ตามคำพิพากษา ถ้าหากเกิดขึ้นเป็นรายปีเรียงกันไป ก็ต้องบังคับเรียงกันไปตามลำดับ ส่วนใดเกิน 10 ปี การขอบังคับคดีก็ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271
เมื่อมีหนี้หลายราย เงินที่ได้รับมาต้องชำระหนี้รายแรกก่อน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 328

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1279/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความบังคับคดีหนี้ค่าเล่าเรียนรายปี: เริ่มนับหนึ่งเมื่อถึงปีที่ต้องชำระ และบังคับเรียงตามลำดับ
หนี้ตามคำพิพากษา ถ้าหากเกิดขึ้นเป็นรายปีเรียงกันไป ก็ต้องบังคับเรียงกันไปตามลำดับ ส่วนใดเกิน 10 ปี การขอบังคับคดีก็ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271
เมื่อมีหนี้หลายราย เงินที่ได้รับมาต้องชำระหนี้รายแรกก่อน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 328

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1271/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการชำระหนี้ใหม่นอกศาล ศาลไม่จำเป็นต้องไต่สวนหากไม่มีหลักฐานการชำระหนี้
เมื่อศาลได้พิพากษาคดีให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ และออกคำบังคับแล้ว จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำบังคับ โจทก์ก็ย่อมขอให้ศาลออกหมายบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลยมาเพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้ การที่จำเลยยื่นคำร้องว่าได้มีการตกลงกับโจทก์ใหม่ และได้ชำระเงินให้แก่โจทก์ครบถ้วนตามข้อตกลงใหม่แล้ว ขอให้งดการบังคับคดี เป็นการกระทำนอกศาล โดยศาลมิได้รู้เห็นด้วย ทั้งโจทก์ก็ไม่รับรองว่าได้รับเงินครบถ้วนตามคำร้องของจำเลย ดังนี้ เป็นเรื่องที่จำเลยจะไปว่ากล่าวกับโจทก์เป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก จำเลยจะยกมาเป็นเหตุให้ศาลงดการบังคับคดีหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1271/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการชำระหนี้ใหม่นอกศาล: ศาลไม่จำเป็นต้องไต่สวนหากโจทก์ไม่รับรอง
เมื่อศาลได้พิพากษาคดีให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์และออกคำบังคับแล้ว จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำบังคับ โจทก์ก็ย่อมขอให้ศาลออกหมายบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลยมาเพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้ การที่จำเลยยื่นคำร้องว่าได้มีการตกลงกับโจทก์ใหม่ และได้ชำระเงินให้แก่โจทก์ครบถ้วนตามข้อตกลงใหม่แล้วขอให้งดการบังคับคดี เป็นการกระทำนอกศาล โดยศาลมิได้รู้เห็นด้วยทั้งโจทก์ก็ไม่รับรองว่าได้รับเงินครบถ้วนตามคำร้องของจำเลย ดังนี้ เป็นเรื่องที่จำเลยจะไปว่ากล่าวกับโจทก์เป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหากจำเลยจะยกมาเป็นเหตุให้ศาลงดการบังคับคดีหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1208/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บังคับคดีต้องตรงกับที่พิพาทที่ชนะคดี โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องบังคับคดีในที่ดินที่ไม่ได้ระบุในคำพิพากษา
เมื่อฟังไม่ได้ว่าที่พิพาทที่โจทก์ชนะคดี คือ ที่ดินที่จำเลยครอบครองอยู่ โจทก์ก็ไม่มีสิทธิร้องขอให้บังคับจำเลยออกจากที่ดินที่จำเลยครอบครอง คำร้องขอให้บังคับคดีของโจทก์จึงต้องยกเสีย และการที่ศาลมีคำสั่งให้ยกคำร้องนี้หาใช่เป็นการปฏิเสธสิทธิของโจทก์ตามคำพิพากษาหรือเป็นการลบล้างคำพิพากษาของศาลซึ่งมีอยู่ไม่ แต่เป็นเพราะโจทก์ขอให้มีการบังคับคดีไม่ตรงกับที่โจทก์ชนะคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1208/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีต้องตรงกับที่พิพาทที่ชนะคดี หากไม่ตรง ศาลย่อมยกคำร้อง
เมื่อฟังไม่ได้ว่าที่พิพาทที่โจทก์ชนะคดี คือ ที่ดินที่จำเลยครอบครองอยู่ โจทก์ก็ไม่มีสิทธิร้องขอให้บังคับจำเลยออกจากที่ดินที่จำเลยครอบครอง คำร้องขอให้บังคับคดีของโจทก์จึงต้องยกเสียและการที่ศาลมีคำสั่งให้ยกคำร้องนี้หาใช่เป็นการปฏิเสธสิทธิของโจทก์ตามคำพิพากษาหรือเป็นการลบล้างคำพิพากษาของศาลซึ่งมีอยู่ไม่แต่เป็นเพราะโจทก์ขอให้มีการบังคับคดีไม่ตรงกับที่โจทก์ชนะคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 998/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการอ้างเอกสารนอกศาล การพิพากษาคดีอาญาไม่ถือเป็นการชำระหนี้
เมื่อโจทก์ปฏิเสธว่าโจทก์และสามีโจทก์ไม่ได้รับชำระหนี้ตามคำพิพากษาจากจำเลยตามใบรับเงินที่จำเลยอ้าง จำเลยจะอ้างใบรับเงินที่ทำนอกศาลมาเป็นเหตุมิให้ศาลดำเนินการบังคับคดีตามคำพิพากษาหาได้ไม่ (อ้างฎีกาที่ 417/2504)
ส่วนการที่จำเลยอ้างว่าได้ชำระเงินให้สามีโจทก์ หากเป็นความจริง ก็เป็นเรื่องที่จำเลยจะว่ากล่าวเอาเงินคืนจากสามีโจทก์อีกเรื่องหนึ่งต่างหาก และการที่จำเลยอ้างว่าโจทก์และสามีโจทก์ได้ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาหาว่าปลอมหรือใช้ใบรับเงินปลอม และศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องโจทก์ ซึ่งมีความหมายว่า ใบรับเงินไม่ปลอม ถือว่าโจทก์ได้รับชำระหนี้จากจำเลย ต้องรับฟังยันโจทก์ในการบังคับคดีได้นั้น ปรากฏว่าคำพิพากษาของศาลฎีกาในคดีอาญาเพียงแต่วินิจฉัยว่า พยานหลักฐานโจทก์อยู่ในฐานสงสัย ฟังไม่ถนัดว่าจำเลยปลอมใบรับเงิน ยังลงโทษจำเลยทางอาญาไม่ได้เท่านั้น มิได้วินิจฉัยเลยไปว่าจำเลยชำระเงินให้สามีโจทก์หรือไม่ ฉะนั้นจึงรับฟังข้อเท็จจริงไม่ได้ว่าจำเลยชำระเงินให้สามีโจทก์แล้ว เป็นเรื่องที่จำเลยจะว่ากล่าวกับสามีโจทก์ต่อไป
of 176