คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 107

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 160 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 685/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง สัญญาที่ระบุที่ดินรวมห้องแถวถือเป็นการโอนกรรมสิทธิ์ทั้งหมด
เมื่อสัญญาซื้อขายที่ดินตอนต้นระบุถึงที่ดินซึ่งมีห้องแถวรวมอยู่ด้วย แม้ตอนต่อมาจะเขียนสัญญาซื้อขายใช้คำแต่เพียงว่า ผู้ขายยอมขายที่ดิน ผู้ซื้อยอมรับซื้อที่ดินโดยไม่มีข้อความเพิ่มเติมว่า "พร้อมกับห้องแถวด้วย" ก็ต้องหมายความว่า เป็นการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมด้วยสิ่งปลูกสร้าง คือห้องแถวพิพาทซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินและเป็นส่วนควบของที่ดิน
เมื่อสัญญาซื้อขายแสดงว่า ยอมขายห้องแถวด้วย โดยไม่มีข้อตกลงพิเศษว่า ให้ห้องแถวคงเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์โจทก์ซึ่งเป็นผู้ขายไม่มีสิทธินำสืบว่าต้องการขายแต่ที่ดิน ไม่ขายห้องแถว เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1798/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์สิ่งปลูกสร้างเพิ่มเติมบนพื้นที่เช่า ย่อมตกเป็นของเจ้าของที่ดินตามสัญญา
สัญญาที่ผู้เช่าได้ทำไว้ต่อผู้ให้เช่าว่า ทรัพย์ที่เช่าที่ได้สร้างขึ้นก่อนและต่อเติมปลูกใหม่ ต้องตกเป็นสิทธิแก่ผู้ให้เช่าทั้งสิ้นนั้น เมื่อครบกำหนดการเช่าแล้ว สถานที่ซึ่งผู้เช่าสร้างเพิ่มเติมติดต่อเชื่อมเป็นอันเดียวกับทรัพย์ที่เช่าจึงย่อมตกเป็นกรรมสิทธิ์แก่ผู้ให้เช่าไปในตัวโดยมิพักต้องทำพิธีโอนหรือให้ผู้เช่ายินยอมยกให้แก่ผู้ให้เช่าอีกไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1798/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิ่งปลูกสร้างเพิ่มเติมในสัญญาเช่า ย่อมตกเป็นกรรมสิทธิ์ผู้ให้เช่าเมื่อครบกำหนด
สัญญาที่ผู้เช่าได้ทำไว้ต่อผู้ให้เช่าว่าทรัพย์ที่เช่าที่ได้สร้างขึ้นก่อนและต่อเติมปลูกใหม่ ต้องตกเป็นสิทธิแก่ผู้ให้เช่าทั้งสิ้นนั้น เมื่อครบกำหนดการเช่าแล้ว สถานที่ซึ่งผู้เช่าสร้างเพิ่มเติมติดต่อเชื่อมเป็นอันเดียวกับทรัพย์ที่เช่าจึงย่อมตกเป็นกรรมสิทธิ์แก่ผู้ให้เช่าไปในตัวโดยมิพักต้องทำพิธีโอนหรือให้ผู้เช่ายินยอมยกให้แก่ผู้ให้เช่าอีกไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 648/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์โรงเรือนสร้างบนที่ดินของผู้อื่น: หลักส่วนควบ, ข้อยกเว้นสิทธิ
ตามธรรมดาโรงเรือนซึ่งปลูกสร้างลงในที่ดิน ย่อมเป็นเป็นส่วนควบของที่ดิน ใครเป็นเจ้าของที่ดินย่อมมีกรรมสิทธิ์ในโรงเรือนนั้นเว้นแต่จะเข้าข้อยกเว้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 109หรือ 1312
จำเลยมาได้บุตรสาวของผู้ร้องเป็นภรรยาและได้เข้าอยู่ร่วมในเรือนของผู้ร้องซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินของผู้ร้องต่อมาเรือนเก่าทรุดโทรม จึงรื้อลงสร้างหลังใหม่แทนหากจะฟังว่าจำเลยเป็นผู้ออกเงินค่าก่อสร้างเรือนหลังใหม่นี้ แต่เมื่อเรือนนี้มีลักษณะถาวรติดที่ดินและไม่ปรากฏเลยว่าจำเลยได้รับสิทธิหรืออำนาจที่จะปลูกเรือนนี้ลงในที่ดินของผู้ร้องแต่ประการใดกรณีจึงไม่เข้าข้อยกเว้นตามมาตรา 109 และไม่ใช่เรื่องที่จำเลยปลูกเรือนรุกล้ำเข้ามาในที่ดินของผู้ร้องตามมาตรา 1312 ด้วย จึงต้องถือว่าเรือนนี้เป็นส่วนควบของที่ดินที่ปลูกเรือนและตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง ตามมาตรา 107 เจ้าหนี้ผู้ชนะคดีจำเลยจะยึดเรือนนี้เพื่อขายเอาชำระหนี้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 648/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในโรงเรือนที่ปลูกสร้างบนที่ดินของผู้อื่น: การเป็นส่วนควบและข้อยกเว้น
ตามธรรมดาโรงเรือนซึ่งปลูกสร้างลงในที่ดินย่อมเป็นส่วนควบของที่ดิน ใครเป็นเจ้าของที่ดินย่อมมีกรรมสิทธิ์ในโรงเรือนนั้น เว้นแต่จะเข้าข้อยกเว้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 109 หรือ 1312
จำเลยมาได้บุตรสาวของผู้ร้องเป็นภรรยาและได้เข้าอยู่ร่วมในเรือนของผู้ร้องซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินของผู้ร้อง ต่อมาเรือนเก่าทรุดโทรม จึงรื้อลงสร้างหลังใหม่แทน หากจะฟังว่าจำเลยเป็นผู้ออกเงินค่าก่อสร้างเรือนหลังใหม่นี้ แต่เมื่อเรือนนี้มีลักษณะถาวรติดที่ดิน และไม่ปรากฏเลยว่าจำเลยได้รับสิทธิหรืออำนาจที่จะปลูกเรือนนี้ลงในที่ดินของผู้ร้องแต่ประการใด กรณีจึงไม่เข้าข้อยกเว้นตามมาตรา 109 และไม่ใช่เรื่องที่จำเลยปลูกเรือนรุกล้ำเข้ามาในที่ดินของผู้ร้องตามมาตรา 1312 ด้วย จึงต้องถือว่าเรือนนี้เป็นส่วนควบของที่ดินที่ปลูกเรือน และตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องตามมาตรา 107 เจ้าหนี้ผู้ชนะคดีจำเลยจะยึดเรือนนี้เพื่อขายเอาชำระหนี้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 716/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ส่วนควบของสิ่งปลูกสร้าง: การพิจารณาจากสภาพทรัพย์และเจตนาขายฝาก
ข้อเท็จจริงที่คู่ความรับกันในเรื่องสภาพของสิ่งปลูกสร้างที่พอให้วินิจฉัยปัญหาเรื่องส่วนควบได้แล้ว
เมื่อหนังสือสัญญาระบุว่าขายฝากเรือนหลังหนึ่งก็ย่อมหมายความรวมถึงส่วนควบของเรือนหลังนี้ด้วย และเมื่อเรือนหลังเล็กเป็นส่วนควบของเรือนหลังใหญ่โดยสภาพของทรัพย์อยู่แล้ว จะขอสืบพยานบุคคลว่าได้ตกลงกันไว้ก่อนขายว่าไม่ได้ขายหลังเล็กด้วยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 503/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำนองทรัพย์เช่าซื้อที่ไม่ตกเป็นของจำเลยก่อนจำนอง และเครื่องจักรไม่ใช่ส่วนควบของโรงสี
ผู้เช่าซื้อเอาเครื่องยนต์โรงสีจำนองไว้ในขณะที่ยังผ่อนส่งชำระราคาค่าเช่าซื้ไม่ครบนั้น เป็นการจำนองที่ฝ่าฝืนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 705
เครื่องยนต์สีข้าวไม่ใช่ทรัพย์ส่วนควบของตัวโรงสี จำนองไม่ได้ ขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 703
(หมายเหตุ ฎีกาที่อ้างถึง คือ ฎีกาที่ 610/2488 วินิจฉัยว่า เครื่องจักร์ทำน้ำโซดาและสิ่งอุปกรณ์ในการทำน้ำโซดา ไม่ใช่ส่วนควบของที่ดิน และว่าในหนังสือซึ่งระบุว่า ยกที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้นั้น ตามธรรมดาย่อมไม่รวมถึงสิ่งซึ่งไม่ใช่ส่วนควบของที่ดิน)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 500/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์สินที่เป็นโรงเรือนรวม และสิทธิของผู้ร้องขัดทรัพย์ในการขอวางประกัน
ทรัพย์ที่โจทก์นำยึดเป็นโรงเรือนมี 2 ชั้น แม้ชั้นบนกับชั้นล่างมีทางเข้าต่างหากจากกัน และชั้นบนมี 11 ห้อง ใช้เป็นโรงแรม ชั้นล่างมี 4 ห้อง ใช้เป็นที่อยู่อาศัยของจำเลยและบริวาร แต่มีสภาพเป็นโรงเรือนเพียงหลังเดียวไม่สามารถที่จะแยกจากกันได้ ผู้ร้องขับทรัพย์จะขอให้แยกยึดไม่ได้
การยื่นคำขอตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 (1) เป็นสิทธิของโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาที่นำยึดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาแล้วมีผู้มาร้องขัดทรัพย์ เจ้าหนี้ขอให้ศาลสั่งผู้ร้องขัดทรัพย์วางเงินประกันต่อศาลได้ หาใช่ให้สิทธิแก่ผู้ร้องขัดทรัพย์ที่จะขอเช่นนั้นไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1408/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเป็นส่วนควบของเรือน: พิจารณาจากความจำเป็นในการใช้ประโยชน์ร่วมกันและการแยกออกจากกันโดยไม่ทำให้เสียหาย
จำเลยสร้างเรือนพิพาทขึ้นเพื่ออยู่กับครอบครัว โดยแยกจากผู้ร้อง ผู้ร้องมีเรือน 2 หลังแฝดอยู่แล้ว เรือนพิพาทปลูกติดกับนอกชานเรือนผู้ร้อง เอาเสาต้นสั้นเกาะจากนอกชาน ถ้าไม่อาศัยเสานอกชานบ้านเก่าด้วยจะปลูกไม่ได้ เช่นนี้ เรือนรายพิพาทมิได้เป็นสาระสำคัญในความเป็นอยู่ของเรือนผู้ร้อง และอาจเแยกจากกันได้โดยไม่ทำให้เรือนผู้ร้องเสียหายหรือเปลี่ยนรูปทรง อย่างใด เรือนพิพาทจึงมิใช่ส่วนควบของเรือนผู้ร้อง และอาจแยกจากกันได้โดยไม่ทำให้เรือนผู้ร้องเสียหาย หรือเปลี่ยนรูปทรงอย่างใด เรือนพิพาทจึงมิใช่ส่วนควบของเรือนผู้ร้องตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 107

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1408/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ส่วนควบของเรือน: การพิจารณาความเป็นสาระสำคัญและการแยกจากกันได้โดยไม่ทำให้เสียหาย
จำเลยสร้างเรือนพิพาทขึ้นเพื่ออยู่กับครอบครัว โดยแยกจากผู้ร้อง ผู้ร้องมีเรือน 2 หลังแฝดอยู่แล้ว เรือนพิพาทปลูกติดกับนอกชานเรือนผู้ร้อง เอาเสาต้นสั้นเกาะจากนอกชาน ถ้าไม่อาศัยเสานอกชานบ้านเก่าด้วยจะปลูกไม่ได้ เช่นนี้เรือนรายพิพาทมิได้เป็นสาระสำคัญในความเป็นอยู่ของเรือนผู้ร้อง และอาจแยกจากกันได้โดยไม่ทำให้เรือนผู้ร้องเสียหายหรือเปลี่ยนรูปทรงอย่างใด เรือนพิพาทจึงมิใช่ส่วนควบของเรือนผู้ร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 107
of 16