พบผลลัพธ์ทั้งหมด 160 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1561/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกเรือน (ทรัพย์ติดที่ดิน) ด้วยวาจาไม่สมบูรณ์ ถือเป็นมรดกต้องแบ่ง
พูดยกเรือนให้หลานก่อนตาย. โดยไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 525 นั้น ถือว่าไม่สมบูรณ์เพราะเรือนเป็นทรัพย์ติดที่ดิน ตามมาตรา 100 ฉะนั้นเมื่อผู้ให้ตาย เรือนนี้จึงตกเป็นทรัพย์มรดกตกทอดยังทายาทเช่นเดียวกับทรัพย์อื่นผู้รับได้ครอบครองเรือนยังไม่ถึง 10 ปียังไม่ได้กรรมสิทธิ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 819/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ตึกส่วนควบที่ดิน & สัญญาเช่าที่เจ้าของร่วมไม่ได้ยินยอม
เจ้าของที่ดินทำสัญญากับผู้เช่าให้ผู้เช่าปลูกตึกคนกรีตลงในที่ดินของตนโดยให้ผู้เช่าเป็นผู้ออกเงินค่าปลูกสร้างเป็นเงินจำนวนหนึ่ง แล้วเจ้าของที่ดินยอมให้ผู้เช่าเช่าตึกนั้นมีกำหนด 3 ปี ดังนี้ เป็นเพียงผู้เช่าออกเงินค่าก่อสร้างไปแทนเจ้าของที่ดินเท่านั้น ตามลักษณะของทรัพย์ที่เป็นตึก จะแยกจากที่ดินไปได้ ย่อมเป็นส่วนควบของที่ดิน จึงตกเป็นของเจ้าของที่ดินด้วย
การที่เจ้าของร่วมคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้จัดการทรัพย์มาแต่แรกแต่คนเดียวเอาทรัพย์ให้ผู้อื่นเช่าแล้วเจ้าของร่วมอีกคนหนึ่งมาฟ้องขอให้ทำลายสัญญาเช่าโดยอ้างว่าไม่ได้รับความยินยอม จากตนและเจ้าของร่วมคนที่ฟ้องจะต้องนำสืบว่าตนและเจาของร่วมคนอื่นอีกคนหนึ่งไม่ได้ยินยอมและผู้เช่าผู้เป็นคู่สัญญาก็รู้ถึงความเห็นส่วนมากของเจาของร่วมนี้ด้วย ึงจะพ้นจากความรับผิดได้
โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับเงินค่าก่อสร้างตึกที่จำเลยออกแทนไป เพื่อขับไล่จำเลยออกจากตึกนี้ แต่เมื่อโจทก์ไม่มีสิทธิจะขับไล่ทั้งจำเลยก็มิได้ขอเรียกเงินจำนวนนี้จากโจทก์จึงเป็นสิทธิของโจทก์ที่จะใช้เขาหรือไม่ ไม่ใช่คำบังคับ
การที่เจ้าของร่วมคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้จัดการทรัพย์มาแต่แรกแต่คนเดียวเอาทรัพย์ให้ผู้อื่นเช่าแล้วเจ้าของร่วมอีกคนหนึ่งมาฟ้องขอให้ทำลายสัญญาเช่าโดยอ้างว่าไม่ได้รับความยินยอม จากตนและเจ้าของร่วมคนที่ฟ้องจะต้องนำสืบว่าตนและเจาของร่วมคนอื่นอีกคนหนึ่งไม่ได้ยินยอมและผู้เช่าผู้เป็นคู่สัญญาก็รู้ถึงความเห็นส่วนมากของเจาของร่วมนี้ด้วย ึงจะพ้นจากความรับผิดได้
โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับเงินค่าก่อสร้างตึกที่จำเลยออกแทนไป เพื่อขับไล่จำเลยออกจากตึกนี้ แต่เมื่อโจทก์ไม่มีสิทธิจะขับไล่ทั้งจำเลยก็มิได้ขอเรียกเงินจำนวนนี้จากโจทก์จึงเป็นสิทธิของโจทก์ที่จะใช้เขาหรือไม่ ไม่ใช่คำบังคับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 819/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในทรัพย์สินส่วนควบ สัญญาเช่าที่ไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของร่วม และสิทธิในการเรียกค่าปลูกสร้าง
เจ้าของที่ดินทำสัญญากับผู้เช่าให้ผู้เช่าปลูกตึกคอนกรีตลงในที่ดินของตน โดยให้ผู้เช่าเป็นผู้ออกเงินค่าปลูกสร้างเป็นเงินจำนวนหนึ่งแล้วเจ้าของที่ดินยอมให้ผู้เช่าเช่าตึกนั้นมีกำหนด 3 ปี ดังนี้ เป็นเพียงผู้เช่าออกเงินค่าก่อสร้างไปแทนเจ้าของที่ดินเท่านั้น ตามลักษณะของทรัพย์ที่เป็นตึก จะแยกจากที่ดินไม่ได้ ย่อมเป็นส่วนควบของที่ดิน จึงตกเป็นของเจ้าของที่ดินด้วย
การที่เจ้าของร่วมคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้จัดการทรัพย์มาแต่แรกแต่คนเดียวเอาทรัพย์ให้ผู้อื่นเช่า แล้วเจ้าของร่วมอีกคนหนึ่งมาฟ้องขอให้ทำลายสัญญาเช่าโดยอ้างว่าไม่ได้รับความยินยอมจากตนและเจ้าของร่วมคนอื่นอีกคนหนึ่งนั้นเป็นหน้าที่เจ้าของร่วมคนที่ฟ้องจะต้องนำสืบว่าตนและเจ้าของร่วมคนอื่นอีกคนหนึ่งไม่ได้ยินยอมและผู้เช่าผู้เป็นคู่สัญญาก็รู้ถึงความเห็นส่วนมากของเจ้าของร่วมนี้ด้วยจึงจะปลีกพ้นจากความรับผิดได้
โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับเงินค่าก่อสร้างตึกที่จำเลยออกแทนไปเพื่อขับไล่จำเลยออกจากตึกนี้ แต่เมื่อโจทก์ไม่มีสิทธิจะขับไล่ทั้งจำเลยก็มิได้ขอเรียกเงินจำนวนนี้จากโจทก์ จึงเป็นสิทธิของโจทก์ที่จะใช้เขาหรือไม่ไม่ใช่คำบังคับ
การที่เจ้าของร่วมคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้จัดการทรัพย์มาแต่แรกแต่คนเดียวเอาทรัพย์ให้ผู้อื่นเช่า แล้วเจ้าของร่วมอีกคนหนึ่งมาฟ้องขอให้ทำลายสัญญาเช่าโดยอ้างว่าไม่ได้รับความยินยอมจากตนและเจ้าของร่วมคนอื่นอีกคนหนึ่งนั้นเป็นหน้าที่เจ้าของร่วมคนที่ฟ้องจะต้องนำสืบว่าตนและเจ้าของร่วมคนอื่นอีกคนหนึ่งไม่ได้ยินยอมและผู้เช่าผู้เป็นคู่สัญญาก็รู้ถึงความเห็นส่วนมากของเจ้าของร่วมนี้ด้วยจึงจะปลีกพ้นจากความรับผิดได้
โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับเงินค่าก่อสร้างตึกที่จำเลยออกแทนไปเพื่อขับไล่จำเลยออกจากตึกนี้ แต่เมื่อโจทก์ไม่มีสิทธิจะขับไล่ทั้งจำเลยก็มิได้ขอเรียกเงินจำนวนนี้จากโจทก์ จึงเป็นสิทธิของโจทก์ที่จะใช้เขาหรือไม่ไม่ใช่คำบังคับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 86/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ส่วนควบของเรือน: ครัวไฟย่อมเป็นส่วนควบของเรือนใหญ่ แม้สัญญาระบุเฉพาะเรือนใหญ่
ครัวไฟเป็นส่วนควบของเรือนใหญ่ เมื่อทำสัญญาขายฝากเรือนย่อมหมายรวมถึงขายฝากทั้งครัวด้วย แม้ในสัญญาขายฝากจะระบุรายการไว้แต่เรือนหลังใหญ่เท่านั้นก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 86/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ส่วนควบของเรือน: ครัวไฟถือเป็นส่วนควบของเรือนใหญ่ แม้ไม่ได้ระบุในสัญญา
ครัวไฟเป็นส่วนควบของเรือนใหญ่ เมื่อทำสัญญาขายฝากเรือน ย่อมหมายรวมถึงขายฝากทั้งครัวด้วย แม้ในสัญญาขายฝากจะระบุรายการไว้แต่เรือนหลังใหญ่เท่านั้นก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 879/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ชานปลูกริมทะเลสาบเป็นส่วนควบของห้องเช่าหรือไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยตามสภาพพื้นที่และประโยชน์ใช้สอย
ชานปลูกอยู่บนชายตลิ่งริมทะเลสาบหน้าที่ดินของโจทก์ตรงกับห้องแถวของโจทก์ออกมา และใช้สำหรับขึ้นลงทะเล ตามสภาพเช่นนี้ ย่อมเห็นได้ชัดว่า ชานนี้เป็นส่วนหนึ่งต่อเนื่องจากห้องเช่ารายนี้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 879/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ส่วนควบของห้องเช่า: ชานปลูกติดกับห้องเช่าและใช้ประโยชน์ร่วมกันถือเป็นส่วนควบได้
ชานปลูกอยู่บนชายตลิ่งริมทะเลสาบหน้าที่ดินของโจทก์ตรงกับห้องแถวของโจทก์ออกมาและใช้สำหรับขึ้นลงทะเล ตามสภาพเช่นนี้ ย่อมเห็นได้ชัดว่าชานนี้เป็นส่วนหนึ่งต่อเนื่องจากห้องเช่ารายนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 561/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าที่ดินปลูกตึกและกรรมสิทธิ์ในตึกตกเป็นของเจ้าของที่เมื่อครบกำหนดสัญญา
เช่าที่ดินปลูกตึกโดยมีข้อสัญญาว่า+ให้ตึกที่ปลูกตกเป็นของเจ้าของที่ดิน+นายหน้านั้น เมื่อถึงกำหนดแล้วตึก+ตกเป็นของเจ้าของที่ดินตามสัญญา+ฐานะเป็นส่วนควบที่ดิน หาจำต้อง+ทำการโอนไม่(อ้างฎีกาที่ 561/2488)
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าที่ดินปลูกตึก+ตกลงให้ตึกตกเป็นของโจทก์ ครบกำหนดตามสัญญาแล้วจำเลยไม่ยอมโอนตึกให้เป็นของโจทก์ จึงขอให้ศาลแสดงว่า ตึกตกเป็นกรรมสิทธิของโจทก์และขอให้จำเลยไปทำการโอนให้ ดังนี้เป็นเรื่องขอให้ศาลแสดงสิทธิตามสัญญาและบังคับให้จำเลยไปทำการโอนตามสัญญา แม้จำเลยจะต่อสู้ว่าตามสัญญาตึกยังคงเป็นของจำเลย ก็เป็นเรื่องต่อสู้ในทางแปลสัญญา จึงเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ ตกอยู่ในอำนาจศาลแขวง ตามพระธรรมนูญศาลยุตติธรรม
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ต่อศาลแขวง แม้จำเลยจะฟ้องแย้งเรียกจำนวนเงิน+อำนาจของศาลแขวง ก็ไม่ทำให้คดีเดิมที่โจทก์ฟ้องเสียไป เพราะคดีเดิมโจทก์ต้องอยู่ในอำนาจศาลแขวงอยู่แล้ว เมื่อจำเลยนำคดีของตนไปฟ้องแย้งยังศาลแขวง ๆ จะบังคับให้ตามคำฟ้องแย้งของจำเลยไม่ได้ จึงถือว่า ข้อที่จำเลยฟ้องแย้งเป็นแต่เพียงข้อต่อสู้ฟ้องเดิมของโจทก์ข้อหนึ่งเท่านั้น
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าที่ดินปลูกตึก+ตกลงให้ตึกตกเป็นของโจทก์ ครบกำหนดตามสัญญาแล้วจำเลยไม่ยอมโอนตึกให้เป็นของโจทก์ จึงขอให้ศาลแสดงว่า ตึกตกเป็นกรรมสิทธิของโจทก์และขอให้จำเลยไปทำการโอนให้ ดังนี้เป็นเรื่องขอให้ศาลแสดงสิทธิตามสัญญาและบังคับให้จำเลยไปทำการโอนตามสัญญา แม้จำเลยจะต่อสู้ว่าตามสัญญาตึกยังคงเป็นของจำเลย ก็เป็นเรื่องต่อสู้ในทางแปลสัญญา จึงเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ ตกอยู่ในอำนาจศาลแขวง ตามพระธรรมนูญศาลยุตติธรรม
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ต่อศาลแขวง แม้จำเลยจะฟ้องแย้งเรียกจำนวนเงิน+อำนาจของศาลแขวง ก็ไม่ทำให้คดีเดิมที่โจทก์ฟ้องเสียไป เพราะคดีเดิมโจทก์ต้องอยู่ในอำนาจศาลแขวงอยู่แล้ว เมื่อจำเลยนำคดีของตนไปฟ้องแย้งยังศาลแขวง ๆ จะบังคับให้ตามคำฟ้องแย้งของจำเลยไม่ได้ จึงถือว่า ข้อที่จำเลยฟ้องแย้งเป็นแต่เพียงข้อต่อสู้ฟ้องเดิมของโจทก์ข้อหนึ่งเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 561/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าที่ดินปลูกตึกและตึกตกเป็นของเจ้าของที่ดินเมื่อครบกำหนด สิทธิในตึกเป็นส่วนควบของที่ดิน ไม่ต้องโอน
เช่าที่ดินปลูกตึกโดยมีข้อสัญญาว่าจะให้ตึกที่ปลูกตกเป็นของเจ้าของที่ดินในภายหน้านั้น เมื่อถึงกำหนดแล้วตึกย่อมตกเป็นของเจ้าของที่ดินตามสัญญาในฐานะเป็นส่วนควบที่ดินหาจำต้องไปทำการโอนไม่(อ้างฎีกาที่ 561/2488)
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าที่ดินปลูกตึกโดยตกลงให้ตึกตกเป็นของโจทก์ครบกำหนดตามสัญญาแล้วจำเลยไม่ยอมโอนตึกให้เป็นของโจทก์ จึงขอให้ศาลแสดงว่า ตึกตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์และขอให้จำเลยไปทำการโอนให้ดังนี้เป็นเรื่องขอให้ศาลแสดงสิทธิตามสัญญาและบังคับให้จำเลยไปทำการโอนตามสัญญา แม้จำเลยจะต่อสู้ว่าตามสัญญาตึกยังคงเป็นของจำเลย ก็เป็นเรื่องต่อสู้ในทางแปลสัญญา จึงเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ ตกอยู่ในอำนาจศาลแขวงตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม
โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ต่อศาลแขวง แม้จำเลยจะฟ้องแย้งเรียกจำนวนเงินเกินอำนาจของศาลแขวง ก็ไม่ทำให้คดีเดิมที่โจทก์ฟ้องเสียไปเพราะคดีเดิมโจทก์ฟ้องอยู่ในอำนาจศาลแขวงอยู่แล้ว เมื่อจำเลยนำคดีของตนไปฟ้องแย้งยังศาลแขวง ศาลแขวงก็บังคับให้ตามคำฟ้องแย้งของจำเลยไม่ได้ คงถือว่า ข้อที่จำเลยฟ้องแย้งเป็นแต่เพียงข้อต่อสู้ฟ้องเดิมของโจทก์ข้อหนึ่งเท่านั้น
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าที่ดินปลูกตึกโดยตกลงให้ตึกตกเป็นของโจทก์ครบกำหนดตามสัญญาแล้วจำเลยไม่ยอมโอนตึกให้เป็นของโจทก์ จึงขอให้ศาลแสดงว่า ตึกตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์และขอให้จำเลยไปทำการโอนให้ดังนี้เป็นเรื่องขอให้ศาลแสดงสิทธิตามสัญญาและบังคับให้จำเลยไปทำการโอนตามสัญญา แม้จำเลยจะต่อสู้ว่าตามสัญญาตึกยังคงเป็นของจำเลย ก็เป็นเรื่องต่อสู้ในทางแปลสัญญา จึงเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ ตกอยู่ในอำนาจศาลแขวงตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม
โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ต่อศาลแขวง แม้จำเลยจะฟ้องแย้งเรียกจำนวนเงินเกินอำนาจของศาลแขวง ก็ไม่ทำให้คดีเดิมที่โจทก์ฟ้องเสียไปเพราะคดีเดิมโจทก์ฟ้องอยู่ในอำนาจศาลแขวงอยู่แล้ว เมื่อจำเลยนำคดีของตนไปฟ้องแย้งยังศาลแขวง ศาลแขวงก็บังคับให้ตามคำฟ้องแย้งของจำเลยไม่ได้ คงถือว่า ข้อที่จำเลยฟ้องแย้งเป็นแต่เพียงข้อต่อสู้ฟ้องเดิมของโจทก์ข้อหนึ่งเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 892/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิในเรือนปลูกสร้างบนที่ดินของผู้อื่น ย่อมเป็นกรรมสิทธิของเจ้าของที่ดินตามกฎหมาย
การอ้างว่าได้กรรมสิทธิที่ดินในทางนิติกรรมนั้น จะต้องแสดงให้ปรากฎสิทธิในทางทะเบียนกรรมสิทธิต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เพียงแต่มีชื่อในบัญชีสำรวจเสียภาษีที่ดินของกำนันหาเป็นการจดทะเบียนการได้มาซึ่งกรรมสิทธิอย่างใดไม่
ปลูกสร้างโรงเรือนในที่ดินของผู้อื่นโดยไม่มีสิทธิอันใดในที่ดินนั้น โรงเรือนที่ปลูกขึ้นย่อนตกเป็นส่วนควบของที่ดินนั้นตาม ป.พ.พ.มาตรา 107 และตกเป็นกรรมสิทธิของเจ้าของที่ดิน
ปลูกสร้างโรงเรือนในที่ดินของผู้อื่นโดยไม่มีสิทธิอันใดในที่ดินนั้น โรงเรือนที่ปลูกขึ้นย่อนตกเป็นส่วนควบของที่ดินนั้นตาม ป.พ.พ.มาตรา 107 และตกเป็นกรรมสิทธิของเจ้าของที่ดิน