พบผลลัพธ์ทั้งหมด 127 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1414/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่า พิจารณาจากเหตุ เตรียมการ อาวุธ และลักษณะบาดแผล
ในการที่จะพิเคราะห์ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าคนตายหรือไม่จะต้องพิจารณาถึงสาเหตุการตระเตรียมการก่อนลงมือกระทำร้ายลักษณะของอาวุธที่ใช้ทำร้ายตลอดจนการกระทำของจำเลยและลักษณะบาดแผลรวมประกอบกัน
ได้ความว่าจำเลยกับผู้ตายมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อนแล้วเกิดเป็นปากเสียงทะเลาะกันอีกพอเกิดทะเลาะกันแล้วจำเลยหยิบเอาเหล็กสว่านแต่จะใช้เป็นไขควงก็ได้ยาว 10 ซ.ม. ด้ามเป็นเหล็กขนาดเท่าๆกัน ส่วนใหญ่ที่สุดของสว่านก็คือตอนที่ใกล้กับส่วนปลายที่แหลมและกว้าง 0.6 ซ.ม. ซึ่งเป็นเครื่องประหารที่ทำให้ร่างกายบุบสลายถึงสาหัสได้ หยิบแล้วเอาใส่กระเป๋ากางเกงไว้ แสดงว่าเป็นการตระเตรียมจะทำร้ายด้วยของกลางแล้วจำเลยได้ใช้ไขควงหรือสว่านนี้แทงอกทางซ้ายของผู้ตายซึ่งเป็นที่สำคัญ แผลที่แทงปรากฏว่าลึกถึง 8 ซ.ม. เห็นได้ว่าจำเลยได้แทงเข้าไปอย่างแรงจนเกือบมิดด้ามของเหล็กไขควง ถือได้แล้วว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำที่อาจแลเห็นผลได้ เข้าลักษณะเจตนาฆ่า
ได้ความว่าจำเลยกับผู้ตายมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อนแล้วเกิดเป็นปากเสียงทะเลาะกันอีกพอเกิดทะเลาะกันแล้วจำเลยหยิบเอาเหล็กสว่านแต่จะใช้เป็นไขควงก็ได้ยาว 10 ซ.ม. ด้ามเป็นเหล็กขนาดเท่าๆกัน ส่วนใหญ่ที่สุดของสว่านก็คือตอนที่ใกล้กับส่วนปลายที่แหลมและกว้าง 0.6 ซ.ม. ซึ่งเป็นเครื่องประหารที่ทำให้ร่างกายบุบสลายถึงสาหัสได้ หยิบแล้วเอาใส่กระเป๋ากางเกงไว้ แสดงว่าเป็นการตระเตรียมจะทำร้ายด้วยของกลางแล้วจำเลยได้ใช้ไขควงหรือสว่านนี้แทงอกทางซ้ายของผู้ตายซึ่งเป็นที่สำคัญ แผลที่แทงปรากฏว่าลึกถึง 8 ซ.ม. เห็นได้ว่าจำเลยได้แทงเข้าไปอย่างแรงจนเกือบมิดด้ามของเหล็กไขควง ถือได้แล้วว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำที่อาจแลเห็นผลได้ เข้าลักษณะเจตนาฆ่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1540/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาคดีลักทรัพย์และบุกรุกที่เกี่ยวข้องกับสถานที่เช่าเพื่อใช้เป็นโรงเรียน
ในคดีที่ฟ้องหาว่าจำเลยลักทรัพย์ ในฟ้องไม่ปรากฎว่า ทรัพย์ที่ถูกลักได้ถูกจับมาเป็นของกลางแต่อย่างใดและในคดีนั้นศาลฟังว่าจำเลยไม่มีผิดฐานลักทรัพย์ ศาลก็ย่อมไม่สั่งให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ถูกลักไป
เช่าสถานที่มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นโรงเรียน ทำการสอนหนังสือเด็กเท่านั้น แม้จะมีครูผู้ดูแลอาศัยอยู่ด้วยก็ไม่ทำให้สถานที่นั้นเป็น " เคหะ " อันอยู่ในความคุ้มครองของพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ
เช่าสถานที่มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นโรงเรียน ทำการสอนหนังสือเด็กเท่านั้น แม้จะมีครูผู้ดูแลอาศัยอยู่ด้วยก็ไม่ทำให้สถานที่นั้นเป็น " เคหะ " อันอยู่ในความคุ้มครองของพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1540/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาคดีลักทรัพย์และการพิจารณาประเภท 'เคหะ' ตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
ในคดีที่ฟ้องหาว่าจำเลยลักทรัพย์ ในฟ้องไม่ปรากฏว่า ทรัพย์ที่ถูกลักได้ถูกจับมาเป็นของกลางแต่อย่างใด และในคดีนั้นศาลฟังว่าจำเลยไม่มีผิดฐานลักทรัพย์ ศาลก็ย่อมไม่สั่งให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ถูกลักไป
เช่าสถานที่มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นโรงเรียน ทำการสอนหนังสือเด็กเท่านั้น แม้จะมีครูผู้ดูแลอาศัยอยู่ด้วยก็ไม่ทำให้สถานที่นั้นเป็น"เคหะ" อันอยู่ในความคุ้มครองของ พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯลฯ
เช่าสถานที่มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นโรงเรียน ทำการสอนหนังสือเด็กเท่านั้น แม้จะมีครูผู้ดูแลอาศัยอยู่ด้วยก็ไม่ทำให้สถานที่นั้นเป็น"เคหะ" อันอยู่ในความคุ้มครองของ พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯลฯ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 870/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดนายอำเภอเบิกจ่ายค่าขนส่งเกินจริงเพื่อประโยชน์ส่วนตัว
นายอำเภอใช้อำนาจในหน้าที่เบิกค่าขนส่งสิ่งของที่ส่งให้แก่ทางราชการอีกแห่งหนึ่งเกินไปไว้เป็นประโยชน์ของตนเสีย ย่อมมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 132 ในกรณีความผิดเช่นนี้แม้ไม่รู้ว่า จำเลยเบิกเงินเกินไปเท่าใด ก็ลงโทษได้ แต่จะให้จำเลยคืนเงินยังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 69/2486 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษจำเลยตามกฎหมายอาญามาตรา ๗๒ จำเลยให้การรับตามคำร้อง แต่ศาลไม่พิจารณาเพิ่มโทษ
โจทยื่นคำร้องขอเพิ่มโทสก่อนมีคำพิพากสา สาลจดคำแถลงของจำเลยที่ไห้การรีบ แต่ปรากตว่าได้อ่านข้อความเหล่านั้นไห้จำเลยฟัง และไห้จำเลยลงลายมือชื่อ สาลดีกามีอำนาดย้อนสำนวนไปไห้สาลชั้นต้นปติบัติการไห้ถูกต้องตามกะบวนพิจารนาโดยไห้พิจารนาพิพากสาไหม่ ฉเพาะประเด็นข้อที่โจทขอไห้เพิ่มโทสได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 69/2486
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กระบวนการพิจารณา - การอ่านคำให้การและลงลายมือชื่อ - อำนาจย้อนสำนวน
โจทก์ยื่นคำร้องขอเพิ่มโทษก่อนมีคำพิพากษา ศาลจดคำแถลงของจำเลยที่ให้การรับ แต่ไม่ปรากฏว่าได้อ่านข้อความเหล่านั้นให้จำเลยฟัง และให้จำเลยลงลายมือชื่อ ศาลฎีกามีอำนาจย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นปฏิบัติการให้ถูกต้องตามกระบวนพิจารณาโดยให้พิจารณาพิพากษาใหม่ เฉพาะประเด็นข้อที่โจทก์ขอให้เพิ่มโทษได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 835/2484
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีเสร็จเด็ดขาดแล้ว ห้ามฟ้องใหม่ หากศาลยกฟ้องโดยเห็นว่าจำเลยไม่มีความผิดตามฟ้อง
เมื่อศาลสั่งว่าคดีไม่มีมูลเป็นความผิดให้ยกฟ้องแล้วนั้นถือว่าเป็นเรื่องยกฟ้องตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 185 ไม่ใช่มาตรา 161 อัยยการหรือเจ้าทุกข์จะยื่นฟ้องใหม่ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1068/2481
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาพยานหลักฐาน: ศาลพิจารณาพยานทั้งสองฝ่ายแม้ไม่ได้กล่าวถึงเฉพาะเจาะจง
+พิพากษาของศาลมีว่าทางพิจารณาได้ความ+คำพะยานหลักฐานในท้องสำนวน" ดังนี้ +ถือว่าศาลได้พิจารณา+วินิจฉัยพะยานโจทก์จำเลยทั้งสองฝ่ายแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 56/2480
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปรับบทลงโทษจากมาตราอ้างอิงถึงมาตราอื่น ศาลไม่ผิดวิธีพิจารณา
จำเลยนำเอาหนังสือที่จำเลยรุ้แล้วว่าปลอมไปแสดงต่อศาล ศาลจึงลงโทษจำเลยตาม ม.227 แต่บทเดียวดังนี้ไม่เรียกว่าศาลกระทำการผิดประมวลวิธีพิจารณาอาญา ม.186 วรรค 7
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 733/2479
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีสมคบกระทำผิดซ้ำซ้อน: ศาลอ้างอิงคำพิพากษาคดีก่อนได้หากพยานหลักฐานไม่เปลี่ยนแปลง
ในคดีที่อัยยการแยกฟ้องจำเลยต่างสำนวนกันโดยหาว่าจำเลยสมคบกันกระทำผิดแลพะยานสำคัญของโจทก์ก็เป็นชุดเดียวกันทั้ง 2 สำนวน เมื่อสำนวนแรกศาลพิพากษายกฟ้องไปแล้ว เมื่อศาลเห็นว่าพะยานสำคัญในคดีหลังเบิกความทำนองเดียวกัน +ดีก่อน ศาลจะอ้างถึงคดีก่อนโดยไม่วินิจฉัยรายละเอียดในคดีหลังก็ได้