พบผลลัพธ์ทั้งหมด 87 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1999/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานทุจริต ยักยอกเงิน และปลอมแปลงบัญชีรับจ่าย
คำบรรยายฟ้องคดีอาญาฐานเจ้าพนักงานทุจริตต่อหน้าที่ยักยอกเงินที่ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม เพราะได้บรรยายความถึงหน้าที่และการกระทำผิดไว้โดยละเอียดพอที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้ดี
จำเลยรับราชการตำแหน่งตรวจคนเข้าเมือง มีหน้าที่รับเงินค่าล่วงเวลาในการไปตรวจควบคุม และ รอคอยพาหนะ รับเงินแล้วยักยอกเอาเป็นประโยชน์ส่วนตน เสียโดยมิได้ปฏิบัติตามคำสั่งกระทรวงการคลัง ที่ให้นำส่ง ผิดตาม ม. 131 ไม่ใช่ ม. 319 (3)
การที่จำเลยเป็นเจ้าพนักงานมีตำแหน่งที่ทำหนังสือราชการและจดทะเบียนบัญชี จำเลยบังอาจจดแจ้งข้อความลงในทะเบียน บัญชีเองอันเป็นเท็จ ผิดตาม ม.230 ไม่ใช่ ม.225, 229
จำเลยรับราชการตำแหน่งตรวจคนเข้าเมือง มีหน้าที่รับเงินค่าล่วงเวลาในการไปตรวจควบคุม และ รอคอยพาหนะ รับเงินแล้วยักยอกเอาเป็นประโยชน์ส่วนตน เสียโดยมิได้ปฏิบัติตามคำสั่งกระทรวงการคลัง ที่ให้นำส่ง ผิดตาม ม. 131 ไม่ใช่ ม. 319 (3)
การที่จำเลยเป็นเจ้าพนักงานมีตำแหน่งที่ทำหนังสือราชการและจดทะเบียนบัญชี จำเลยบังอาจจดแจ้งข้อความลงในทะเบียน บัญชีเองอันเป็นเท็จ ผิดตาม ม.230 ไม่ใช่ ม.225, 229
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1999/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานทุจริต ยักยอกเงินและปลอมแปลงบัญชี: เปลี่ยนบทลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา
คำบรรยายฟ้องคดีอาญาฐานเจ้าพนักงานทุจริตต่อหน้าที่ยักยอกเงินที่ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม เพราะได้บรรยายความถึงหน้าที่และการกระทำผิดไว้โดยละเอียดพอที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้ดี
จำเลยรับราชการตำแหน่งตรวจคนเข้าเมืองมีหน้าที่รับเงินค่าล่วงเวลาในการไปตรวจควบคุมและรอคอยพาหนะ รับเงินแล้วยักยอกเอาเป็นประโยชน์ส่วนตนเสีย โดยมิได้ปฏิบัติตามคำสั่งกระทรวงการคลังที่ให้นำส่ง ผิดตาม มาตรา 131ไม่ใช่ มาตรา 319(3)
การที่จำเลยเป็นเจ้าพนักงานมีตำแหน่งหน้าที่ทำหนังสือราชการและจดทะเบียนบัญชี จำเลยบังอาจจดแจ้งข้อความลงในทะเบียนบัญชีเองอันเป็นเท็จ ผิดตาม มาตรา 230 ไม่ใช่มาตรา 225,229
จำเลยรับราชการตำแหน่งตรวจคนเข้าเมืองมีหน้าที่รับเงินค่าล่วงเวลาในการไปตรวจควบคุมและรอคอยพาหนะ รับเงินแล้วยักยอกเอาเป็นประโยชน์ส่วนตนเสีย โดยมิได้ปฏิบัติตามคำสั่งกระทรวงการคลังที่ให้นำส่ง ผิดตาม มาตรา 131ไม่ใช่ มาตรา 319(3)
การที่จำเลยเป็นเจ้าพนักงานมีตำแหน่งหน้าที่ทำหนังสือราชการและจดทะเบียนบัญชี จำเลยบังอาจจดแจ้งข้อความลงในทะเบียนบัญชีเองอันเป็นเท็จ ผิดตาม มาตรา 230 ไม่ใช่มาตรา 225,229
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1829/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การออกใบแทนใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวโดยไม่มีเอกสารต้นฉบับจริง ถือเป็นความผิดฐานปลอมแปลงเอกสารและสมรู้ร่วมคิด
เสมียนตรวจคนเข้าเมืองประจำอำเภอซึ่งมีหน้าที่ทำใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว และปลัดอำเภอซึ่งมีหน้าที่เซ็นใบสำคัญ ได้จัดทำใบแทนใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวออกให้ไปโดยรู้อยู่ว่าไม่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวตัวจริง ย่อมเป็นการปลอมหนังสือตาม มาตรา 230
จำเลยผู้เป็นคนต่างด้าวแต่ไม่มีใบสำคัญประจำตัวอยู่ร้องขอให้เจ้าหน้าที่ออกใบแทนใบสำคัญ เพื่อที่จะให้จำเลยซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ในการทำใบสำคัญจัดทำใบแทนใบสำคัญให้โดยรู้อยู่ว่าใบสำคัญตัวจริงไม่มีอยู่ ดังนี้ นับว่าเป็นการอุปการะแก่การกระทำผิดของเจ้าหน้าที่ผู้ซึ่งจัดทำใบแทนใบสำคัญให้โดยรู้อยู่ว่าไม่มีใบสำคัญตัวจริงจัดว่าเป็นการสมรู้ด้วยการกระทำของเจ้าหน้าที่ผู้จัดออกใบแทนใบสำคัญดังกล่าวแล้วด้วย
จำเลยผู้เป็นคนต่างด้าวแต่ไม่มีใบสำคัญประจำตัวอยู่ร้องขอให้เจ้าหน้าที่ออกใบแทนใบสำคัญ เพื่อที่จะให้จำเลยซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ในการทำใบสำคัญจัดทำใบแทนใบสำคัญให้โดยรู้อยู่ว่าใบสำคัญตัวจริงไม่มีอยู่ ดังนี้ นับว่าเป็นการอุปการะแก่การกระทำผิดของเจ้าหน้าที่ผู้ซึ่งจัดทำใบแทนใบสำคัญให้โดยรู้อยู่ว่าไม่มีใบสำคัญตัวจริงจัดว่าเป็นการสมรู้ด้วยการกระทำของเจ้าหน้าที่ผู้จัดออกใบแทนใบสำคัญดังกล่าวแล้วด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1397-1398/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ – การฟ้องเคลือบคลุม – การแต่งตั้งตำแหน่งโดยไม่มีประโยชน์ตอบแทน
บุคคลที่นายอำเภอท้องที่แต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าชลประทานตามพระราชบัญญัติการชลประทานราษฎร์ ย่อมเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย
จำเลยเป็นผู้แทนราษฎร กฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพ.ศ.2492 มาตรา 80 ห้ามมิให้รับตำแหน่งหรือหน้าที่ใดๆจากรัฐโดยมีประโยชน์ตอบแทน จำเลยได้รับแต่งตั้งจากนายอำเภอให้เป็นหัวหน้าการชลประทานราษฎร์ แต่ไม่ปรากฏว่าเป็นตำแหน่งที่ได้รับประโยชน์ตอบแทน เช่นนี้จึงไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ถือว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานโดยชอบด้วยกฎหมาย
การที่โจทก์บรรยายในฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 15 มิถุนายน 2493 ถึงวันที่ 17 ตุลาคม 2493 จำเลยเบิกเงินคลังไป3 งวด 100,000 บาท ครั้นระหว่างวันที่ 15 มิถุนายน 2493. ถึง 2 ธันวาคม 2493 เวลากลางวันและกลางคืนจำเลยบังอาจสมคบกันกระทำหลักฐานเท็จและปลอมหนังสือหลายครั้ง โดยทำใบสำคัญจ่ายเงินค่าซ่อมฝายปลอมหลายฉบับ เป็นเงิน 65,744 บาท แสดงต่อกรมชลประทาน ซึ่งความจริงจำเลยหาได้จ่ายเงินไปตามใบสำคัญเหล่านั้นไม่ จำเลยกลับบังอาจมีเจตนาทุจริตคิดยักยอกเงิน 65,744 บาท และต่อไปก็บรรยายถึง วันเดือนปีใบสำคัญที่จำเลยทำทุจริตทุกฉบับเป็นข้อๆ เช่นนี้ไม่เป็นการเคลือบคลุม
อนึ่ง การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าระหว่างวัน....ถึงวัน..... จำเลยได้บังอาจยักยอกสิ่งของ แต่วันต้นของฟ้องเป็นวันที่จำเลยยังไม่ได้รับมอบสิ่งของที่ถูกหายักยอก เพราะความพลั้งเผลอ แต่โจทก์มีพยานสืบว่าจำเลยได้รับของในระหว่างวันในฟ้องนั้น และจำเลยยักยอกไประหว่างนั้น เช่นนี้ยังไม่เป็นการฟ้องเคลือบคลุม
จำเลยเป็นผู้แทนราษฎร กฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพ.ศ.2492 มาตรา 80 ห้ามมิให้รับตำแหน่งหรือหน้าที่ใดๆจากรัฐโดยมีประโยชน์ตอบแทน จำเลยได้รับแต่งตั้งจากนายอำเภอให้เป็นหัวหน้าการชลประทานราษฎร์ แต่ไม่ปรากฏว่าเป็นตำแหน่งที่ได้รับประโยชน์ตอบแทน เช่นนี้จึงไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ถือว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานโดยชอบด้วยกฎหมาย
การที่โจทก์บรรยายในฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 15 มิถุนายน 2493 ถึงวันที่ 17 ตุลาคม 2493 จำเลยเบิกเงินคลังไป3 งวด 100,000 บาท ครั้นระหว่างวันที่ 15 มิถุนายน 2493. ถึง 2 ธันวาคม 2493 เวลากลางวันและกลางคืนจำเลยบังอาจสมคบกันกระทำหลักฐานเท็จและปลอมหนังสือหลายครั้ง โดยทำใบสำคัญจ่ายเงินค่าซ่อมฝายปลอมหลายฉบับ เป็นเงิน 65,744 บาท แสดงต่อกรมชลประทาน ซึ่งความจริงจำเลยหาได้จ่ายเงินไปตามใบสำคัญเหล่านั้นไม่ จำเลยกลับบังอาจมีเจตนาทุจริตคิดยักยอกเงิน 65,744 บาท และต่อไปก็บรรยายถึง วันเดือนปีใบสำคัญที่จำเลยทำทุจริตทุกฉบับเป็นข้อๆ เช่นนี้ไม่เป็นการเคลือบคลุม
อนึ่ง การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าระหว่างวัน....ถึงวัน..... จำเลยได้บังอาจยักยอกสิ่งของ แต่วันต้นของฟ้องเป็นวันที่จำเลยยังไม่ได้รับมอบสิ่งของที่ถูกหายักยอก เพราะความพลั้งเผลอ แต่โจทก์มีพยานสืบว่าจำเลยได้รับของในระหว่างวันในฟ้องนั้น และจำเลยยักยอกไประหว่างนั้น เช่นนี้ยังไม่เป็นการฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1397-1398/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์, ปลอมแปลงเอกสาร, ฟ้องเคลือบคลุม: การพิจารณาความผิดและขอบเขตการฟ้องร้อง
บุคคลที่นายอำเภอท้องที่แต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าชลประทานตามพ.ร.บ. การชลประทานราษฎร์ ย่อมเป็นเจ้าพนักงานตามกฏหมาย
จำเลยเป็นผู้แทนราษฎร กฏหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2492 ม. 80 ห้ามมิให้รับตำแหน่งหรือหน้าที่จากรัฐโดยมีประโยชน์ตอบแทน จำเลยได้รับแต่งตั้งจากนายอำเภอให้เป็นหัวหน้าการชลประทานราษฎร แต่ไม่ปรากฏว่าเป็นตำแหน่งที่ได้รับประโยชน์ตอบแทน เช่นนี้จึงไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ถือว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานโดยชอบด้วยกฏหมาย
การที่โจทก์บรรยายในฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 15 มิถุนายน 2493 ถึงวันที่ 17 ตุลาคม 2493 จำเลยเบิกเงินคลังไป 3 งวด 100,000 บาท ครั้นระหว่างวันที่ 15 มิถุนายน 2493 ถึง 2 ธันวาคม 2493 เวลากลางวันและกลางคืนจำเลยบังอาจสมคบกันกระทำหลักฐานเท็จและปลอมหนังสือหลายครั้ง โดยทำใบสำคัญจ่ายเงินค่าซ่อมฝายปลอมหลายฉบับ เป็นเงิน 65,744 บาท แสดงต่อกรมชลประทาน ซึ่งความจริงจำเลยหาได้จ่ายเงินไปตามใบสำคัญเหล่านั้นไม่ จำเลยกลับบังอาจมีเจตนาทุจริตคิดยักยอกเงิน 65,744 บาท และต่อไปก็บรรยายถึง วันเดือนปีใบสำคัญที่จำเลยทำทุจริตทุกฉบับเป็นข้อ ๆ เช่นนี้ไม่เป็นการเคลือบคลุม
อนึ่ง การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าระหว่างวัน.....ถึงวัน....... จำเลยไดบังอาจยักยอกสิ่งของ แต่วันต้นของฟ้องเป็นวันที่จำเลยยังไม่ได้รับมอบสิ่งของที่ถูกหายักยอก เพราะความพลั้งเผลอ แต่โจทก์มีพยานสืบว่าจำเลยได้รับของในระหว่างวันในฟ้องนั้น และจำเลยยักยอกไประหว่างนั้น เช่นนี้ยังไม่เป็นการฟ้องเคลือบคลุม.
จำเลยเป็นผู้แทนราษฎร กฏหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2492 ม. 80 ห้ามมิให้รับตำแหน่งหรือหน้าที่จากรัฐโดยมีประโยชน์ตอบแทน จำเลยได้รับแต่งตั้งจากนายอำเภอให้เป็นหัวหน้าการชลประทานราษฎร แต่ไม่ปรากฏว่าเป็นตำแหน่งที่ได้รับประโยชน์ตอบแทน เช่นนี้จึงไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ถือว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานโดยชอบด้วยกฏหมาย
การที่โจทก์บรรยายในฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 15 มิถุนายน 2493 ถึงวันที่ 17 ตุลาคม 2493 จำเลยเบิกเงินคลังไป 3 งวด 100,000 บาท ครั้นระหว่างวันที่ 15 มิถุนายน 2493 ถึง 2 ธันวาคม 2493 เวลากลางวันและกลางคืนจำเลยบังอาจสมคบกันกระทำหลักฐานเท็จและปลอมหนังสือหลายครั้ง โดยทำใบสำคัญจ่ายเงินค่าซ่อมฝายปลอมหลายฉบับ เป็นเงิน 65,744 บาท แสดงต่อกรมชลประทาน ซึ่งความจริงจำเลยหาได้จ่ายเงินไปตามใบสำคัญเหล่านั้นไม่ จำเลยกลับบังอาจมีเจตนาทุจริตคิดยักยอกเงิน 65,744 บาท และต่อไปก็บรรยายถึง วันเดือนปีใบสำคัญที่จำเลยทำทุจริตทุกฉบับเป็นข้อ ๆ เช่นนี้ไม่เป็นการเคลือบคลุม
อนึ่ง การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าระหว่างวัน.....ถึงวัน....... จำเลยไดบังอาจยักยอกสิ่งของ แต่วันต้นของฟ้องเป็นวันที่จำเลยยังไม่ได้รับมอบสิ่งของที่ถูกหายักยอก เพราะความพลั้งเผลอ แต่โจทก์มีพยานสืบว่าจำเลยได้รับของในระหว่างวันในฟ้องนั้น และจำเลยยักยอกไประหว่างนั้น เช่นนี้ยังไม่เป็นการฟ้องเคลือบคลุม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 751-765/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานทุจริตเรียกรับเงินจากต่างด้าว และทำหลักฐานเท็จ
ปลัดอำเภอออกใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวโดยไม่มีอำนาจและรู้อยู่ว่าขัดขืนต่อคำสั่งระเบียบปฏิบัติ โดยเห็นแก่เงินที่เรียกร้องจากคนต่างด้าวเกินกว่าที่ควรต้องเสีย เอาส่วนเกินเป็นประโยชน์ของตนและแสร้งทำหลักฐานว่าได้มีการสอบสวนดำเนินคดีทางอาญาแล้ว
ยังไม่เป็นผิดฐานปลอมหนังสือเพราะจำเลยทำขึ้นในนามของจำเลยเอง ไม่ใช่ทำปลอมในนามของนายอำเภอหรือคนอื่น
มีผิดเพียงตาม กฎหมายลักษณะอาญา ม.230 และ138วรรคสองแต่อยู่ในระหว่างหัวต่อตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา3 ให้ใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา161 ซึ่งเป็นคุณแก่จำเลยแทนกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 230 และ มาตรา149 แทน กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา138 วรรคสอง
ยังไม่เป็นผิดฐานปลอมหนังสือเพราะจำเลยทำขึ้นในนามของจำเลยเอง ไม่ใช่ทำปลอมในนามของนายอำเภอหรือคนอื่น
มีผิดเพียงตาม กฎหมายลักษณะอาญา ม.230 และ138วรรคสองแต่อยู่ในระหว่างหัวต่อตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา3 ให้ใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา161 ซึ่งเป็นคุณแก่จำเลยแทนกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 230 และ มาตรา149 แทน กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา138 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 751-765/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานทุจริตหน้าที่ เรียกรับเงินเกินกว่าที่กำหนด และทำหลักฐานเท็จ
ปลัดอำเภอออกใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวโดยไม่มีอำนาจ และรู้อยู่ว่าขัดขืนต่อคำสั่งระเบียบปฏิบัติ โดยเห็นแก่เงินที่เรียกร้องจากคนต่างด้าวเกินกว่าที่ควรต้องเสีย เอาส่วนเกินเป็นประโยชน์ของตนและแสร้งทำหลักฐานว่า ได้มีการสอบสวนดำเนินคดีทางอาญาแล้ว
ยังไม่เป็นผิดฐานปลอมหนังสือ เพราะจำเลยทำขึ้นในนามของจำเลยเอง ไม่ใช่ทำปลอมในนามของนายอำเภอหรือคนอื่น
มีผิดเพียงตาม ก.ม.ลักษณะอาญา ม.230 และ 138 วรรค 2 แต่อยู่ในระหว่างหัวต่อตามประมวล ก.ม.อาญา ม.3 ให้ใช้ ประมวล ก.ม.อาญา ม.161 ซึ่งเป็นคุณแก่จำเลยแทน ก.ม.ลักษณะอาญา ม.230, และ ม.149 แทน ก.ม.ลักษณะอาญา ม.138 วรรค 2.
ยังไม่เป็นผิดฐานปลอมหนังสือ เพราะจำเลยทำขึ้นในนามของจำเลยเอง ไม่ใช่ทำปลอมในนามของนายอำเภอหรือคนอื่น
มีผิดเพียงตาม ก.ม.ลักษณะอาญา ม.230 และ 138 วรรค 2 แต่อยู่ในระหว่างหัวต่อตามประมวล ก.ม.อาญา ม.3 ให้ใช้ ประมวล ก.ม.อาญา ม.161 ซึ่งเป็นคุณแก่จำเลยแทน ก.ม.ลักษณะอาญา ม.230, และ ม.149 แทน ก.ม.ลักษณะอาญา ม.138 วรรค 2.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 719/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจออกบัตรประชาชน: ปลัดอำเภอไม่ใช่ผู้รักษาราชการแทนหากนายอำเภอยังปฏิบัติหน้าที่
คำว่า 'ผู้รักษาการแทน' ตามกฎกระทรวงมหาดไทยดั่งกล่าวหมายถึงผู้รักษาราชการแทนโดยธรรมดา เช่นไม่มีตัวนายอำเภอหรือนายอำเภอไม่ได้มาปฏิบัติราชการผู้มีอาวุโสตามระเบียบแบบแผนทำงานแทน เรียกว่าเป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้ามีตัวนายอำเภอและนายอำเภอมาปฏิบัติราชการอยู่ แม้จะมีงานมากและนายอำเภอได้สั่งให้ปลัดอำเภอช่วยทำแทนให้งานสำเร็จลุล่วงไปโดยรวดเร็วผู้รับคำสั่งจากนายอำเภอคือปลัดอำเภอก็เป็นแต่เพียงผู้ทำงานแทนนายอำเภอไม่ใช่เป็นผู้รักษาราชการแทน
เมื่อปลัดอำเภอไม่ใช่เป็นผู้รักษาราชการแทนนายอำเภอแต่ปลัดอำเภอได้ลงนามออกบัตรประชาชนให้แก่ผู้อื่นไป การกระทำของปลัดอำเภอก็เป็นการกระทำโดยไม่มีอำนาจและหน้าที่ปลัดอำเภอไม่มีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา230
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 10/2500)
เมื่อปลัดอำเภอไม่ใช่เป็นผู้รักษาราชการแทนนายอำเภอแต่ปลัดอำเภอได้ลงนามออกบัตรประชาชนให้แก่ผู้อื่นไป การกระทำของปลัดอำเภอก็เป็นการกระทำโดยไม่มีอำนาจและหน้าที่ปลัดอำเภอไม่มีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา230
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 10/2500)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1262/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์และแจ้งข้อความเท็จ: การพิจารณาความผิดหลายกระทงและการกำหนดโทษ
เสมียนพนักงานการรถไฟฯ เป็นเจ้าพนักงานตาม พระราชบัญญัติการรถไฟพ.ศ.2494 มาตรา18 และตาม กฎหมายอาญา
ดังนั้นเมื่อเสมียนพนักงานขายตั๋วของการรถไฟฯ ยักยอกเงินที่ขายตั๋วได้และจดแจ้งเท็จลงในบัญชีจำนวนขายตั๋วจึงมีความผิดตาม กฎหมายอาญา มาตรา 131 และ 230 รวม 2 กระทง
ดังนั้นเมื่อเสมียนพนักงานขายตั๋วของการรถไฟฯ ยักยอกเงินที่ขายตั๋วได้และจดแจ้งเท็จลงในบัญชีจำนวนขายตั๋วจึงมีความผิดตาม กฎหมายอาญา มาตรา 131 และ 230 รวม 2 กระทง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 523/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานะ 'เจ้าพนักงาน' ของพนักงานรายวัน: การแต่งตั้งเป็นกรรมการตรวจรับงานไม่ทำให้เป็นเจ้าพนักงานตามความหมายกฎหมายอาญา
ได้ความตามทางพิจารณาว่าจำเลยทั้ง 3 เป็นพนักงานรายวันของกรมทางหลวงแผ่นดิน กระทรวงคมนาคม ได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการตรวจรับหินซึ่งผู้รับเหมานำส่งแล้วรายงานจำนวนหินไม่ตรงกับความจริงเช่นนี้ไม่ถือว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานตามความหมายแห่ง กฎหมายลักษณะอาญา จำเลยจึงไม่มีความผิดตามม.230ที่โจทก์ฟ้อง
โดยปกติจะถือว่าผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานผู้นั้นต้องเป็นข้าราชการตามกฎหมายเว้นแต่จะมีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นพิเศษให้เป็นเจ้าพนักงานดังเช่นพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ.2496มาตรา 44 บัญญัติว่าให้พนักงานเทศบาลมีฐานะเป็นเจ้าพนักงานตามความหมายแห่ง กฎหมายลักษณะอาญาเป็นต้นและใน พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2495 มาตรา17 ซึ่งบัญญัติถึงข้าราชการพลเรือนว่ามีอยู่ 7 ประเภทก็ไม่กินความถึงจำเลยทั้งสามคนนี้เพราะจำเลยไม่ได้รับเงินเดือนหากเป็นเพียงพนักงานรายวัน
โดยปกติจะถือว่าผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานผู้นั้นต้องเป็นข้าราชการตามกฎหมายเว้นแต่จะมีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นพิเศษให้เป็นเจ้าพนักงานดังเช่นพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ.2496มาตรา 44 บัญญัติว่าให้พนักงานเทศบาลมีฐานะเป็นเจ้าพนักงานตามความหมายแห่ง กฎหมายลักษณะอาญาเป็นต้นและใน พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2495 มาตรา17 ซึ่งบัญญัติถึงข้าราชการพลเรือนว่ามีอยู่ 7 ประเภทก็ไม่กินความถึงจำเลยทั้งสามคนนี้เพราะจำเลยไม่ได้รับเงินเดือนหากเป็นเพียงพนักงานรายวัน