คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 369

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 805 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6929/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความเป็นสัญญาต่างตอบแทน โจทก์ต้องชำระหนี้ก่อนจึงจะขอให้บังคับจำเลยได้
สัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์และจำเลยมีข้อความว่าโจทก์ยอมชำระเงินให้แก่จำเลยและจำเลยยอมจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์และจำเลยดังกล่าวเป็นสัญญาต่างตอบแทนคู่สัญญาต่างก็มีหน้าที่จะต้องชำระหนี้ต่อกัน ดังนั้น การที่โจทก์จะดำเนินการให้มีการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทให้เป็นของโจทก์นั้น โจทก์ก็ต้องขอปฏิบัติการชำระหนี้ให้แก่จำเลยด้วย เมื่อโจทก์ไม่ดำเนินการดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องเพื่อขอให้บังคับจำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6657/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาต่างตอบแทนการโอนที่ดิน: การเลิกสัญญาเช่านาแลกกับการจัดหาที่ดินใหม่
การที่จำเลยยอมเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดหาที่ดินให้แก่โจทก์ทั้งสามเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกับการที่โจทก์ทั้งสามยอมเลิกการเช่านาและออกจากนาที่เช่าเป็นสัญญาต่างตอบแทนที่ใช้บังคับได้ กรณีมิใช่เป็นการให้โดยเสน่หาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 521 จึงไม่ต้องปฏิบัติตามมาตรา 525 และ 526 บันทึกข้อตกลงที่ให้จำเลยเป็นผู้จัดหาที่ดิน ไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องมีเอกสารมาแสดง การที่โจทก์ทั้งสามนำสืบพยานบุคคลให้เห็นเจตนาของคู่กรณีว่าตกลงจะโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงใด จึงไม่ต้องห้ามมิให้รับฟังตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6472/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาต่างตอบแทน: การไม่ปฏิบัติตามสัญญาซ่อมบำรุง ทำให้จำเลยไม่ต้องชำระค่าบริการ
ข้อตกลงระหว่างโจทก์กับจำเลยระบุว่า ระหว่างระยะเวลาที่โจทก์รับประกันเครื่องปรับอากาศ โจทก์ผู้ขายมีหน้าที่ต้องดูแลบำรุงรักษาซ่อมแซมและทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศ ส่วนจำเลยผู้ซื้อมีหน้าที่จะต้องชำระเงินค่าบำรุงรักษาและค่าบริการทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศที่ตกลงซื้อขายกันนั้นให้แก่โจทก์ โดยแบ่งชำระเป็นรายปีข้อตกลงดังกล่าวจึงเป็นสัญญาต่างตอบแทนระหว่างโจทก์กับจำเลย ดังนั้น เมื่อระหว่างเวลาที่โจทก์รับประกัน เครื่องปรับอากาศที่โจทก์ขายให้จำเลยนั้นเกิดชำรุดบกพร่องเสียหายจำนวนมาก จำเลยได้แจ้งให้โจทก์จัดการซ่อมแซมแก้ไขแล้ว แต่โจทก์เพิกเฉยไม่ปฏิบัติตามสัญญาจนจำเลยต้องว่าจ้างบุคคลภายนอกให้มาซ่อมแซมเครื่องปรับอากาศดังกล่าว โจทก์จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาต่อจำเลย จำเลยไม่ต้องชำระเงินค่าบำรุงรักษาและบริการทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศให้โจทก์
ส่วนการซื้อขายเครื่องปรับอากาศจำนวน 91 เครื่อง ซึ่งเป็นการซื้อขายครั้งหลังนั้นเป็นการที่จำเลยสั่งซื้อเพิ่มเติมและเป็นจำนวนมากพอสมควร น่าเชื่อว่าโจทก์และจำเลยได้นำข้อตกลงและเงื่อนไขในการซื้อขายเครื่องปรับอากาศครั้งแรกตามสัญญาซื้อขายมาใช้บังคับด้วย และแม้ในสัญญาดังกล่าวจะไม่มีข้อความว่าการที่โจทก์ไม่มาซ่อมแซมความชำรุดบกพร่องเครื่องปรับอากาศที่เกิดความเสียหายให้ถือว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาก็ตามแต่เมื่อสัญญานั้นเป็นสัญญาต่างตอบแทน การที่โจทก์ไม่ปฏิบัติการชำระหนี้ให้แก่จำเลยตามสัญญาต่างตอบแทน โจทก์จึงเป็นผู้ผิดสัญญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4270/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาต่างตอบแทน การปฏิบัติตามสัญญาพร้อมกัน และสิทธิในการฟ้องบังคับชำระหนี้
สัญญาแบ่งทรัพย์สินและรับสภาพหนี้ มีการกำหนดหน้าที่ให้คู่สัญญาปฏิบัติพร้อมกันไป ไม่ได้มีการระบุเงื่อนไขว่าโจทก์จะโอนทรัพย์สินให้จำเลยหรือช่วยจำเลยชำระหนี้ต่อเมื่อจำเลยโอนทรัพย์สินที่ไม่ติดจำนองให้แก่โจทก์ 1 ใน 2 ส่วน ภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2528 แต่อย่างใด โจทก์จึงต้องปฏิบัติการชำระหนี้ของตนหรืออยู่ในฐานะพร้อมที่จะปฏิบัติการชำระหนี้ของตนเสียก่อนจึงจะบอกกล่าวให้จำเลยปฏิบัติการชำระหนี้ตามสัญญาต่างตอบแทนนั้นได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 369 เมื่อโจทก์ไม่อยู่ในฐานะพร้อมที่จะปฏิบัติตามสัญญาหรือพร้อมที่จะโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวให้จำเลย 1 ใน 2 ส่วนโดยปลอดจำนองตามสัญญา จำเลยจึงมีสิทธิไม่ยอมชำระหนี้จนกว่าโจทก์จะชำระหนี้หรือขอปฏิบัติการชำระหนี้ต่อจำเลยเสียก่อนได้ โจทก์จะยกข้อตกลงเฉพาะข้อหนึ่งข้อใดมาบังคับเอาแก่จำเลยเพื่อเป็นประโยชน์ของตนฝ่ายเดียวไม่ได้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะฟ้องบังคับจำเลยให้ชำระหนี้ตามสัญญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3592/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทเรื่องการเพิ่มทุนโดยการโอนทรัพย์สิน จำเลยมีหน้าที่โอนทรัพย์สินให้โจทก์ตามข้อตกลง
ตามฟ้องโจทก์บรรยายว่า โจทก์ที่ 2 กับนายสมชัยและจำเลยตกลงเข้าร่วมลงทุนกับโจทก์ที่ 1 โดยจะจดทะเบียนเพิ่มทุนจาก 1,000,000 บาท เป็น6,000,000 บาท ในการเพิ่มทุนครั้งนี้โจทก์ที่ 2 และนายสมชัยจะต้องชำระเงินคนละ2,000,000 บาท ส่วนจำเลยจะโอนทรัพย์สินที่ใช้ในกิจการของโจทก์ที่ 1 มาตีราคาในการเพิ่มทุน ต่อมาโจทก์ที่ 2 ชำระเงิน 2,000,000 บาท และนายสมชัยชำระเงิน1,000,000 บาท ให้แก่โจทก์ที่ 1 แล้วโจทก์ที่ 1 ชำระเงิน 3,000,000 บาท ให้แก่จำเลย แม้ฟ้องโจทก์ตอนนี้จะบรรยายว่า เพื่อเป็นการซื้อทรัพย์สินจากจำเลย อันมีความหมายว่าทรัพย์สินดังกล่าวเป็นของจำเลยก็ตาม แต่เมื่ออ่านฟ้องโจทก์ทั้งหมดโดยตลอดแล้ว ทำให้เข้าใจได้ว่าโจทก์ที่ 1 มีความประสงค์จะให้จำเลยโอนทรัพย์สินให้แก่โจทก์ที่ 1 ตามข้อตกลงเข้าร่วมลงทุนโดยมิได้คำนึงว่าทรัพย์สินดังกล่าวจะเป็นของจำเลยหรือเป็นของผู้อื่น ฟ้องของโจทก์จึงไม่ขัดกัน และจำเลยก็เข้าใจข้อหาต่อสู้คดีได้ว่าโจทก์ที่ 1 เป็นฝ่ายผิดสัญญา โดยชำระเงินค่าทรัพย์สินดังกล่าวให้จำเลยไม่ครบถ้วนดังนี้ ฟ้องโจทก์ได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 172 วรรคสอง แล้ว ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุมโจทก์ฟ้องว่า โจทก์ที่ 1 เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด มีจำเลย โจทก์ที่ 2 และนายสมชัย ไชยศุภรากุล เป็นกรรมการ และกรรมการผู้ซึ่งลงลายมือชื่อผูกพันบริษัทได้ คือกรรมการสองคนร่วมกันลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของบริษัท จำเลยให้การว่าในการแต่งตั้งนายสุรัตน์ แสงจันทร์รุ่ง เป็นทนายความดำเนินคดีแทน โจทก์ที่ 1 มิได้ลงลายมือชื่อกรรมการสองคนและประทับตราสำคัญของโจทก์ที่ 1 ให้ถูกต้องตามข้อบังคับการแต่งตั้งทนายความให้ดำเนินคดีจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ที่ 1 ไม่มีอำนาจฟ้องคำให้การจำเลยดังกล่าวไม่ได้ปฏิเสธโดยชัดแจ้งว่าตราประทับในใบแต่งทนายความของโจทก์ที่ 1 เป็นดวงตราปลอม คดีย่อมไม่มีประเด็นในปัญหาดังกล่าว ฎีกาของจำเลยที่ว่าตราประทับในใบแต่งทนายความของโจทก์ที่ 1 เป็นดวงตราปลอม จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.พ.พ.มาตรา249 วรรคหนึ่ง จำเลยชักชวนโจทก์ที่ 2 และ ส.เข้าร่วมลงทุนในบริษัทโจทก์ที่ 1 โดยจดทะเบียนเพิ่มทุนจาก 1,000,000 บาท เป็น 6,000,000 บาท โจทก์ที่ 2 และ ส.ลงทุนคนละ 2,000,000 บาท ส่วนจำเลยนำทรัพย์สินตีราคาเป็นทุน 6,000,000 บาทการเพิ่มทุนของโจทก์ที่ 1 มีการกำหนดสัดส่วนในการลงทุน จำนวนกรรมการและอำนาจกรรมการที่จะลงลายมือชื่อผูกพันบริษัทไว้โดยชัดแจ้ง เมื่อจำเลยได้รับเงินจากโจทก์ที่ 1เป็นเงิน 3,000,000 บาท แล้ว จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องโอนทรัพย์สินดังกล่าวให้แก่โจทก์ที่ 1 ตามข้อตกลงร่วมลงทุน หากโจทก์ที่ 1 ยังค้างชำระเงินให้แก่จำเลยเท่าใด จำเลยชอบที่จะไปว่ากล่าวเอาแก่โจทก์ที่ 1 เป็นคดีใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2380/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเก็บกินจากการตอบแทนการยกที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง: สิทธิเรียกร้องบังคับให้จดทะเบียนได้
การที่จำเลยตกลงด้วยวาจาให้โจทก์มีสิทธิเก็บกินในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตลอดชีวิตของโจทก์ก็เพื่อเป็นการ ตอบแทนที่โจทก์ยกที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้แก่จำเลยข้อตกลงดังกล่าวจึงเป็นข้อตกลงพิเศษอย่างสัญญาต่างตอบแทนก่อให้เกิดบุคคลสิทธิแก่โจทก์ในอันที่จะเรียกร้องให้จำเลยไปจดทะเบียนสิทธิเก็บกินนั้น และเมื่อได้มีการจดทะเบียนเช่นนั้นแล้ว การได้มาโดยนิติกรรมดังกล่าวซึ่งสิทธิเก็บกินอันเป็นทรัพย์สิทธิก็ย่อมบริบูรณ์ตามกฎหมายสมเจตนาของคู่กรณี สิทธิของโจทก์ตามนิติกรรมดังกล่าวนี้เป็นสิทธิ เรียกร้องระหว่างโจทก์จำเลยซึ่งเป็นคู่กรณี ตราบใดที่ จำเลยผู้เป็นเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างยังมิได้ โอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้แก่บุคคลอื่น โจทก์ย่อมมีอำนาจ ฟ้องต่อศาลขอให้บังคับจำเลยไปจดทะเบียนสิทธิเก็บกินได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2380/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเก็บกินจากการยกที่ดินเป็นของขวัญ: สิทธิเรียกร้องบังคับจดทะเบียนได้
โจทก์จำเลยตกลงกันด้วยวาจาให้โจทก์มีสิทธิเก็บกิน ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตลอดชีวิตของโจทก์ เพื่อเป็นการตอบแทน ในการที่โจทก์ยกที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนั้นให้แก่จำเลย ซึ่งเป็นบุตรของโจทก์ จำเลยจะมีผลประโยชน์จากสิ่งปลูกสร้างโดยได้เงินกินเปล่าจากผู้เช่า ส่วนโจทก์มีรายได้เฉพาะการเก็บค่าเช่าเท่านั้น ข้อตกลงดังกล่าวเป็นข้อตกลงพิเศษอย่างสัญญาต่างตอบแทน ก่อให้เกิดบุคคลสิทธิแก่โจทก์ ในอันที่จะเรียกร้องให้จำเลยไปจดทะเบียนสิทธิเก็บกินนั้น ตราบใดที่จำเลยผู้เป็นเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ยังมิได้โอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนั้นให้แก่บุคคลอื่น โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องขอให้บังคับจำเลยไปจดทะเบียนสิทธิเก็บกินได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2380/2542 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเก็บกินโดยสัญญาต่างตอบแทน: อำนาจฟ้องบังคับจดทะเบียน
โจทก์จำเลยตกลงกันด้วยวาจาให้โจทก์มีสิทธิเก็บกินในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตลอดชีวิตของโจทก์ เพื่อเป็นการตอบแทนในการที่โจทก์ยกที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนั้นให้แก่จำเลยซึ่งเป็นบุตรของโจทก์ จำเลยจะมีผลประโยชน์จากสิ่งปลูกสร้างโดยได้เงินกินเปล่าจากผู้เช่า ส่วนโจทก์มีรายได้เฉพาะการเก็บค่าเช่าเท่านั้น ข้อตกลงดังกล่าวเป็นข้อตกลงพิเศษอย่างสัญญาต่างตอบแทน ก่อให้เกิดบุคคลสิทธิแก่โจทก์ในอันที่จะเรียกร้องให้จำเลยไปจดทะเบียนสิทธิเก็บกินนั้นตราบใดที่จำเลยผู้เป็นเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างยังมิได้โอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนั้นให้แก่บุคคลอื่น โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องขอให้บังคับจำเลยไปจดทะเบียนสิทธิเก็บกินได้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 1/2542)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1943/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประกวดราคา: การยื่นซองใหม่ทำให้ราคายื่นเดิมสิ้นผล ระยะเวลาผูกพันเริ่มนับจากวันยื่นซองใหม่ ผู้เสนอราคาต้องทำสัญญาตามกำหนด
โจทก์เข้ายื่นซองประกวดราคาจ้างก่อสร้างอาคารตามข้อเสนอและเงื่อนไขที่จำเลยกำหนด โจทก์จึงต้องผูกพันที่จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขและข้อกำหนดดังกล่าวตามระยะเวลาที่ตกลงกันไว้ และตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้มีข้อตกลงให้มีการยื่นซองประกวดเฉพาะราคาใหม่ได้ แสดงให้เห็นถึงความประสงค์ของคู่สัญญาว่าหากมีการยื่นซองประกวดเฉพาะราคาใหม่ตามข้อตกลงดังกล่าวแล้ว ราคาที่ผู้ยื่นซองประกวดราคายื่นเสนอไว้เดิมเป็นอันยกเลิกกันไปและต้องถือราคาตามที่ได้มีการเสนอราคาใหม่นั้น ส่วนระยะเวลาการยืนราคาที่เสนอใหม่ยังคงเป็นไปตามข้อตกลงเดิมคือต้องยืนราคาไว้ 90 วัน นับแต่วันที่ได้มีการยื่นซองประกวดราคาใหม่โจทก์ยื่นซองประกวดเฉพาะราคาใหม่ วันที่ 7 ธันวาคม2536 ระยะเวลา 90 วัน จึงต้องนับแต่วันดังกล่าวเป็นต้นไปเมื่อจำเลยมีหนังสือแจ้งให้โจทก์ไปทำสัญญาจ้างและโจทก์ได้รับหนังสือดังกล่าวในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2537 จึงไม่เกินกำหนดระยะเวลาที่โจทก์จะต้องผูกพันตามราคาที่ยืนไว้ตามข้อตกลง เมื่อโจทก์ไม่ไปทำสัญญาจ้างตามกำหนด โจทก์จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาและต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่จำเลยตามข้อตกลงในการยื่นซองประกวดราคาจ้างก่อสร้าง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1943/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อผูกพันตามสัญญาประกวดราคา: ผลของการยื่นซองประกวดราคาใหม่และการกำหนดระยะเวลาผูกพัน
โจทก์เข้ายื่นซองประกวดราคาจ้างก่อสร้างอาคารตามข้อเสนอและเงื่อนไขที่จำเลยกำหนด โจทก์จึงต้องผูกพันที่จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขและข้อกำหนดดังกล่าวตามระยะเวลาที่ตกลงกันไว้ และตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้มีข้อตกลงให้มีการยื่นซองประกวดเฉพาะราคาใหม่ได้ แสดงให้เห็นถึงความประสงค์ของคู่สัญญาว่าหากมีการยื่นซองประกวดเฉพาะราคาใหม่ตามข้อตกลงดังกล่าวแล้ว ราคาที่ผู้ยื่นซองประกวดราคายื่นเสนอไว้เดิมเป็นอันยกเลิกกันไปและต้องถือราคาตามที่ได้มีการเสนอราคาใหม่นั้น ส่วนระยะเวลาการยืนราคาที่เสนอใหม่ยังคงเป็นไปตามข้อตกลงเดิมคือต้องยืนราคาไว้ 90 วัน นับแต่วันที่ได้มีการยื่นซองประกวดราคาใหม่ โจทก์ยื่นซองประกวดเฉพาะราคาใหม่วันที่ 7 ธันวาคม 2536 ระยะเวลา 90 วัน จึงต้องนับแต่วันดังกล่าวเป็นต้นไป เมื่อจำเลยมีหนังสือแจ้งให้โจทก์ไปทำสัญญาจ้างและโจทก์ได้รับหนังสือดังกล่าวในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2537 จึงไม่เกินกำหนดระยะเวลาที่โจทก์จะต้องผูกพันตามราคาที่ยืนไว้ตามข้อตกลง เมื่อโจทก์ไม่ไปทำสัญญาจ้างตามกำหนด โจทก์จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาและต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่จำเลยตามข้อตกลงในการยื่นซองประกวดราคาจ้างก่อสร้าง
of 81