คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
อนันต์ วงษ์ประภารัตน์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 175 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 530/2559

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ: ผู้รับตราส่งปฏิเสธ/หาไม่พบ ผู้ขนส่งมีสิทธิขายของได้และไม่ต้องรับผิดชอบค่าเสียหาย
แม้ตาม พ.ร.บ.การขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ พ.ศ.2548 มาตรา 67 วรรคหนึ่ง บัญญัติให้คู่สัญญาขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบอาจตกลงกันเป็นหนังสือกำหนดให้เสนอข้อพิพาทใดๆ ที่มีมูลกรณีจากสัญญาขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบหรือละเมิดให้อนุญาโตตุลาการเป็นผู้ชี้ขาดก็ได้ เมื่อตามใบตราส่งทั้งสามฉบับซึ่งเป็นหลักฐานแห่งการขนส่งสินค้าในคดีนี้ไม่มีข้อสัญญาอนุญาโตตุลาการที่คู่สัญญาตกลงให้ระงับข้อพิพาททั้งหมดหรือบางส่วนที่เกิดขึ้นแล้วหรือที่จะเกิดขึ้นในอนาคตโดยวิธีอนุญาโตตุลาการ ทั้งจำเลยที่ 1 ก็ไม่ได้นำสืบว่า มีสัญญาอนุญาโตตุลาการอื่นแยกต่างหากจากใบตราส่งทั้งสามฉบับดังกล่าว จึงเป็นกรณีที่โจทก์กับจำเลยที่ 2 คู่สัญญาขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบมิได้ตกลงกันเป็นหนังสือกำหนดให้เสนอข้อพิพาทใดที่มีมูลกรณีจากสัญญาขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบดังกล่าว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องคดีนี้ต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางซึ่งเป็นศาลที่มีเขตอำนาจได้โดยไม่ต้องเสนอข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการ
เมื่อบริษัท ซ. ซึ่งเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 2 ผู้ประกอบการขนส่งต่อเนื่องในประเทศเดนมาร์กส่งมอบสินค้าให้แก่บุคคลอื่นโดยไม่ได้เวนคืนใบตราส่งเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2552 เมื่อโจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2552 จึงเป็นการที่โจทก์ผู้ส่งฟ้องจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ประกอบการขนส่งในต่างประเทศ และจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 2 ในประเทศไทย เพื่อใช้สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดจากการผิดสัญญาขนส่งภายในเก้าเดือนนับแต่วันที่จำเลยที่ 2 ผู้ประกอบการขนส่งต่อเนื่องได้ส่งมอบของ สิทธิเรียกร้องของตามคำฟ้องของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความตาม พ.ร.บ.การขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ พ.ศ.2548 มาตรา 38 วรรคหนึ่ง
ตามใบตราส่ง ในช่องผู้รับตราส่ง หรือคำสั่ง ระบุว่า "ตามคำสั่ง" จึงเป็นใบตราส่งต่อเนื่องชนิดโอนให้กันได้ประเภทออกให้แก่บุคคลเพื่อเขาสั่ง ซึ่งตามมาตรา 22 (2) แห่ง พ.ร.บ.การขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ พ.ศ.2548 บัญญัติให้ผู้ประกอบการขนส่งต่อเนื่องมีหน้าที่ส่งมอบของแก่บุคคลซึ่งได้เวนคืนต้นฉบับใบตราส่งต่อเนื่องฉบับใดฉบับหนึ่งซึ่งได้สลักหลังโดยชอบ
การที่ ต. ผู้รับตราส่งตามคำสั่งเดิมของโจทก์ไม่มารับสินค้า และพฤติการณ์ของโจทก์ที่ได้ปล่อยให้สินค้าอยู่ที่ท่าเรือปลายทางเป็นระยะเวลาเนิ่นนานถึง 9 เดือนเศษ ทำให้จำเลยที่ 2 ผู้ประกอบการขนส่งต่อเนื่องและบริษัท ซ. ตัวแทนจำเลยที่ 2 ได้รับความเสียหายโดยไม่ได้รับค่าระวางและมีค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการเก็บรักษาสินค้าตามฟ้อง ทั้งสินค้าดังกล่าวเป็นอาหารซึ่งบางส่วนเป็นกะทิซึ่งมีอายุการใช้งาน 12 เดือน แม้โจทก์จะอ้างว่า โจทก์พยายามติดต่อให้ลูกค้ามาชำระเงินโดยตลอดและยืนยันว่าผู้รับตราส่งใหม่จะมาเป็นผู้รับตู้สินค้าและชำระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทั้งหมด เมื่อต่อมาโจทก์ได้แจ้งจำเลยที่ 1 ว่า ผู้รับตราส่งใหม่คือ ท. แต่ ท. ไม่ยอมมารับสินค้าดังกล่าว จึงเป็นกรณีที่ผู้รับตราส่งปฏิเสธไม่มารับสินค้า เมื่อต่อมาพนักงานของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 2 ผู้ประกอบการขนส่งต่อเนื่องได้บอกกล่าวไปยังโจทก์ผู้ตราส่งทันที และถามเอาคำสั่ง การที่โจทก์มีคำสั่งให้จำเลยที่ 2 และตัวแทนจำเลยที่ 2 เก็บสินค้าตามฟ้องต่อไปหลังจากที่เก็บไว้นานถึง 9 เดือนเศษแล้ว เพื่อที่โจทก์จะหาผู้ซื้อรายต่อไปนั้น จึงเป็นคำสั่งที่สร้างภาระและความเสียหายแก่จำเลยที่ 2 ผู้ประกอบการขนส่งต่อเนื่องเกินสมควร โดยโจทก์ไม่ได้เยียวยาความเสียหายให้แก่จำเลยที่ 2 จึงเป็นคำสั่งที่ไม่อาจปฏิบัติได้ตามมาตรา 23 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.การขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ พ.ศ.2548
เมื่อต่อมา ต. ผู้รับตราส่งเดิมที่โจทก์แจ้งตามคำสั่งได้ติดต่อไปยังบริษัท ซ. ตัวแทนของจำเลยที่ 2 แล้วว่าต้องการรับมอบสินค้าโดยยินดีจ่ายค่าระวางสินค้าและค่าใช้จ่ายให้แก่ตัวแทนของจำเลยที่ 2 แล้วบริษัท ซ. จึงมอบสินค้าให้แก่ ต. โดยไม่เวนคืนใบตราส่งนั้น จึงเป็นการจัดการตามความเหมาะสมและความจำเป็นตาม พ.ร.บ.การขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ พ.ศ.2548 มาตรา 23 วรรคสอง และจำเลยที่ 2 ผู้ประกอบการขนส่งต่อเนื่องและตัวแทนจำเลยที่ 2 มีสิทธิรับค่าระวางและค่าใช้จ่ายจาก ต. ได้ตาม พ.ร.บ.การขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ พ.ศ.2548 มาตรา 23 วรรคสี่
เมื่อต่อมาบริษัท ซ. ตัวแทนจำเลยที่ 2 ได้ส่งไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์มาถึงโจทก์โดยระบุว่า บริษัท ซ. ได้ปล่อยตู้สินค้าให้แก่ลูกค้าไปเนื่องจากว่าหากยังเก็บตู้สินค้าต่อไปจะทำให้ขาดทุนมากยิ่งขึ้น จึงเป็นการที่จำเลยที่ 2 ผู้ประกอบการขนส่งต่อเนื่องบอกกล่าวแก่โจทก์ผู้ตราส่งโดยไม่ชักช้า จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นตามมาตรา 23 วรรคสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15643/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความหนี้ตามคำพิพากษาและการฟ้องคดีล้มละลาย: ผลต่อการสะดุดหยุดอายุความ
หนี้ที่เจ้าหนี้นำมาขอรับชำระหนี้เป็นหนี้ตามคำพิพากษาตามยอม จึงมีอายุความ 10 ปี นับจากวันที่เจ้าหนี้อาจบังคับตามสิทธิเรียกร้องได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/12 และ 193/32 เมื่อปรากฏว่าก่อนครบระยะเวลา 10 ปี นับจากวันที่เจ้าหนี้อาจบังคับตามสิทธิเรียกร้องได้ เจ้าหนี้นำหนี้ตามคำพิพากษาดังกล่าวไปรวมกับหนี้อื่นฟ้องลูกหนี้และลูกหนี้ร่วมรายอื่นเป็นคดีล้มละลาย จึงเป็นการฟ้องคดีเพื่อตั้งหลักฐานสิทธิเรียกร้องหรือเพื่อให้ชำระหนี้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/14 (2) มีผลทำให้อายุความตามสิทธิเรียกร้องสะดุดหยุดลง ระยะเวลาที่ล่วงไปก่อนนั้นไม่นับเข้าในอายุความตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/15 วันที่ 30 กรกฎาคม 2552 ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้คดีดังกล่าวไว้เด็ดขาด ต่อมาเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รายงานต่อศาลว่าลูกหนี้เคยถูกศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2551 อันเป็นระยะเวลาก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้คดีดังกล่าวไว้เด็ดขาด จึงขอให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ วันที่ 30 สิงหาคม 2553 ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งจำหน่ายคดีลูกหนี้ออกจากสารบบความ กรณีมิใช่คดีเสร็จไปโดยการจำหน่ายคดีเพราะเหตุถอนฟ้องหรือทิ้งฟ้อง ที่จะให้ถือว่าอายุความไม่เคยสะดุดหยุดลงตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/17 ดังนั้น การที่เจ้าหนี้นำมูลหนี้ตามคำพิพากษาของศาลแพ่งดังกล่าวมายื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีนี้ในวันที่ 6 มีนาคม 2552 หนี้ของเจ้าหนี้จึงยังไม่ขาดอายุความ เจ้าหนี้จึงมีสิทธิได้รับชำระหนี้ในมูลหนี้ตามคำพิพากษาหลังหักราคาขายทอดตลาดทรัพย์จำนองได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15218/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เครื่องหมายการค้าคำว่า "BONDACE" เป็นคำประดิษฐ์ ไม่มีในพจนานุกรม มีลักษณะบ่งเฉพาะ สามารถจดทะเบียนได้
คำว่า "BONDACE" เป็นคำที่ไม่มีคำแปลหรือไม่มีปรากฏในพจนานุกรม จึงเป็นคำที่โจทก์ประดิษฐ์ขึ้น นายทะเบียนเครื่องหมายการค้าและคณะกรรมการเครื่องหมายการค้าพิจารณาความหมายของคำดังกล่าวโดยแยกคำเป็นภาคส่วน แล้วนำความหมายของแต่ละภาคส่วนตามที่พิจารณาเลือกมารวมกันเพื่อให้ความหมายของคำดังกล่าว โดยไม่ปรากฏหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนว่าเหตุใดนายทะเบียนเครื่องหมายการค้าและคณะกรรมการเครื่องหมายการค้าหยิบยกความหมายนั้น ๆ มาใช้จึงไม่ชอบด้วย พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 7 วรรคสอง (2) เนื่องจากคำว่า "BON" และ "DACE" นั้นมีหลายความหมายได้ การนำคำทั้งสองมารวมกันจึงไม่อาจระบุได้แน่ชัดว่ามีความหมายว่าอย่างไร และแม้ใช้วิธีพิจารณาของนายทะเบียนเครื่องหมายการค้าและคณะกรรมการเครื่องหมายการค้าก็อาจแปลหรือมีความหมายอย่างอื่นได้เช่นกัน เมื่อพิจารณาประกอบกับเสียงเรียกขานซึ่งเป็นสาระสำคัญส่วนหนึ่งของเครื่องหมายการค้าเพราะทำให้ประชาชนผู้ใช้สินค้าทราบ และเข้าใจได้ว่าสินค้าที่มีเสียงเรียกขานของเครื่องหมายการค้านั้นแตกต่างจากสินค้าอื่น หากจะให้มีความหมายตามที่นายทะเบียนเครื่องหมายการค้าและคณะกรรมการเครื่องหมายการค้าแปลความก็ควรมีเสียงเรียกขานว่า บอน - เอซ แต่ตามคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของโจทก์ระบุว่าคำดังกล่าวอ่านว่า บอน - เดส การที่เสียงเรียกขานไม่สอดคล้องกับวิธีการแปลความของนายทะเบียนเครื่องหมายการค้าและคณะกรรมการเครื่องหมายการค้าทำให้น่าเชื่อว่า คำว่า "BONDACE" ทั้งคำเป็นคำประดิษฐ์ที่ไม่มีความหมาย ไม่อาจสื่อให้สาธารณชนเข้าใจได้ว่าเป็นเครื่องหมายการค้าที่เล็งถึงลักษณะหรือคุณสมบัติของสินค้าโดยตรง จึงเป็นคำประดิษฐ์ที่ไม่มีความหมาย มิใช่คำที่เล็งถึงลักษณะหรือคุณสมบัติของสินค้ากาวที่ใช้ในอุตสาหกรรมรองเท้า ถือเป็นเครื่องหมายการค้าที่มีลักษณะบ่งเฉพาะในตัวเอง และมีลักษณะอันพึงรับจดทะเบียนได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15217/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เครื่องหมายการค้า 'CITRON': ความแตกต่างในรูปลักษณ์และขอบเขตสิทธิ ทำให้ไม่สับสนและจดทะเบียนได้
เครื่องหมายการค้าตามคำขอจดทะเบียนของโจทก์ประกอบด้วยตัวอักษรโรมันพิมพ์ใหญ่ 8 ตัวอักษร คือ "C, I, T, R, ?, N, G และ E" ส่วนเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่จดทะเบียนไว้แล้วประกอบด้วยตัวอักษรโรมันเพียง 6 ตัวอักษร คือ "C, I, T, R, O และ N" ดังนั้นเครื่องหมายการค้าตามคำขอจดทะเบียนของโจทก์มีตัวอักษรที่เหมือนกับเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่จดทะเบียนไว้แล้ว 6 ตัวอักษร คือตัวอักษร "C. I, T, R, O และ N" แต่มีอักษรมากกว่า 2 ตัวอักษรคือ ตัวอักษร "G" และ "E" ซึ่งเป็นอักษร 2 ตัวสุดท้าย นอกจากนี้เครื่องหมายการค้าตามคำขอจดทะเบียนของโจทก์มีเพียงภาคส่วนสำคัญอยู่ที่ตัวอักษรโรมัน 8 ตัวอักษร เท่านั้น ไม่มีภาคส่วนอื่นที่เป็นรูปรอยประดิษฐ์อื่นประกอบอยู่ด้วย ส่วนเครื่องหมายการค้า ของบุคคลอื่นมีภาคส่วนอื่นประกอบคำว่า "CITRON" ด้วยคือส่วนที่เป็นอักษรโรมันประดิษฐ์ตัว "N" อยู่ในวงกลมเหนือคำว่า "CITRON" ซึ่งทั้งอักษรโรมันและคำว่า "CITRON" ต่างก็อยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมคล้ายใบประกาศหรือฉลากที่มีคำบรรยายเป็นอักษรโรมัน ตัวเลขอารบิก และรูปผลไม้คล้ายส้มผ่าซีกอยู่ด้านล่างของกรอบสี่เหลี่ยมดังกล่าว นอกจากนี้ที่สำคัญคือเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่จดทะเบียนไว้แล้วดังกล่าวยังมีอักษรโรมันคำว่า "Nemiroff" อ่านออกเสียงได้ว่า "เนมิรอฟฟ์" ขนาดค่อนข้างใหญ่วางเรียงกันอยู่ใต้คำว่า "CITRON" ในลักษณะขนานกับด้านข้างของกรอบรูปสี่เหลี่ยมดังกล่าว คำดังกล่าว จึงนับได้ว่าเป็นภาคส่วนสำคัญเนื่องจากมีลักษณะเด่นคือตัวอักษรใหญ่และหนากว่าคำว่า "CITRON" จึงนับเป็นภาคส่วนสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างจากเครื่องหมายการค้าตามคำขอของโจทก์ ส่วนเครื่องหมายการค้า ก็มีอักษรโรมันประดิษฐ์ตัว "N" อยู่ภายในกรอบวงกลมประดิษฐ์ และมีอักษรโรมันคำว่า "Nemiroff" เป็นภาคส่วนสำคัญอยู่ด้วยเช่นกัน โดยคำดังกล่าววางอยู่ที่ฐานด้านล่างของรูปคล้ายขวดแก้วและมีขนาดตัวอักษรใหญ่กว่าคำว่า "Citron" ซึ่งอยู่บริเวณด้านบนที่เป็นรูปคล้ายฝาขวด ทั้งยังมีภาพผลไม้คล้ายส้มผ่าซีกอยู่ด้านล่างของขวดแก้วด้วย เครื่องหมายการค้าตามคำขอจดทะเบียนของโจทก์และของบุคคลอื่นที่จดทะเบียนไว้แล้วทั้งสองเครื่องหมายจึงมีความแตกต่างกันในส่วนของรูปลักษณ์ นอกจากนี้ตามทะเบียนเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่จดทะเบียนไว้แล้ว ยังมีข้อจำกัดกำหนดไว้ว่าเจ้าของเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนไว้แล้วนั้นไม่ขอถือสิทธิแต่เพียงผู้เดียวที่จะใช้อักษรโรมันคำบรรยายทั้งหมด ตัวเลขทั้งหมด ยกเว้นรูปอักษร "N" ในลวดลาย และคำว่า"NEMIROFF" เท่านั้น ซึ่งเท่ากับปฏิเสธที่จะไม่ขอถือสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในคำว่า "CITRON" และ "Citron" ด้วย ดังนั้น แม้เครื่องหมายการค้าที่โจทก์ขอจดทะเบียนและเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่จดทะเบียนไว้แล้วจะออกเสียงเรียกขานได้ว่า "ซิทรอนจ์" และเป็นเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนไว้เพื่อใช้กับสินค้าจำพวก 33 รายการสินค้า เหล้าประเภทต่าง ๆ เหมือนกัน และสาธารณชนผู้บริโภคสินค้าภายใต้เครื่องหมายการค้าของโจทก์และของบุคคลอื่นที่จดทะเบียนไว้แล้วเป็นกลุ่มเดียวกันคือผู้นิยมดื่มสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ประเภทต่าง ๆ แต่เมื่อพิจารณาภาพรวมทั้งหมดของเครื่องหมายการค้าที่โจทก์ขอจดทะเบียนกับเครื่องหมายการค้า และ ของบุคคลอื่นที่จดทะเบียนไว้แล้วมีรูปลักษณ์ที่แตกต่างกัน เครื่องหมายการค้าตามคำขอจดทะเบียนของโจทก์จึงไม่อาจทำให้สาธารณชนทั่วไปอาจสับสนหรือหลงผิดในความเป็นเจ้าของของสินค้าหรือแหล่งกำเนิดของสินค้าภายใต้เครื่องหมายการค้าของโจทก์ว่าเป็นของบุคคลอื่นที่จดทะเบียนไว้แล้วได้ เครื่องหมายการค้าของโจทก์จึงมีลักษณะอันพึงรับจดทะเบียนได้ ตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 6

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15163/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเจ้าหนี้มีประกันเลือกใช้สิทธิได้ทางใดทางหนึ่งระหว่างมาตรา 95 หรือ 96 แห่ง พ.ร.บ.ล้มละลาย
เจ้าหนี้มีประกันมีสิทธิได้รับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ได้ 2 วิธี วิธีแรก เจ้าหนี้มีประกันใช้สิทธิตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 95 โดยถือสิทธิเหนือทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันโดยไม่ต้องขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย แต่ต้องยอมให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตรวจดูทรัพย์สินนั้น และหากบังคับชำระหนี้เหนือทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันแล้วได้เงินไม่พอชำระหนี้ เจ้าหนี้มีประกันย่อมหมดสิทธิขอรับชำระหนี้ที่ยังขาดอยู่จากทรัพย์สินอื่นต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในคดีล้มละลาย วิธีที่สอง โดยเจ้าหนี้มีประกันอาจขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในคดีล้มละลายภายใต้เงื่อนไข มาตรา 96 ซึ่งมีอยู่ 4 ประการ ในประการใดประการหนึ่ง กล่าวโดยเฉพาะเจ้าหนี้ซึ่งเป็นเจ้าหนี้มีประกันในคดีนี้ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามมาตรา 96 (3) ในกรณีนี้หากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขายทอดตลาดทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันแล้วได้เงินมายังไม่พอชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ เจ้าหนี้ย่อมมีสิทธิขอรับชำระหนี้สำหรับจำนวนที่ยังขาดอยู่จากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ แต่การขอรับชำระหนี้ตามมาตรา 96 ต้องยื่นภายใน 2 เดือน นับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ตามมาตรา 91 บทบัญญัติทั้งสองมาตราแยกให้เห็นข้อแตกต่างในวิธีการขอรับชำระหนี้และข้อแตกต่างในผลของการใช้สิทธิมาตราใดมาตราหนึ่ง ดังนั้นเจ้าหนี้มีประกันชอบที่จะเลือกใช้สิทธิเหนือทรัพย์สินของลูกหนี้ตามมาตรา 95 หรือมาตรา 96 มาตราใดมาตราหนึ่งเท่านั้น เมื่อเจ้าหนี้เลือกใช้สิทธิขอรับชำระหนี้ตามมาตรา 96 (3) แล้ว เจ้าหนี้ย่อมหมดสิทธิเหนือทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันตามมาตรา 95 อีกต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15158/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความหนี้กู้ยืมและการบังคับจำนอง: สิทธิเจ้าหนี้แม้หนี้ขาดอายุความ
เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในมูลหนี้กู้ยืมและจำนองจากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ที่ 1 ในฐานะเจ้าหนี้มีประกันตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 96 (3) จากการขายทอดตลาดทรัพย์จำนอง แต่ตามสัญญากู้ยืมเงินที่เจ้าหนี้นำมาขอรับชำระหนี้ดังกล่าวปรากฏว่า เป็นสัญญาที่มีข้อตกลงชำระเพื่อผ่อนทุนคืนเป็นงวด ๆ จึงมีอายุความ 5 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/33 (2) และเจ้าหนี้ไม่มีหลักฐานว่าลูกหนี้ที่ 1 ผิดนัดเมื่อใด แม้เจ้าหนี้จะอ้างว่าในตอนที่รับโอนหนี้มาจากเจ้าหนี้เดิมจะไม่มีดอกเบี้ยค้างชำระและเงินต้นน้อยกว่าสัญญาก็ตาม แต่พยานหลักฐานของเจ้าหนี้มีเพียงเอกสารการคำนวณภาระหนี้ของเจ้าหนี้ที่เจ้าหนี้จัดทำขึ้นเอง โดยไม่มีหลักฐานว่าลูกหนี้นำเงินไปชำระให้แก่เจ้าหนี้เดิมเมื่อใด อย่างไร การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฟังว่าลูกหนี้ที่ 1 ผิดนัดตั้งแต่งวดแรก (วันที่ 2 มีนาคม 2539) จึงชอบแล้ว เมื่อเจ้าหนี้นำหนี้ตามสัญญากู้ยืมเงินมายื่นคำขอรับชำระหนี้ในวันที่ 20 ตุลาคม 2551 สิทธิเรียกร้องในหนี้กู้ยืมเงินจึงขาดอายุความแล้ว และการขาดอายุความในส่วนของหนี้กู้ยืมเงินถือว่าหนี้กู้ยืมเงินขาดอายุความทั้งหมด มิใช่เพียงส่วนที่เกิน 5 ปี แต่ในส่วนหนี้จำนองนั้น ตาม ป.พ.พ. มาตรา 745 บัญญัติให้ผู้รับจำนองบังคับจำนองได้แม้หนี้ที่ประกันขาดอายุความ แต่จะบังคับดอกเบี้ยที่ค้างชำระในการจำนองเกินกว่า 5 ปี ไม่ได้ ดังนั้น แม้หนี้ประธานตามสัญญากู้ยืมเงินจะขาดอายุความ แต่เจ้าหนี้ยังคงมีสิทธิบังคับจำนองได้ ซึ่งตามคำสั่งของศาลแพ่งในคดีที่เจ้าหนี้ไปยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองก่อนเจ้าหนี้อื่น ศาลมีคำสั่งให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้จากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์จำนองของลูกหนี้ที่ 1 ในต้นเงิน 427,449.64 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 14.3 ต่อปี แต่จะบังคับเอาดอกเบี้ยที่ค้างชำระย้อนหลังนับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ที่ 1 เด็ดขาดเกินกว่า 5 ปี ไม่ได้ ดังนั้น แม้ลูกหนี้ที่ 1 จะถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เจ้าหนี้จึงไม่เสียสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้จากทรัพย์จำนองของลูกหนี้ที่ 1 หากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รวบรวมทรัพย์ดังกล่าวเข้าสู่กองทรัพย์สินของลูกหนี้ที่ 1

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15017/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เครื่องหมายบริการ 'Dream, Believe, Achieve' มีลักษณะบ่งเฉพาะ แม้เป็นคำทั่วไป แต่มีองค์ประกอบพิเศษและไม่ได้สื่อถึงลักษณะบริการโดยตรง
เครื่องหมายบริการที่จะเป็นเครื่องหมายบริการประเภทคำหรือข้อความที่ถือว่ามีลักษณะบ่งเฉพาะได้ จะต้องเป็นเครื่องหมายบริการที่มีคำหรือข้อความอันไม่ได้เล็งถึงลักษณะหรือคุณสมบัติของบริการนั้นโดยตรง เครื่องหมายบริการตามคำขอจดทะเบียนของโจทก์คำว่า Dream , Believe and Achieve ... นั้นประกอบด้วยตัวอักษรโรมัน เครื่องหมายจุลภาค และจุดไข่ปลา ประกอบกัน เขียนด้วยลายมือของโจทก์ ซึ่งโจทก์ได้ยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายบริการดังกล่าวเพื่อใช้กับบริการจำพวกที่ 35 รายการบริการ จัดการธุรกิจในห้างสรรพสินค้า แม้ถ้อยคำแต่ละคำเป็นคำที่มีความหมายอยู่แล้ว ไม่ใช่คำที่ประดิษฐ์ขึ้นมาใหม่ โดยความหมายของคำดังกล่าวไม่ว่าจะเป็นการแปลเป็นภาษาไทยตามคำขอจดทะเบียนของโจทก์และที่นายทะเบียนเครื่องหมายการค้าแปลความหมายของคำดังกล่าวไว้ว่า ฝัน เชื่อ และ สำเร็จ หรือความหมายว่า จงมีความฝัน จงมีความเชื่อและจะประสบความสำเร็จ ตามคำแปลของคณะกรรมการเครื่องหมายการค้า แต่เมื่อถ้อยคำดังกล่าวนั้นโจทก์เป็นผู้ริเริ่มนำมารวมกันเพื่อใช้เป็นเครื่องหมายบริการสำหรับรายการบริการจัดการธุรกิจในห้างสรรพสินค้าของโจทก์ ทั้งยังมีลักษณะพิเศษคือตัวอักษรโรมันและเครื่องหมายที่ใช้ประกอบกันเป็นคำนั้นเป็นตัวอักษรโรมันที่เขียนด้วยลายมือของโจทก์ซึ่งไม่เหมือนกับผู้ใด การวางตำแหน่งตัวอักษรก็จัดวางเป็นสองแถวซ้อนกัน ดังนั้นประชาชนหรือผู้ใช้บริการย่อมสามารถทราบและเข้าใจได้ว่าการบริการที่ใช้เครื่องหมายบริการตามคำขอจดทะเบียนของโจทก์นั้นแตกต่างไปจากการบริการอื่น ประกอบกับคำว่า Dream , Believe and Achieve ... ที่โจทก์ขอจดทะเบียนเพื่อใช้กับบริการจำพวกที่ 35 รายการบริการ จัดการธุรกิจในห้างสรรพสินค้า เมื่อพิจารณาแล้วไม่ปรากฏว่าคำดังกล่าวเกี่ยวข้องหรือเชื่อมโยงกับลักษณะของการบริการจัดการธุรกิจในห้างสรรพสินค้าอันเป็นรายการบริการที่โจทก์มุ่งใช้กับเครื่องหมายบริการดังกล่าวแต่อย่างใด ดังนั้นคำว่า Dream , Believe and Achieve ... จึงเป็นคำหรือข้อความอันไม่ได้เล็งถึงลักษณะหรือคุณสมบัติของรายการบริการของโจทก์ที่ขอจดทะเบียนโดยตรง และถือได้ว่าเป็นเครื่องหมายบริการที่ทำให้ประชาชนหรือผู้ใช้บริการนั้นทราบและเข้าใจได้ว่าบริการของโจทก์ที่ใช้เครื่องหมายบริการนั้นแตกต่างไปจากบริการที่ใช้เครื่องหมายอื่น จึงเป็นเครื่องหมายบริการที่มีลักษณะบ่งเฉพาะในตัวเองตามมาตรา 80 ประกอบมาตรา 7 วรรคสอง (2) แห่ง พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15016/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาต่างตอบแทน (การให้บริการซอฟต์แวร์) ไม่ใช่สัญญาซื้อขาย จำเลยมีหน้าที่ชำระเงินเมื่อได้รับบริการครบถ้วน
สัญญาการให้สิทธิและการบริการทั้งสองฉบับเป็นสัญญาที่โจทก์อนุญาตให้จำเลยใช้ซอฟต์แวร์ระบบบริหารจัดการโรงแรมโดยจำเลยยินยอมจ่ายค่าตอบแทน ดังนั้น นิติสัมพันธ์ระหว่างโจทก์และจำเลยจึงเป็นสัญญาต่างตอบแทนชนิดหนึ่งซึ่งมีผลผูกพันคู่สัญญาตาม ป.พ.พ. มาตรา 369 ไม่ใช่สัญญาซื้อขาย จำเลยจึงไม่อาจยกเหตุที่ทรัพย์สินซึ่งซื้อขายชำรุดบกพร่องมาเป็นเหตุปฏิเสธไม่ชำระเงินแก่โจทก์ได้
สำหรับวัตถุประสงค์ของสัญญานั้นปรากฏข้อความในตอนต้นของสัญญาการให้สิทธิและการบริการทั้งสองฉบับว่า จำเลยประสงค์จะได้รับการจัดหา การติดตั้ง การบำรุงรักษา และสิทธิการใช้ระบบบริหารโรงแรมตามที่ระบุในภาคผนวก ก ซึ่งคือระบบซอฟต์แวร์ทั้งสี่ระบบ เมื่อโจทก์ได้จัดหา ติดตั้ง บำรุงรักษา และให้สิทธิจำเลยใช้ระบบซอฟต์แวร์ทั้งสี่ระบบตามสัญญาแล้ว ถือว่าโจทก์ได้ปฏิบัติการชำระหนี้ตรงตามวัตถุประสงค์แห่งสัญญาการให้สิทธิและการบริการทั้งสองฉบับซึ่งเป็นสัญญาต่างตอบแทนในส่วนของตนแล้ว จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องชำระราคาสัญญาให้แก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15015/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า: การพิจารณาความแตกต่างขององค์ประกอบรวมและประเภทสินค้า
การพิจารณาว่าเครื่องหมายการค้าใดเหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนไว้แล้วจนอาจทำให้สาธารณชนสับสนหรือหลงผิดในความเป็นเจ้าของของสินค้าหรือแหล่งกำเนิดของสินค้านั้น ไม่ใช่พิจารณาเปรียบเทียบเฉพาะรูปหรือคำหรือข้อความที่ปรากฏหรือเสียงเรียกขานอย่างใดอย่างหนึ่งแต่เพียงอย่างเดียว หากแต่ต้องพิจารณาถึงองค์ประกอบอื่น ๆ ของเครื่องหมายการค้าที่ประกอบกันขึ้นเป็นองค์ประกอบรวมของเครื่องหมายการค้านั้นทั้งหมด รวมทั้งสินค้าที่ใช้เครื่องหมายการค้านั้นด้วยว่าเป็นสินค้าจำพวกเดียวกันหรือเป็นสินค้าต่างจำพวกกันแต่มีลักษณะอย่างเดียวกัน และสาธารณชนผู้ใช้หรือบริโภคสินค้าที่ใช้เครื่องหมายการค้านั้นเป็นกลุ่มเดียวกันหรือไม่ ทั้งยังต้องคำนึงถึงความสุจริตในการขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า โดยสาระสำคัญอยู่ที่ว่าความเหมือนหรือคล้ายกันของเครื่องหมายการค้านั้นถึงขนาดที่อาจทำให้สาธารณชนสับสนหรือหลงผิดในความเป็นเจ้าของของสินค้าหรือแหล่งกำเนิดของสินค้าหรือไม่
เครื่องหมายการค้า และเครื่องหมายการค้า ของโจทก์ เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบกับเครื่องหมายการค้า ของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนไว้แล้วเฉพาะภาคส่วนที่เป็นอักษรโรมัน "HOLLISTER" แล้วเห็นได้ว่าคำดังกล่าวตามคำขอจดทะเบียนทั้งสองคำขอของโจทก์ประกอบด้วยอักษรโรมันที่เหมือนกันกับของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนไว้แล้ว เพียงแต่คำดังกล่าวตามคำขอจดทะเบียนทั้งสองคำขอของโจทก์นั้นเป็นอักษรโรมันตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด ส่วนของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนไว้แล้วมีเพียงอักษรโรมัน H ซึ่งเป็นอักษรโรมันตัวแรกเท่านั้นที่เป็นตัวพิมพ์ใหญ่ ส่วนเสียงเรียกขานทั้งเครื่องหมายการค้าตามคำขอจดทะเบียนทั้งสองคำขอของโจทก์และของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนไว้แล้วมีเสียงเรียกขานคล้ายกันว่า "โฮลลิสเตอร์" แต่เมื่อพิจารณาในส่วนองค์ประกอบรวมของเครื่องหมายการค้า และ ตามคำขอจดทะเบียนทั้งสองคำขอของโจทก์แล้วเห็นว่าเครื่องหมายการค้าทั้งสองคำขอของโจทก์ยังมีภาคส่วนอื่นประกอบอยู่ด้วย โดยเครื่องหมายการค้า มีรูปนกประดิษฐ์อยู่ตรงกลางของเครื่องหมาย มีคำว่า "HOLLISTER" อยู่ด้านบน และมีคำว่า "CALIFORNIA" อยู่ด้านล่างของเครื่องหมาย ส่วนเครื่องหมายการค้า มีรูปนกประดิษฐ์อยู่ด้านบน มีคำว่า "HOLLISTER" อยู่ตรงกลาง และมีคำว่า "CALIFORNIA" อยู่ด้านล่างของเครื่องหมาย แม้คำว่า "CALIFORNIA" จะเป็นชื่อมลรัฐหนึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกาอันเป็นชื่อทางภูมิศาสตร์ที่ไม่มีลักษณะบ่งเฉพาะตามมาตรา 7 วรรคสอง (2) แห่ง พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 และในระหว่างพิจารณาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางโจทก์ได้แถลงขอสละประเด็นตามคำฟ้องว่าโจทก์มีสิทธิยื่นคำขอจดทะเบียนคำดังกล่าวด้วยหรือไม่ โดยโจทก์แถลงว่าโจทก์ยินยอมที่จะแสดงปฏิเสธไม่ขอถือเป็นสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในอันที่จะใช้คำว่า "CALIFORNIA" แต่คำดังกล่าวก็ถือเป็นภาคส่วนหนึ่งของเครื่องหมายการค้าตามคำขอทั้งสองของโจทก์ที่ทำให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างเครื่องหมายการค้าตามคำขอทั้งสองของโจทก์และของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนไว้แล้ว นอกจากนี้ เครื่องหมายการค้าตามคำขอทั้งสองของโจทก์ยังมีรูปนกประดิษฐ์เป็นภาคส่วนที่สำคัญซึ่งแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างเครื่องหมายการค้าตามคำขอทั้งสองของโจทก์และเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนไว้แล้วเช่นกัน โดยเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนไว้แล้วมีแต่เพียงรูปประดิษฐ์ซึ่งเป็นอักษรโรมัน H จำนวน 4 ตัว ประกอบกันเป็นรูปคล้ายอักษรโรมัน X หรือรูปกากบาท วางอยู่ด้านหน้าคำว่า "Hollister" เท่านั้น เมื่อพิจารณาองค์ประกอบรวมทุกภาคส่วนของเครื่องหมายการค้าตามคำขอจดทะเบียนทั้งสองคำขอของโจทก์เปรียบเทียบกับรายการสินค้าตามทะเบียนเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนไว้แล้ว เห็นได้ว่าสินค้าที่โจทก์ขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าทั้งสองคำขอนั้นเป็นสินค้าจำพวกที่ 3 รายการสินค้า ลิปบาล์ม ลิปกลอส สเปรย์ฉีดตัวสำหรับใช้เป็นเครื่องสำอางระงับกลิ่นตัวและให้กลิ่นหอม เครื่องสำอางระงับกลิ่นตัวใช้กับร่างกาย เครื่องสำอางระงับกลิ่นตัว ยาดับกลิ่นตัว เครื่องสำอางระงับกลิ่นเหงื่อ ครีมเสริมสวย ครีมเสริมสวยสำหรับทาตัว โลชั่นเสริมสวย เครื่องสำอางใช้กับร่างกาย เครื่องสำอางใช้เสริมสวย โลชั่นทาตัว โลชั่นทามือ เครื่องสำอางใช้ทำความสะอาดร่างกาย โคโลญ สารให้กลิ่นหอมสำหรับใช้กับร่างกาย น้ำหอม ซึ่งเป็นสินค้าประเภทเครื่องสำอางและเครื่องประทินผิว ซึ่งมักวางจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อหรือห้างสรรพสินค้าทั่วไป และผู้ใช้สินค้าดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นประชาชนทั่วไป แต่สินค้าของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนไว้แล้วเป็นสินค้าจำพวกที่ 5 รายการสินค้า วัสดุตกแต่งบาดแผล น้ำยาทำความสะอาดผิว ครีมปรับสภาพผิว ขี้ผึ้งกันความชื้น กาวใช้ในทางการแพทย์ สารลอกกาวใช้ในทางการแพทย์ แผ่นปิดผิวหนัง ครีมและแป้งใช้รักษาบาดแผลและแผลเปิดของลำไส้บริเวณหน้าท้อง สารหล่อลื่นรูเปิดผนังหน้าท้อง เจลทาผิวใช้ในทางการแพทย์ ยาดับกลิ่นที่ไม่ได้ใช้กับร่างกาย ซึ่งเป็นสินค้าที่ใช้ในทางการแพทย์ ดังนั้น ผู้ใช้สินค้าดังกล่าวจึงเป็นแพทย์ พยาบาล หรือผู้ป่วยที่แพทย์แนะนำให้ใช้สินค้าดังกล่าวเท่านั้น และสถานที่จำหน่ายก็มีเพียงเฉพาะในโรงพยาบาลหรือร้านขายยาซึ่งมีเภสัชกรคอยแนะนำซึ่งบุคคลดังกล่าวย่อมมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสินค้าภายใต้เครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนไว้แล้วเป็นอย่างดี ดังนั้น ทั้งรายการสินค้า กลุ่มผู้ใช้สินค้า และสถานที่จำหน่ายสินค้าของโจทก์และของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนไว้แล้วจึงแตกต่างกัน ยังไม่มีเหตุผลให้เชื่อว่าสาธารณชนผู้ใช้สินค้าของโจทก์และผู้ใช้สินค้าภายใต้เครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนไว้แล้วจะสับสนหรือหลงผิดในความเป็นเจ้าของของสินค้าหรือแหล่งกำเนิดของสินค้า ไม่มีเหตุผลให้เชื่อว่าเครื่องหมายการค้าของโจทก์ทั้งสองคำขอคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนไว้แล้วจนอาจทำให้สาธารณชนสับสนหรือหลงผิดในความเป็นเจ้าของของสินค้าหรือแหล่งกำเนิดของสินค้า เครื่องหมายการค้าตามคำขอจดทะเบียนทั้งสองคำขอของโจทก์จึงมีลักษณะอันพึงรับจดทะเบียนได้ตามมาตรา 6 แห่ง พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 14861/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อจะขาย: การชำระราคาไม่ครบถ้วน ศาลมิอาจสั่งให้โอนกรรมสิทธิ์ได้
สัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทระบุราคาทรัพย์สินเป็นเงิน 399,000 บาท ผู้ร้องอ้างว่าชำระราคาให้จำเลยครบตั้งแต่ปี 2543 โดยมีสำเนาใบเสร็จรับเงินมาแสดงเป็นหลักฐาน แต่เอกสารดังกล่าวมีรายการชำระครั้งสุดท้ายวันที่ 27 กันยายน 2541 และมียอดเงินที่ชำระเพียง 64,000 บาท ส่วนที่ผู้ร้องนำสืบว่า ผู้ร้องเข้าครอบครองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทตั้งแต่ปี 2541 ก็เป็นการเข้าครอบครองทรัพย์สินก่อนเวลาที่ผู้ร้องอ้างว่าชำระราคาเสร็จสิ้นเมื่อปี 2543 จึงมิใช่พฤติการณ์ที่บ่งชี้ว่าผู้ร้องปฏิบัติการชำระหนี้ครบถ้วนแล้ว อีกทั้งไม่ปรากฏหลักฐานว่าผู้ร้องเคยเรียกร้องให้จำเลยโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาท พยานหลักฐานที่ผู้ร้องนำสืบไม่มีน้ำหนักรับฟังว่า ผู้ร้องชำระราคาที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทให้แก่จำเลยครบตามสัญญา สัญญาจะซื้อจะขายเป็นสัญญาต่างตอบแทน เมื่อผู้ร้องยังไม่ชำระหนี้ของตนจึงไม่มีสิทธิขอให้ผู้คัดค้านที่ 1 ชำระหนี้ตอบแทนด้วยการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทตามสัญญา ทั้งกรณีตามคำร้องเป็นการขอให้ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ผู้คัดค้านที่ 1 โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทให้แก่ผู้ร้องตามสัญญาจะซื้อจะขายอันเป็นการโอนทรัพย์สินโดยทางนิติกรรม คดีจึงไม่มีประเด็นว่า ผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ อันเป็นการได้กรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทโดยการครอบครอง ที่ศาลล้มละลายกลางวินิจฉัยและมีคำสั่งให้ผู้คัดค้านที่ 1 โอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินดังกล่าวให้ผู้ร้องจึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 142 วรรคหนึ่ง ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย พ.ศ.2542 มาตรา 14 ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นอุทธรณ์ ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142 (5) มาตรา 246 และมาตรา 247 (เดิม) ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย พ.ศ.2542 มาตรา 28
of 18