พบผลลัพธ์ทั้งหมด 805 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1364/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าหน้าดินส่วนหนึ่งของค่าเช่า ไม่ทำให้เป็นสัญญาต่างตอบแทน
เงินค่าหน้าดินที่ผู้เช่าให้แก่ผู้ให้เช่า เพื่อผู้เช่าจะได้เช่าทรัพย์ เป็นส่วนหนึ่งของค่าเช่าเช่นเดียวกับเงินกินเปล่าไม่ทำให้เป็นสัญญาต่างตอบแทนยิ่งกว่าเช่าธรรมดา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1126/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับผิดในเช็คลดบัญชีเดินสะพัด: สิทธิในการเพิกถอนรายการเมื่อเช็คไม่สามารถเรียกเก็บเงินได้
จำเลยที่ 1 เป็นลูกค้าเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน และได้ทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีกับธนาคารโจทก์ นอกจากนี้ จำเลยที่ 1 ยังได้นำเช็คซึ่งผู้อื่นเป็นผู้ออกมาขายลดให้โจทก์ โดยโจทก์ได้ส่วนลดหมื่นละยี่สิบบาท แม้ขอตกลงซื้อขายลดเช็คระหว่างเช็คกับจำเลยที่ 1 จะไม่ปรากฏมีข้อสัญญาว่าหากเช็คเรียกเก็บเงินไม่ได้แล้ว จำเลยที่ 1 จะต้องรับผิดชดใช้เงินแก่โจทก์ก็ตาม แต่การที่จำเลยนำเช็คพิพาทมาเข้าบัญชีเดินสะพัดของจำเลยเพื่อให้โจทก์เรียกเก็บเงิน โดยนำเช็คเข้าบัญชีในวันที่ลงในเช็ค แล้วจำเลยออกเช็คสั่งให้โจทก์จ่ายเงินให้ตามจำนวนดังกล่าวจากบัญชีเดินสะพัดของจำเลยและโจทก์ยอมจ่ายเงินไปก่อนโดยที่เช็คที่จำเลยนำมาเข้าบัญชียังเรียกเก็บเงินไม่ได้ และโจทก์ได้ค่าธรรมเนียมเรียกว่า ส่วนลดหมื่นละยี่สิบบาท เช่นนี้ เป็นพฤติการณ์ที่โจทก์และจำเลยที่ 1 ปฏิบัติต่อกันตามสัญญาบัญชีเดินสะพัด เมื่อปรากฏว่าโจทก์ได้จ่ายเงินตามเช็คของจำเลยจากบัญชีเดินสะพัดไปแล้ว ต่อมาโจทก์เรียกเก็บเงินตามเช็คพิพาทไม่ได้ โจทก์ย่อมมีสิทธิจะเพิกถอนการลงรายการของเช็คดังกล่าวเสียได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 857 และนำจำนวนเงินนั้นมา ลงรายการว่าจำเลยที่ 1 เป็นลูกหนี้โจทก์ได้ จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดในจำนวนเงินดังกล่าวต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1126/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเดินสะพัด, เช็ค, เพิกถอนรายการ, ลูกหนี้, การชำระเงิน
จำเลยที่ 1 เป็นลูกค้าเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน และได้ทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีไว้กับธนาคารโจทก์ นอกจากนี้จำเลยที่ 1 ยังได้นำเช็คซึ่งผู้อื่นเป็นผู้ออกมาขายลดให้โจทก์ โดยโจทก์ได้ส่วนลดหมื่นละยี่สิบบาท แม้ข้อตกลงซื้อขายลดเช็คระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 จะไม่ปรากฏมีข้อสัญญาว่าหากเช็คเรียกเก็บเงินไม่ได้แล้วจำเลยที่1 จะต้องรับผิดชดใช้เงินแก่โจทก์ก็ตาม แต่การที่จำเลยนำเช็คพิพาทมาเข้าบัญชีเดินสะพัดของจำเลยเพื่อให้โจทก์เรียกเก็บเงิน โดยนำเช็คเข้าบัญชีในวันที่ลงในเช็คแล้วจำเลยออกเช็คสั่งให้โจทก์จ่ายเงินให้ตามจำนวนดังกล่าวจากบัญชีเดินสะพัดของจำเลย และโจทก์ยอมจ่ายเงินไปก่อนโดยที่เช็คที่จำเลยนำมาเข้าบัญชียังเรียกเก็บเงินไม่ได้และโจทก์ได้ค่าธรรมเนียมเรียกว่าส่วนลดหมื่นละยี่สิบบาทเช่นนี้เป็นพฤติการณ์ที่โจทก์และจำเลยที่ 1 ปฏิบัติต่อกันตามสัญญาบัญชีเดินสะพัด เมื่อปรากฏว่าโจทก์ได้จ่ายเงินตามเช็คของจำเลยจากบัญชีเดินสะพัดไปแล้ว ต่อมาโจทก์เรียกเก็บเงินตามเช็คพิพาทไม่ได้ โจทก์ย่อมมีสิทธิจะเพิกถอนการลงรายการของเช็คดังกล่าวเสียได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 857 และนำจำนวนเงินนั้นมาลงรายการว่าจำเลยที่ 1 เป็นลูกหนี้โจทก์ได้ จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดในจำนวนเงินดังกล่าวต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 488/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาต่างตอบแทนหลังคู่สัญญาสิ้นชีวิต สิทธิและหน้าที่ตกทอดแก่ทายาทตามกฎหมาย
สัญญามีใจความว่า เจ้าของที่ดินให้จำเลยสร้างอาคารในที่ดินแล้วเรียกค่าก่อสร้างจากผู้เช่าอาคารอาคารที่สร้างขึ้นยอมให้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ให้สร้าง สัญญานี้เป็นสัญญาต่างตอบแทนแม้ต่อมาผู้ให้สร้างจะตายตามกฎหมายหรือโดยสภาพก็ไม่ใช่เป็นการเฉพาะตัวของผู้ตายโดยแท้ สิทธิและหน้าที่ตามสัญญาย่อมตกทอดยังทายาท ทายาทต้องผูกพันตามสัญญานั้น ผู้จัดการมรดกถูกฟ้องตามสัญญาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2993-2999/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าปากเปล่าและการโอนสิทธิที่ดิน สัญญาไม่จดทะเบียนไม่มีผลผูกพันบุคคลภายนอก
การที่จำเลยตกลงตัดฟันต้นไม้ซึ่งขึ้นอยู่รกและพื้นที่ไม่ราบเรียบ แล้วดำเนินการปลูกบ้านเพื่อเช่าอยู่อาศัย อันเห็นได้ชัดว่าเป็นไปเพื่อประโยชน์ของจำเลยฝ่ายเดียว ถือไม่ได้ว่าข้อตกลงดังกล่าวเป็น สัญญาต่างตอบแทนพิเศษยิ่งกว่าสัญญาธรรมดา และเมื่อสัญญา ดังกล่าวมิได้จดทะเบียนกับพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงหามีผลผูกพันถึงโจทก์บุคคลภายนอกแต่ประการใดไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2331/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาโอนสิทธิการเช่า: การแปลงหนี้ด้วยวาจาไม่สมบูรณ์, การบอกเลิกสัญญา, และผลของการไม่ปฏิบัติตามกำหนดเวลาชำระหนี้
การที่จำเลยที่ 1 ตกลงให้จำเลยที่ 2 ชำระเงินแก่ผู้เช่าและรับโอนสิทธิการเช่าแทนโดยจำเลยที่ 1 จะชำระเงินและโอนสิทธิการเช่าคืนจากจำเลยที่ 2 นั้น จำเลยที่ 1 เป็นทั้งลูกหนี้และเจ้าหนี้เมื่อจำเลยที่ 2 ตกลงกับโจทก์ให้โจทก์ชำระหนี้แทนจำเลยที่ 1 แก่จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 2 โอนสิทธิการเช่าแก่โจทก์จึงเป็นการแปลงหนี้ใหม่โดยเปลี่ยนทั้งตัวเจ้าหนี้และลูกหนี้ และเมื่อสัญญาระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 เป็นการเปลี่ยนตัวเจ้าหนี้ จึงต้องบังคับตามบทบัญญัติเรื่องโอนสิทธิเรียกร้องดังนั้นเมื่อจำเลยที่ 2 กับโจทก์ตกลงกันด้วยวาจาโดยมิได้ทำเป็นหนังสือจึงไม่สมบูรณ์ไม่มีผลใช้บังคับ
เมื่อสัญญาระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 มิได้กำหนดวันชำระเงินและจำเลยที่ 2 บอกกล่าวให้จำเลยที่ 1 นำเงินมาชำระภายใน 3 วัน นับแต่วันรับหนังสือหากพ้นกำหนดจะถือเป็นการขอถอนคำมั่นนั้นเป็นการกำหนดเวลาให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้และขอเลิกสัญญาเมื่อจำเลยที่ 1ไม่ชำระหนี้ภายในกำหนดสัญญาจึงเป็นอันเลิกกัน
สัญญาซึ่งลงลายมือชื่อจำเลยที่ 1 กับโจทก์ทั้งสองฝ่ายมีข้อความบ่งชัดว่าสัญญาเกิดขึ้นแล้วไม่ใช่เพียงคำมั่น แต่การที่จำเลยที่ 1 บอกกล่าวกำหนดเวลาให้โจทก์ชำระเงินโจทก์ไม่ชำระตามเวลากำหนดโจทก์จึงไม่มีสิทธิบังคับให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้โดยรับชำระเงินจากโจทก์แล้วโอนสิทธิการเช่าให้โจทก์
เมื่อสัญญาระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 มิได้กำหนดวันชำระเงินและจำเลยที่ 2 บอกกล่าวให้จำเลยที่ 1 นำเงินมาชำระภายใน 3 วัน นับแต่วันรับหนังสือหากพ้นกำหนดจะถือเป็นการขอถอนคำมั่นนั้นเป็นการกำหนดเวลาให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้และขอเลิกสัญญาเมื่อจำเลยที่ 1ไม่ชำระหนี้ภายในกำหนดสัญญาจึงเป็นอันเลิกกัน
สัญญาซึ่งลงลายมือชื่อจำเลยที่ 1 กับโจทก์ทั้งสองฝ่ายมีข้อความบ่งชัดว่าสัญญาเกิดขึ้นแล้วไม่ใช่เพียงคำมั่น แต่การที่จำเลยที่ 1 บอกกล่าวกำหนดเวลาให้โจทก์ชำระเงินโจทก์ไม่ชำระตามเวลากำหนดโจทก์จึงไม่มีสิทธิบังคับให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้โดยรับชำระเงินจากโจทก์แล้วโอนสิทธิการเช่าให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2331/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแปลงหนี้ใหม่, สัญญาไม่สมบูรณ์, เลิกสัญญา, และสิทธิเรียกร้องที่บังคับใช้ไม่ได้
การที่จำเลยที่ 1 ตกลงให้จำเลยที่ 2 ชำระเงินแก่ผู้เช่าและรับโอนสิทธิการเช่าแทน โดยจำเลยที่ 1 จะชำระเงินและโอนสิทธิการเช่าคืนจากจำเลยที่ 2 นั้น จำเลยที่ 1 เป็นทั้งลูกหนี้และเจ้าหนี้ เมื่อจำเลยที่ 2 ตกลงกับโจทก์ให้โจทก์ชำระหนี้แทนจำเลยที่ 1 แก่จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 2 โอนสิทธิการเช่าแก่โจทก์จึงเป็นการแปลงหนี้ใหม่โดยเปลี่ยนทั้งตัวเจ้าหนี้และลูกหนี้ และเมื่อสัญญาระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 เป็นการเปลี่ยนตัวเจ้าหนี้ จึงต้องบังคับตามบทบัญญัติเรื่องโอนสิทธิเรียกร้องดังนั้น เมื่อจำเลยที่ 2 กับโจทก์ตกลงกันด้วยวาจาโดยมิได้ทำเป็นหนังสือจึงไม่สมบูรณ์ไม่มีผลใช้บังคับ
เมื่อสัญญาระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 มิได้กำหนดวันชำระเงินและจำเลยที่ 2 บอกกล่าวให้จำเลยที่ 1 นำเงินมาชำระภายใน 3 วัน นับแต่วันรับหนังสือ หากพ้นกำหนดจะถือเป็นการขอถอนคำมั่นนั้น เป็นการกำหนดเวลาให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้และขอเลิกสัญญา เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ชำระหนี้ภายในกำหนดสัญญาจึงเป็นอันเลิกกัน
สัญญาซึ่งลงลายมือชื่อจำเลยที่ 1กับโจทก์ทั้งสองฝ่ายมีข้อความบ่งชัดว่าสัญญาเกิดขึ้นแล้ว ไม่ใช่เพียงคำมั่น แต่การที่จำเลยที่ 1 บอกกล่าวกำหนดเวลาให้โจทก์ชำระเงิน โจทก์ไม่ชำระตามเวลากำหนด โจทก์จึงไม่มีสิทธิบังคับให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้โดยรับชำระเงินจากโจทก์แล้วโอนสิทธิการเช่าให้โจทก์
เมื่อสัญญาระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 มิได้กำหนดวันชำระเงินและจำเลยที่ 2 บอกกล่าวให้จำเลยที่ 1 นำเงินมาชำระภายใน 3 วัน นับแต่วันรับหนังสือ หากพ้นกำหนดจะถือเป็นการขอถอนคำมั่นนั้น เป็นการกำหนดเวลาให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้และขอเลิกสัญญา เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ชำระหนี้ภายในกำหนดสัญญาจึงเป็นอันเลิกกัน
สัญญาซึ่งลงลายมือชื่อจำเลยที่ 1กับโจทก์ทั้งสองฝ่ายมีข้อความบ่งชัดว่าสัญญาเกิดขึ้นแล้ว ไม่ใช่เพียงคำมั่น แต่การที่จำเลยที่ 1 บอกกล่าวกำหนดเวลาให้โจทก์ชำระเงิน โจทก์ไม่ชำระตามเวลากำหนด โจทก์จึงไม่มีสิทธิบังคับให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้โดยรับชำระเงินจากโจทก์แล้วโอนสิทธิการเช่าให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2302/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจ้างและเงินบำเหน็จรางวัล: จำเลยผูกพันตามระเบียบที่วางไว้จนกว่าจะแก้ไข
บริษัทจำเลยวางระเบียบการจ่ายเงินบำเหน็จรางวัลซึ่งเป็นกฎเกณฑ์ การจ่ายเงินบำเหน็จรางวัลแก่พนักงานบริษัทไว้ เพื่อใช้บังคับในกรณีที่การทำงานของพนักงานบริษัทครบเกษียณอายุหรือต้องสิ้นสุดลงอันถือได้ว่าเป็นเงื่อนไขส่วนหนึ่งแห่งสัญญาจ้างเมื่อพนักงานได้กระทำตามเงื่อนไขต่าง ๆดังกำหนดไว้นั้นแล้ว จำเลยย่อมผูกพันที่จะต้องจ่ายเงินบำเหน็จให้แก่พนักงานผู้นั้นตามกฎเกณฑ์ที่ได้กำหนดไว้แม้จำเลยจะมีสิทธิเปลี่ยนแปลงแก้ไขหรือยกเลิกระเบียบดังกล่าวได้ไม่ว่าจะเพียงบางส่วนหรือทั้งหมดทั้งนี้ สุดแต่บริษัทจำเลยจะเห็นสมควรก็ตามแต่ตราบใดที่จำเลยยังมิได้แก้ไข เปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ดังกล่าวจำเลยก็ต้องผูกพันตามนั้นอยู่ขณะที่จำเลยมีคำสั่งเลิกจ้างโจทก์หากโจทก์มีสิทธิที่จะได้รับเงินบำเหน็จจากจำเลยตามกฎเกณฑ์อยู่อย่างไร จำเลยย่อมผูกพันที่จะต้องจ่ายเงินบำเหน็จนั้นแก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2152/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลักษณะของสัญญาและอายุความ สัญญาฝากทรัพย์ vs สัญญาต่างตอบแทน
สัญญารายพิพาทเรียกว่าสัญญารับฝากเก็บและสีแปรสภาพข้าวเปลือกเป็นสัญญาระหว่างโจทก์ ซึ่งในสัญญาเรียกว่าผู้ฝากกับโรงสี ม. โดยจำเลยผู้เป็นเจ้าของและผู้จัดการ ซึ่งในสัญญาเรียกว่าผู้รับฝากเก็บและสีแปรสภาพข้าว โดยผู้รับฝากฯ ตกลงจะรับฝากเก็บและสีแปรสภาพข้าวเปลือกทุกชนิดของผู้ฝาก และผู้รับฝากจะส่งมอบข้าวกลับคืนให้แก่ผู้ฝากเป็นข้าวสารตามชนิด จำนวนและระยะเวลาที่คณะกรรมการสำรองข้าวสั่ง โดยผู้ฝากให้ประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้รับฝากเป็นต้นข้าวปลาย ข้าวและรำข้าวที่เหลือจากการส่งให้แก่ผู้ฝาก สัญญาเช่นนี้หาใช้สัญญาฝากทรัพย์ไม่ แต่เป็นสัญญาที่จำเลยตกลงรับฝากเก็บข้าวเปลือกไว้เพื่อสีแปรสภาพจนสำเร็จเป็นข้าวสารให้แก่โจทก์และโจทก์ตกลงให้ต้นข้าว ปลายข้าว และรำข้าวเป็นการตอบแทนที่จำเลยสีแปรสภาพข้าวเปลือกเป็นข้าวสารจึงเป็นสัญญาต่างตอบแทนประเภทหนึ่งซึ่ง ไม่มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้เป็นอย่างอื่น จึงมีอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2152/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาฝากเก็บและสีแปรสภาพข้าวเปลือกเป็นสัญญาต่างตอบแทน มีอายุความ 10 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
สัญญารายพิพาทเรียกว่าสัญญารับฝากเก็บและสีแปรสภาพข้าวเปลือกเป็นสัญญาระหว่างโจทก์ ซึ่งในสัญญาเรียกว่าผู้ฝากกับโรงสี ม. โดยจำเลยผู้เป็นเจ้าของและผู้จัดการ ซึ่งในสัญญาเรียกว่าผู้รับฝากเก็บและสีแปรสภาพข้าว โดยผู้รับฝากฯ ตกลงจะรับฝากเก็บและสีแปรสภาพข้าวเปลือกทุกชนิดของผู้ฝาก และผู้รับฝากจะส่งมอบข้าวกลับคืนให้แก่ผู้ฝากเป็นข้าวสารตามชนิด จำนวนและระยะเวลาที่คณะกรรมการสำรองข้าวสั่ง โดยผู้ฝากให้ประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้รับฝากเป็นต้นข้าวปลายข้าวและรำข้าวที่เหลือจากการส่งให้แก่ผู้ฝาก สัญญาเช่นนี้หาใช่สัญญาฝากทรัพย์ไม่ แต่เป็นสัญญาที่จำเลยตกลงรับฝากเก็บข้าวเปลือกไว้เพื่อสีแปรสภาพจนสำเร็จเป็นข้าวสารให้แก่โจทก์และโจทก์ตกลงให้ต้นข้าว ปลายข้าว และรำข้าวเป็นการตอบแทนที่จำเลยสีแปรสภาพข้าวเปลือกเป็นข้าวสารจึงเป็นสัญญาต่างตอบแทนประเภทหนึ่งซึ่งไม่มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้เป็นอย่างอื่น จึงมีอายุความ 10 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164