คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 369

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 805 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 330/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าที่ดิน: หน้าที่ของผู้ให้เช่าในการส่งมอบการครอบครองที่ดินให้ผู้เช่าอย่างสงบสุข
เช่าสวนเช่านากันแล้ว ผู้ให้เช่าไปชี้เขตที่เช่าให้แก่ผู้เช่า แต่ปรากฎว่าผู้เช่าเข้าไปครอบครองไม่ได้ เพราะบุตรของผู้เช่าคนเดิมยังปลูกเรือนอยู่ในที่เช่า และยังแย่งทำนาเสียด้วย ดังนี้ ถือว่าผู้ให้เช่าไม่อาจมอบที่เช่าให้ผู้เช่าได้ จึงกต้องคืนค่าเช่าและใช่ค่าเสียหายให้แก่ผู้เช่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 330/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้ให้เช่าต้องส่งมอบพื้นที่เช่าให้ผู้เช่าได้จริง หากไม่สามารถทำได้ ถือเป็นการไม่ปฏิบัติตามสัญญาเช่า
เช่าสวนเช่านากันแล้วผู้ให้เช่าไปชี้เขตที่เช่าให้แก่ผู้เช่าแต่ปรากฏว่าผู้เช่าเข้าไปครอบครองไม่ได้เพราะบุตรของผู้เช่าคนเดิมยังปลูกเรือนอยู่ในที่เช่าและยังแย่งทำนาเสียด้วยดังนี้ ถือว่าผู้ให้เช่าไม่อาจมอบที่เช่าให้ผู้เช่าได้ จึงต้องคืนค่าเช่าและใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เช่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1265/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิรับรางวัลจับกุมข้าวสารลักลอบออกนอกประเทศ: ข้าวสารต้องเป็นของที่นำออกนอกประเทศแล้ว
กรมตำรวจประกาศให้รางวัลแก่ผู้นำจับหรือตำรวจผู้จับผู้ลักลอกนำข้าวสารออกนอกประเทศ เมื่อปรากฎว่าข้าวสารที่จับ เป็นข้าวสารที่เจ้าของนำมาจากอินโดจีนจะไปสิงคโปร์แต่ถูกลมพายุ จึงหลบเข้ามาในอาณาจักรประเทศไทยนั้น ผู้จับย่อมไม่มีสิทธิที่จะได้รับรางวัลตามคำประกาศของกรมตำรวจ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1265/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิรับรางวัลจับกุมผู้ลักลอบนำข้าวสารเข้าประเทศ: การตีความเจตนารมณ์ของประกาศ
กรมตำรวจประกาศให้รางวัลแก่ผู้นำจับหรือตำรวจผู้จับผู้ลักลอบนำข้าวสารออกนอกประเทศ เมื่อปรากฏว่าข้าวสารที่จับ เป็นข้าวสารที่เจ้าของนำมาจากอินโดจีนจะไปสิงค์โปร์แต่ถูกลมพายุ จึงหลบเข้ามาในอาณาจักรประเทศไทยนั้นผู้จับย่อมไม่มีสิทธิที่จะได้รับรางวัลตามคำประกาศของกรมตำรวจ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 371/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาค้ำประกันกับการงดฟ้องอาญา: ความประสงค์อันแท้จริงของสัญญา
สัญญาค้ำประกันมีใจความสำคัญว่า จำเลยที่ 1 ยอมรับว่าได้ฉ้อโกงโจทก์จริงและยอมใช้เงินให้โจทก์ จำเลยที่ 2
มารดาจำเลยที่ 1 ยอมค้ำประกันเมื่อจำเลยที่ 1 บิดพลิ้ว ยินดีรับใช้แทนจนครบ โจทก์ผู้กล่าวหายินดีและตกลง ดังนี้
แม้จะมิได้มีข้อความแจ้งชัดว่าจะไม่ฟ้องในทางอาญา าก็เป็นที่เข้าใจกันตามปกติว่า การที่จำเลยที่ 2 เข้าค้ำประกัน
รับใช้เงินแทนจำเลยที่ 1 ผู้เป็นบุตรก็ประสงค์ให้โจทก์งดเว้น ไม่ฟ้องบุตรจำเลยที่ 2 ทางอาญา ฉะนั้นแม้จำเลยจะผิดนัด ไม่ใช้หนี้ตามกำหนดในสัญญา ก็ไม่ทำให้โจทก์เกิดสิทธิฟ้องทางอาญาได้เมื่อโจทก์ร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ในทางอาญา จึงไม่เป็นไปตามความประสงค์อันแท้จริงของสัญญาที่จำเลยที่ 2 ทำให้ไว้ จำเลยที่ 2 ย่อมหลุดพ้นจากความผิด./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 371/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาค้ำประกันกับการงดฟ้องอาญา: ความประสงค์อันแท้จริงของสัญญา
สัญญาค้ำประกันมีใจความสำคัญว่า จำเลยที่ 1 ยอมรับว่าได้ฉ้อโกงโจทก์จริงและยอมใช้เงินให้โจทก์จำเลยที่ 2มารดาจำเลยที่ 1 ยอมค้ำประกันเมื่อจำเลยที่ 1 บิดพลิ้วยินดีรับใช้แทนจนครบ โจทก์ผู้กล่าวหายินดีและตกลงดังนี้ แม้จะมิได้มีข้อความแจ้งชัดว่าจะไม่ฟ้องในทางอาญา ก็เป็นที่เข้าใจกันตามปกติว่า การที่จำเลยที่2 เข้าค้ำประกันรับใช้เงินแทนจำเลยที่ 1 ผู้เป็นบุตรก็ประสงค์ให้โจทก์งดเว้น ไม่ฟ้องบุตรจำเลยที่ 2 ทางอาญา ฉะนั้นแม้จำเลยจะผิดนัด ไม่ใช้หนี้ตามกำหนดในสัญญา ก็ไม่ทำให้โจทก์เกิดสิทธิฟ้องทางอาญาได้เมื่อโจทก์ร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ในทางอาญา จึงไม่เป็นไปตามความประสงค์อันแท้จริงของสัญญาที่จำเลยที่ 2 ทำให้ไว้ จำเลยที่ 2 ย่อมหลุดพ้นจากความรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 315/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซ่อมแซมแล้วเข้าอยู่: สิทธิผู้เช่ายังคงมีอยู่แม้คนกลางปฏิเสธกำหนดค่าเช่า ผู้ให้เช่าผิดสัญญาเมื่อให้ผู้อื่นเช่า
ผู้เช่าและผู้ให้เช่าทำสัญญายอมความกันว่า ผู้เช่ายอมออกจากห้องเช่าชั่วคราวเพื่อให้เจ้าของห้อง คือผู้ให้เช่าทำการซ่อมแซมห้องเช่าเมื่อซ่อมแล้ว ผู้ให้เช่ายอมให้ผู้เช่าเข้ามาอยู่ในห้องที่เคยเช่าได้ ส่วนอัตราค่าเช่าตกลงกันให้คนกลางกำหนด ดังนี้ เป็นสัญญากันครบถ้วนตั้งแต่วันทำสัญญายอมความกันแล้ว
แม้คนกลางจะไม่ยอมเป็นผู้กำหนดอัตราค่าเช่าให้สิทธิของผู้เช่าที่จะเข้าอยู่ในห้องพิพาทก็ยังคงมีอยู่ส่วนอัตราค่าเช่าคู่กรณีมีทางที่จะขอให้ศาลชี้ขาดได้ฉะนั้นเมื่อฝ่ายผู้ให้เช่าได้นำห้องพิพาทไปให้ผู้อื่นเช่าเสียผู้ให้เช่าจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา แต่ผู้เช่าจะฟ้องศาลขอเข้าอยู่ในห้องพิพาทนั้นบุคคลภายนอกได้เข้าอยู่เสียแล้วจึงเป็นเรื่องวัตถุแห่งหนี้ ไม่เปิดช่องให้บังคับได้ผู้เช่าคงฟ้องได้แต่เรียกค่าเสียหายจากผู้ให้เช่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1460/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าที่ดินสร้างอาคารและส่งมอบคืน: สิทธิบอกเลิกสัญญาและการตีราคาทรัพย์สิน
เช่าที่ดินเพื่อปลูกสร้างตึกมีกำหนดถึง 10 ปี แล้วผู้เช่าจะยกตึกที่ปลูกสร้างทดแทนให้เจ้าของที่ดินอีกโสดหนึ่งต่างหากจากค่าเช่า ดังนี้ เป็นสัญญาต่างตอบแทนกันยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดา ผู้ให้เช่าจะบอกเลิกสัญญาก่อนครบกำหนด 10 ปีไม่ได้
ผู้ให้เช่าฟ้องขอให้เลิกสัญญาเช่น และขอให้ผู้เช่าส่งมอบที่ดินที่เช่ากับสิ่งปลูกสร้างที่ผู้เช่าปลูกสร้างลงไว้บนที่ดินที่เข่าให้แก่ผู้ให้เช่านั้น ต้องตีราคาสิ่งปลูกสร้างเป็นทุนทรัพย์แห่งคดี และต้องเสียค่าฤชาธรรมเนียมตามระเบียบ เพราะเป็นทรัพย์ที่โจทก์เรียกร้อง ไม่จำเป็นจะต้องฟังคำให้การของจำเลยก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1460/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าที่ดิน+สิ่งปลูกสร้าง: สัญญาต่างตอบแทนพิเศษ ผู้ให้เช่าบอกเลิกสัญญาก่อนกำหนดไม่ได้
เช่าที่ดินเพื่อปลูกสร้างตึกมีกำหนดถึง 10 ปี แล้วผู้เช่าจะยกตึกที่ปลูกสร้างทดแทนให้เจ้าของที่ดินอีกโสดหนึ่งต่างหากจากค่าเช่า ดังนี้ เป็นสัญญาต่างตอบแทนกันยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดา ผู้ให้เช่าจะบอกเลิกสัญญาก่อนครบกำหนด 10 ปีไม่ได้
ผู้ให้เช่าฟ้องขอให้เลิกสัญญาเช่า และขอให้ผู้เช่าส่งมอบที่ดินที่เช่ากับสิ่งปลูกสร้างที่ผู้เช่าปลูกสร้างลงไว้บนที่ดินที่เช่าให้แก่ผู้ให้เช่านั้น ต้องตีราคาสิ่งปลูกสร้างเป็นทุนทรัพย์แห่งคดี และต้องเสียค่าฤชาธรรมเนียมตามระเบียบ เพราะเป็นทรัพย์ที่โจทก์เรียกร้อง ไม่จำเป็นจะต้องฟังคำให้การของจำเลยก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1434/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายข้าวเปลือกและการหักหนี้: สิทธิเรียกร้องเมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซื้อข้าวเปลือกของโจทก์ไป ยังไม่ได้ชำระราคา โดยตกลงจะหักหนี้ที่โจทก์กู้เงินจำเลยไว้ แต่ภายหลังจำเลยกลับเอาสัญญากู้มาฟ้องเรียกเงินจากโจทก์ โดยไม่หักค่าข้าวเปลือกให้ตามที่ตกลงกันไว้ ดังนี้ แม้การซื้อขายข้าวเปลือกจะไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ แต่ได้มีการส่งมอบข้าวเปลือกกันแล้ว ซึ่งถือได้ว่ามีการชำระหนี้กันแล้ว โจทก์ก็ย่อมมีสิทธิฟ้องร้องเรียกให้จำเลยส่งข้าวเปลือกคืน หรือใช้ราคาได้
of 81