พบผลลัพธ์ทั้งหมด 805 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1697/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าช่วงโดยมีข้อตกลงการกู้ยืมเงินเป็นส่วนหนึ่ง สิทธิในการอยู่อาศัยย่อมมีผลผูกพันตราบเท่าที่สัญญายังมีผลบังคับใช้
ทำสัญญากู้เงินกัน ผู้กู้ยอมให้ผู้ให้กู้เข้ามาทำการค้าขายในร้าน ซึ่งผู้กู้ได้เช่าอยู่ก่อนนั้นตลอดไป หรือจนกว่าผู้ให้กู้จะออกไปและเมื่อผู้ให้กู้ไปจากร้านนี้เมื่อใด ผู้กู้จะส่งเงินที่กู้ไปให้แก่ผู้ให้กู้ครบจำนวนที่กู้ทันที ดังนี้ถือได้ว่าเป็นสัญญาต่างตอบแทน ตราบใดที่สัญญานี้ยังไม่เลิกและผู้ให้กู้ไม่ได้ทำผิดสัญญาแล้ว ผู้กู้ไม่มีเหตุอะไรจะฟ้องขับไล่ผู้ให้กู้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1697/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญากู้เงินที่มีข้อตกลงให้ใช้พื้นที่ค้าขายไม่ถือเป็นการอาศัย แต่เป็นสัญญาต่างตอบแทนที่คุ้มครองจำเลย
ทำสัญญากู้เงินกัน ผู้กู้ยอมให้ผู้ให้กู้เข้ามาทำการค้าขายในร้าน ซึ่งผู้กู้ได้เช่าอยู่ก่อนนั้นตลอดไปหรือจนกว่าผู้ให้กู้จะออกไป และเมื่อผู้ให้กู้ไปจากร้านนี้เมื่อใด ผู้กู้จะส่งเงินที่กู้ไปให้แก่ผู้ให้กู้ครบจำนวนที่กู้ทันที ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นสัญญาต่างตอบแทน ตราบใดที่สัญญานี้ยังไม่เลิก และผู้ให้กู้ไม่ได้ทำผิดสัญญาแล้ว ผู้กู้ก็ไม่มีเหตุอะไรจะฟ้องขับไล่ผู้ให้กู้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1423/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาผ่อนส่งซื้อเรือนและสิทธิในการโอนการเช่าที่ดิน ผู้ขายมีหน้าที่ต้องโอนเมื่อผู้ซื้อชำระเงินครบ
ตกลงขายเรือนกันโดยวิธีผ่อนส่ง ในสัญญาข้อหนึ่งผู้ขายรับรองว่าเมื่อผู้ซื้อส่งเงินครบแล้วผู้ขายจะอนุญาตให้ผู้ซื้อรับโอนการเช่าที่ดินรายที่ปลูกเรือนพิพาทด้วยดังนี้ เมื่อผู้ขายได้รับเงินครบถ้วนแล้ว ผู้ขายก็ย่อมมีหน้าที่ต้องโอนการเช่าให้ผู้ซื้อ การที่ผู้ซื้อขอผัดเพื่อสอบเขตหรือขอแถลงรับการโอนช้าไปบ้างนั้นไม่เป็นเหตุที่จะถือว่าผู้ซื้อผิดนัดถึงแก่ทำให้ผู้ขายหมดหน้าที่ไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1423/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายเรือนและสิทธิในการเช่าที่ดิน: หน้าที่ของผู้ขายในการโอนสิทธิเมื่อผู้ซื้อชำระเงินครบถ้วน
ตกลงขายเรือนกันโดยวิธีผ่อนส่ง ในสัญญาข้อหนึ่ง ผู้ขายรับรองว่าเมื่อผู้ซื้อส่งเงินครบแล้ว ผู้ขายจะอนุญาตให้ผู้ซื้อรับโอนการเช่าที่ดินรายที่ปลูกเรือนพิพาทด้วยดังนี้ เมื่อผู้ขายได้รับเงินครบถ้วนแล้ว ผู้ขายก็ย่อมมีหน้าที่ต้องโอนการเช่าให้ผู้ซื้อ การที่ผู้ซื้อขอผัดเพื่อสอบเขต หรือขอแถลงรับการโอนช้าไปบ้างนั้นไม่เป็นเหตุที่จะถือว่าผู้ซื้อผิดนัดถึงแก่ทำให้ผู้ขายหมดหน้าที่ไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1281-1283/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องค่าเช่าและทรัพย์สินหลังสัญญาหมดอายุ, ความสัมพันธ์ทางกฎหมายระหว่างผู้เช่าช่วง, ผู้เช่าเดิม, และเจ้าของทรัพย์
เช่าทรัพย์สินจากเจ้าของทรัพย์มาแล้วให้เช่าช่วง เมื่อหมดสัญญาเช่าแล้วเจ้าของทรัพย์กลับให้คนอื่นเป็นผู้เช่าแทนส่วนผู้เช่าช่วงยังคงเป็นคนเดิม ดังนี้ ผู้เช่าคนแรกจะเรียกค่าเช่าจากผู้เช่าช่วง ตั้งแต่วันที่ สัญญาของตนกับเจ้าของทรัพย์สิ้นสุดลงแล้ว ต่อไปอีกไม่ได้
ในกรณีเช่นนี้ ถ้าผู้เช่าช่วงชำระค่าเช่าให้แก่ผู้เช่าคนก่อนสำหรับการเช่าภายหลังสัญญาที่ผู้เช่าคนก่อนกับเจ้าของทรัพย์สิ้นอายุแล้วก็ดี ผู้เช่าคนใหม่ก็ไม่มีสิทธิมาฟ้องผู้เช่าคนก่อนเรียกค่าเช่าที่ผู้เช่าช่วงชำระไปแก่ผู้เช่าคนก่อนได้ เพราะผู้เช่าคนก่อนกับผู้เช่าคนใหม่ไม่มีนิติสัมพันธ์กันอย่างใด และการที่ผู้เช่าคนก่อนรับชำระค่าเช่าไว้จากผู้เช่าช่วง ก็ไม่ถือว่าเป็นการละเมิดต่อผู้เช่าคนใหม่แต่อย่างใด
ผู้เช่าคนก่อนฟ้องเรียกค่าเช่าที่ค้างจากผู้เช่าช่วง ผู้เช่าคนใหม่ร้องสอดเข้ามาเป็นจำเลยร่วมด้วย แม้ศาลจะตัดสินให้ผู้เช่าช่วงชำระค่าเช่าที่ค้างแก่ผู้เช่าคนก่อนก็เป็นหนี้เฉพาะตัวผู้เช่าช่วง ผู้เช่าคนใหม่ไม่ต้องรับผิดในหนี้ส่วนตัวระหว่างผู้เช่าช่วงกับผู้เช่าคนก่อนด้วย
สัญญาเช่าข้อหนึ่งมีข้อความว่า "ทรัพย์สินที่ผู้รับเช่าได้เปลี่ยนแปลงแก้ไขหรือเพิ่มเติมหรือนำมาติดต่อเป็นเครื่องประกอบตกแต่งในโรงมหรสพก็ดี ผู้รับเช่ายอมยกให้เป็นกรรมสิทธิ์แก่ผู้ให้เช่าทั้งสิ้น แต่ทรัพย์สิ่งใดที่ผู้แสดงมหรสพนำมาใช้ เพียงเพื่อประกอบการแสดงของตนนั้นอยู่นอกสัญญานี้ฯ" ดังนี้ เมื่อปรากฏเพียงแต่ว่าเป็นทรัพย์ของผู้เช่า ซึ่งผู้เช่านำเข้ามาในโรงมหรสพเท่านั้น จึงยังไม่พอที่จะชี้ขาดว่า ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของโรงมหรสพ
ในกรณีเช่นนี้ ถ้าผู้เช่าช่วงชำระค่าเช่าให้แก่ผู้เช่าคนก่อนสำหรับการเช่าภายหลังสัญญาที่ผู้เช่าคนก่อนกับเจ้าของทรัพย์สิ้นอายุแล้วก็ดี ผู้เช่าคนใหม่ก็ไม่มีสิทธิมาฟ้องผู้เช่าคนก่อนเรียกค่าเช่าที่ผู้เช่าช่วงชำระไปแก่ผู้เช่าคนก่อนได้ เพราะผู้เช่าคนก่อนกับผู้เช่าคนใหม่ไม่มีนิติสัมพันธ์กันอย่างใด และการที่ผู้เช่าคนก่อนรับชำระค่าเช่าไว้จากผู้เช่าช่วง ก็ไม่ถือว่าเป็นการละเมิดต่อผู้เช่าคนใหม่แต่อย่างใด
ผู้เช่าคนก่อนฟ้องเรียกค่าเช่าที่ค้างจากผู้เช่าช่วง ผู้เช่าคนใหม่ร้องสอดเข้ามาเป็นจำเลยร่วมด้วย แม้ศาลจะตัดสินให้ผู้เช่าช่วงชำระค่าเช่าที่ค้างแก่ผู้เช่าคนก่อนก็เป็นหนี้เฉพาะตัวผู้เช่าช่วง ผู้เช่าคนใหม่ไม่ต้องรับผิดในหนี้ส่วนตัวระหว่างผู้เช่าช่วงกับผู้เช่าคนก่อนด้วย
สัญญาเช่าข้อหนึ่งมีข้อความว่า "ทรัพย์สินที่ผู้รับเช่าได้เปลี่ยนแปลงแก้ไขหรือเพิ่มเติมหรือนำมาติดต่อเป็นเครื่องประกอบตกแต่งในโรงมหรสพก็ดี ผู้รับเช่ายอมยกให้เป็นกรรมสิทธิ์แก่ผู้ให้เช่าทั้งสิ้น แต่ทรัพย์สิ่งใดที่ผู้แสดงมหรสพนำมาใช้ เพียงเพื่อประกอบการแสดงของตนนั้นอยู่นอกสัญญานี้ฯ" ดังนี้ เมื่อปรากฏเพียงแต่ว่าเป็นทรัพย์ของผู้เช่า ซึ่งผู้เช่านำเข้ามาในโรงมหรสพเท่านั้น จึงยังไม่พอที่จะชี้ขาดว่า ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของโรงมหรสพ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 905/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง: ไฟไหม้สิ่งปลูกสร้างไม่ถึงขั้นเลิกสัญญา ผู้ซื้อมีสิทธิขอปรับลดราคา
ทำหนังสือสัญญาจะขายที่ดินและห้องแถวที่ปลูกในที่ดินนั้นโดยวัตถุประสงค์ส่วนใหญ่ของการซื้อขาย ก็คือที่ดิน เมื่อทำสัญญาแล้วเกิดไฟไหม้ห้องแถวเสีย ผู้ซื้อจะใช้สิทธิขอเลิกสัญญาและขอมัดจำคืนไม่ได้ เมื่อเกิดไฟไหม้จะโทษเอาเป็นความผิดของผู้ขายไม่ได้ ผู้ซื้อมีสิทธิจะขอลดราคาซื้อขายกันได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 973/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องร้องเกี่ยวกับที่ดินที่ตกเป็นของทายาท โดยอ้างสัญญาต่างตอบแทน มิใช่การบังคับตามสัญญาหลังมรณะ
โจทก์ฟ้องว่า ช.บิดาโจทก์จำเลยได้เอาที่ดินเนื้อที่ 19 ไร่เศษมาตีเป็นทองคำหมั้นให้แก่ ข. 6 ไร่ในเวลาที่โจทก์กับ ข.สมรสกัน และกองทุนให้โจทก์กับ ข. อีก 4 ไร่ รวมเป็น 10 ไร่ โจทก์กับ ข.มีบุตรคนหนึ่ง ข.ตาย ที่ 10 ไร่จึงตกได้แก่โจทก์และบุตร จึงขอให้ศาลแสดงว่าโจทก์มีกรรมสิทธิในที่นา 10 ไร่ ห้ามมิให้จำเลยเกี่ยวข้อง ดังนี้ ต้องแปลฟ้องโจทก์ว่า โจทก์มิได้ฟ้องขอให้บังคับจำเลยในฐานะผู้รับมฤดก ช. ให้โอนที่ให้แก่โจทก์ตามสัญญาที่ ช.ทำไว้กับโจทก์และ ข. แต่ฟ้องโดยถือว่าที่ตกเป็นของ ข. และโจทก์แล้ว 10 ไร่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 973/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทมรดก: สัญญาต่างตอบแทนกับการถือครองที่ดินโดยทายาท ผู้รับมรดกมีหน้าที่โอนกรรมสิทธิ์
โจทก์ฟ้องว่า ช. บิดาโจทก์จำเลยได้เอาที่ดินเนื้อที่ 19 ไร่เศษมาตีเป็นทองคำหมั้นให้แก่ ข. 6 ไร่ในเวลาที่โจทก์กับ ข. สมรสกัน. และกองทุนให้โจทก์กับข. อีก 4 ไร่ รวมเป็น 10 ไร่. โจทก์กับ ข.มีบุตรคนหนึ่ง. ข. ตาย ที่ 10 ไร่จึงตกได้แก่โจทก์และบุตร. จึงขอให้ศาลแสดงว่าโจทก์มีกรรมสิทธิ์ในที่นา 10 ไร่ ห้ามมิให้จำเลยเกี่ยวข้อง. ดังนี้ ต้องแปลฟ้องโจทก์ว่า โจทก์มิได้ฟ้องขอให้บังคับจำเลยในฐานะผู้รับมรดก ช.ให้โอนที่ให้แก่โจทก์ตามสัญญาที่ช.ทำไว้กับโจทก์และ ข.. แต่ฟ้องโดยถือว่าที่ตกเป็นของ ข. และโจทก์แล้ว 10 ไร่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 163/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอดถอนตรัสตี: ไม่ใช่เรื่องสัญญา แต่เป็นผลจากการละเมิดหน้าที่
ผู้ก่อตั้งตรัสต์ได้มอบทรัพย์สินของตนให้แก่ตรัสตีเป็นผู้ดูแลจัดการผลประโยชน์เพื่อรับประโยชน์แห่งตรัสต์นั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องสัญญาต่างตอบแทนที่คู่สัญญาจะต้องปฎิบัติการชำะระหนี้แต่อย่างใด ฉะนั้น เมื่อตรัสตีคนใดทำผิดหน้าที่และละเมิดตรัสต์ ศาลก็ย่อมจะพิพากษาถอดถอนตรัสตีผู้นั้นเสียได้ โดยไม่ต้องเลิกล้มทำลายหนังสือสัญญาก่อตั้งตรัสต์
การถอดถอนตรัสตีนั้นไม่มีหลัก ก.ม.ว่าทรัสตีจะต้องกระทำการถึงเป็นการทุจริตจึงจะถอดถอนได้ เพียงแต่ละเลยไม่ปฎิบัติหน้าที่ของตนถึงขนาดไม่สมควรจะดำรงตำแหน่งเป็นตรัสตีต่อไปแล้ว ศาลก็ย่อมถอดถอนได้
ฟ้องขอให้ถอดถอนตรัสตีตามตราสารก่อตั้งตรัสต์ที่ได้กระทำไว้ในประเทศไทย นั้นแม้ทรัพย์สินอันเป็นกองตรัสต์ส่วนมากจะอยู่ในต่างประเทศก็ฟ้องในศาลไทยได้ เพราะมิใช่เรื่องที่จะต้องบังคับแก่ทรัพย์สินแต่อย่างใด
การถอดถอนตรัสตีนั้นไม่มีหลัก ก.ม.ว่าทรัสตีจะต้องกระทำการถึงเป็นการทุจริตจึงจะถอดถอนได้ เพียงแต่ละเลยไม่ปฎิบัติหน้าที่ของตนถึงขนาดไม่สมควรจะดำรงตำแหน่งเป็นตรัสตีต่อไปแล้ว ศาลก็ย่อมถอดถอนได้
ฟ้องขอให้ถอดถอนตรัสตีตามตราสารก่อตั้งตรัสต์ที่ได้กระทำไว้ในประเทศไทย นั้นแม้ทรัพย์สินอันเป็นกองตรัสต์ส่วนมากจะอยู่ในต่างประเทศก็ฟ้องในศาลไทยได้ เพราะมิใช่เรื่องที่จะต้องบังคับแก่ทรัพย์สินแต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 163/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอดถอนทรัสตี: ไม่ใช่สัญญาต่างตอบแทน, ไม่ต้องมีการทุจริต, ฟ้องในไทยได้แม้ทรัพย์อยู่ในต่างประเทศ
ผู้ก่อตั้งทรัสต์ได้มอบทรัพย์สินของตนให้แก่ทรัสตีเป็นผู้ดูแลจัดการผลประโยชน์เพื่อรับประโยชน์แห่งทรัสต์นั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องสัญญาต่างตอบแทนที่คู่สัญญาจะต้องปฏิบัติการชำระหนี้แต่อย่างใด ฉะนั้นเมื่อทรัสตีคนใดทำผิดหน้าที่และละเมิดทรัสต์ ศาลก็ย่อมจะพิพากษาถอดถอนทรัสตีผู้นั้นเสียได้ โดยไม่ต้องเลิกล้มทำลายหนังสือสัญญาก่อตั้งทรัสต์
การถอดถอนทรัสตีนั้นไม่มีหลักกฎหมายว่าทรัสตีจะต้องกระทำการถึงเป็นการทุจริตจึงจะถอดถอนได้ เพียงแต่ละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ของตนถึงขนาดไม่สมควรจะดำรงตำแหน่งเป็นทรัสตีต่อไปแล้ว ศาลก็ย่อมถอดถอนได้
ฟ้องขอให้ถอดถอนทรัสตีตามตราสารก่อตั้งทรัสต์ที่ได้กระทำไว้ในประเทศไทย นั้นแม้ทรัพย์สินอันเป็นกองทรัสต์ส่วนมากจะอยู่ในต่างประเทศก็ฟ้องในประเทศไทยได้เพราะมิใช่เรื่องที่จะต้องบังคับแก่ทรัพย์สินแต่อย่างใด
การถอดถอนทรัสตีนั้นไม่มีหลักกฎหมายว่าทรัสตีจะต้องกระทำการถึงเป็นการทุจริตจึงจะถอดถอนได้ เพียงแต่ละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ของตนถึงขนาดไม่สมควรจะดำรงตำแหน่งเป็นทรัสตีต่อไปแล้ว ศาลก็ย่อมถอดถอนได้
ฟ้องขอให้ถอดถอนทรัสตีตามตราสารก่อตั้งทรัสต์ที่ได้กระทำไว้ในประเทศไทย นั้นแม้ทรัพย์สินอันเป็นกองทรัสต์ส่วนมากจะอยู่ในต่างประเทศก็ฟ้องในประเทศไทยได้เพราะมิใช่เรื่องที่จะต้องบังคับแก่ทรัพย์สินแต่อย่างใด