คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
กฎหมายลักษณะอาญา ม. 136

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 69 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1106/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการเป็นโจทก์ร่วมของผู้เสียหายจากการทำลายตราไม้ที่ได้รับอนุญาตทำไม้
อัยการโจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้ง 4 สมคบกันถากทำลายตราประจำต้นไม้ของนายจงกลซึ่งได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้ แล้วสมคบกันตีตราเลขหมายอื่นเป็นเลขของนายพิจิตรจำเลยขึ้นใหม่โดยทางการมิได้อนุญาต เพื่อประสงค์จะให้ไม้ของนายจงกลตกเป็นของนายพิจิตรจำเลย โดยจำเลยหวังผลประโยชน์จากนายพิจิตร
ดังนี้นายจงกลย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้เสียหายมีสิทธิร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการโจทก์ได้ เพราะเป็นผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ทำไม้ที่ตีตราไว้ให้แล้วซึ่งนายจงกลมีสิทธิที่จะเข้ายึดถือครอบครองเป็นเจ้าของในภายหลัง (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 5/2499)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 33/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ข่มขู่เรียกเงินจากประชาชน
ตำรวจไปขู่เข็ญจะจับเขาฐานมีไม้ไว้ในครอบครองเกินกว่า 1ยก และเรียกเอาเงินจากเขา 200 บาท ผลที่สุดตกลงกันเพียง 75 บาทเมื่อได้เงินจากเขาแล้วก็กลับไม่จับกุมต่อไปดังนี้ เป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ในทางทุจริต ตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 136

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 759/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตอำนาจเจ้าพนักงาน: ผู้ใหญ่บ้านนอกเขตหมู่บ้าน ไม่ถือเป็นเจ้าพนักงานกระทำทุจริต
ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ไปทำการจับกุมราษฎรหมู่ 4 ซึ่งลอบไหตัดไม้หวงห้ามในหมู่ 4 นั้น ย่อมมิอาจถูกกล่าวหาว่ากระทำ การทุจริตในฐานะเป็นเจ้าพนักงานได้ เพราะเป็นการนอกขอบเขตอำนาจและหน้าที่ และไม่นับว่าเป็นเจ้าพนัก งานในการนั้น./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 759/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตอำนาจเจ้าพนักงาน: ผู้ใหญ่บ้านนอกเขตหมู่บ้านไม่มีอำนาจจับกุม
ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ไปทำการจับกุมราษฎรหมู่ 4 ซึ่งลอบไปตัดไม้หวงห้ามในหมู่ 4 นั้น ย่อมมิอาจถูกกล่าวหาว่ากระทำการทุจริตในฐานะเป็นเจ้าพนักงานได้ เพราะเป็นการนอกขอบเขตอำนาจและหน้าที่ และไม่นับว่าเป็นเจ้าพนักงานในการนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1029/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานใช้อำนาจในหน้าที่โดยทุจริต และความผิดฐานสมรู้ร่วมคิดในการเรียกรับเงิน
จำเลยเป็นตำรวจประจำการได้สมคบกับพวกแกล้งกล่าวหาว่าเขาทำผิดกฎหมาย แล้วนำตัวเขาไปเพื่อดำเนินคดีระหว่างทางเขายอมให้เงิน 60 บาท แก่พวกจำเลยตามคำเรียกร้องของจำเลยกับพวก แล้วจำเลยก็ปล่อยเขากลับบ้านได้ ดังนี้จะถือได้ว่าจำเลยกับพวกใช้กำลังทำร้ายหรือขู่เข็ญจะทำหร้ายอันจะปรับบทเป็นความผิด ฐานชิงทรัพย์ไม่ได้ แต่อาจเป็นความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 136 ได้
ฟ้องบรรยายว่า จำเลยกับพวกอีกคนหนึ่ง สมคบกันให้ใช้วาจาขู่เข็ญผู้เสียหายว่า จะจับกุมเพราะไม่เสียภาษีและไม่ออกใบรับเงินปิดอากรแสตมป์ โดยประสงค์จะเรียกร้องบังคับเอาเงินเป็นผลประโยชน์รายได้ อันมิควรจะได้ตามกฎหมาย ผู้เสียหายได้ถูกจับกุมไป ระหว่างทางมีความกลัวจึงให้เงินแก่พวกจำเลย เพื่อ+++จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจประจำสถานี...ฯลฯ ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 136, 298 ดังนี้ พอถือได้ว่าเป็นฟ้องที่มีข้อหาในฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ในทางทุจริตด้วย ศาลย่อมลงโทษจำเลยตามมาตรา 136 ได้
สำหรับผู้ทีมิได้เป็นเจ้าพนักงานนั้น ถ้าได้สมคบกับเจ้าพนักงานกระทำผิดตามมาตรา 136 แล้ว ก็มีโทษตามมาตรา 136 ได้ แต่ผิดเพียงฐานสมรู้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1029/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานใช้อำนาจในทางทุจริตเรียกรับเงิน, สมคบกระทำผิด, ความผิดฐานชิงทรัพย์
จำเลยเป็นตำรวจประจำการได้สมคบกับพวกแกล้งกล่าวหาว่าเขาทำผิดกฎหมาย แล้วนำตัวเขาไปเพื่อจะดำเนินคดี ระหว่างทางเขายอมให้เงิน 60 บาทแก่พวกจำเลยตามคำเรียกร้องของจำเลยกับพวก แล้วจำเลยก็ปล่อยเขากลับบ้านได้ ดังนี้จะถือว่าจำเลยกับพวกใช้กำลังทำร้ายหรือขู่เข็ญจะทำร้ายอันจะปรับบทเป็นความผิด ฐานชิงทรัพย์ไม่ได้ แต่อาจเป็นความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 136 ได้
ฟ้องบรรยายว่า จำเลยกับพวกอีกคนหนึ่ง สมคบกันใช้วาจาขู่เข็ญผู้เสียหายว่า จะจับกุมเพราะไม่เสียภาษีและไม่ออกใบรับเงินปิดอากรแสตมป์โดยประสงค์จะเรียกร้องบังคับเอาเงินเป็นผลประโยชน์รายได้ อันมิควรจะได้ตามกฎหมายผู้เสียหายได้ถูกจับกุมไป ระหว่างทางมีความกลัวจึงให้เงินแก่พวกจำเลย เพื่อให้จำเลยปล่อยตัวฯลฯ จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจประจำสถานีฯลฯ ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 136,298 ดังนี้ พอถือได้ว่าเป็นฟ้องที่มีข้อหาในฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ในทางทุจริตด้วย ศาลย่อมลงโทษจำเลยตามมาตรา 136 ได้
สำหรับผู้ที่มิได้เป็นเจ้าพนักงานนั้น ถ้าได้สมคบกับเจ้าพนักงานกระทำผิดตามมาตรา 136 แล้ว ก็มีโทษตามมาตรา 136 ได้ แต่ผิดเพียงฐานสมรู้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 629/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจกำนันในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทและการกักขังชั่วคราว: ไม่มีเจตนาทุจริตหรือขัดขวางอิสรภาพ
ลูกบ้านได้ขอให้กำนันเอาตัวผู้เสียหายไปสอบถามให้แน่นอนในเรื่องที่ลูกบ้านสงสัยว่าผู้เสียหายซ่อนกระบือของตนที่หายไป กำนันจึงเอาตัวผู้เสียหายไปที่บ้านกำนัน เรียกร้องให้ผู้เสียหายใช้ราคากระบือแก่ลูกบ้านแล้วลูกบ้านจะไม่เอาเรื่อง ผู้เสียหายก็ยอมเสียค่ากระบือให้ลูกบ้านลูกบ้านก็ไม่เอาเรื่องต่อไปและกำนันได้จัดการทำหนังสือปรองดองกันไว้ แล้วไม่เอาตัวผู้เสียหายส่งไปยังพนักงานสอบสวน ดังนี้ ไม่ใช่มีเจตนาจะกระทำการทุจริตต่อหน้าที่ จึงไม่มีผิดฐานใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ในทางทุจริตตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 136,137,138,142 และการที่กำนันกักตัวผู้เสียหายไว้จนชำระเงินกันแล้วจึงปล่อยนั้นเมื่อกำนันคิดว่ากำนันมีอำนาจทำได้ ไม่มีเจตนาที่จะกักขังให้ผู้เสียหายเสื่อมเสียอิสระภาพแล้วกำนันก็ยังไม่ผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 268,270

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 493-494/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพยายามข่มขู่เรียกทรัพย์: การกระทำที่ผู้ถูกข่มขู่ไม่ยอมจ่ายเงิน ทำให้ความผิดไม่สำเร็จ
เจ้าพนักงานให้อำนาจในตำแหน่งที่โดยทางอันมิชอบ บังคับให้เขาหาทรัพย์หรือผลประโยชน์อย่างใด ๆ อันมิควรได้ตามกฎหมาย มา ให้แก่ตัวมันนั้น ถ้าผู้ที่ถูกบังคับไม่ได้ตกลงหรือยอมจะให้เงินตามที่มันเรียกร้องแล้วก็มีความผิดเพียงฐานพยายามตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 136 เท่านั้น
เมื่อศาลลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 136 ฐานพยายามแล้ว ความผิดฐานทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพตามมาตรา 268 ซึ่งเป็นบทมีโทษเบา ก็ไม่จำต้องวินิจฉัยว่าจะเป็นความผิดสำเร็จหรือคั่นพยายามเพราะการกระทำกรรมเดียว เป็นความผิดหลายบทและศาลได้ใช้บทมีโทษหนักลงโทษไปแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 493-494/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพยายามเจ้าพนักงานใช้อำนาจในทางที่ผิด ไม่ต้องวินิจฉัยความผิดอื่นซ้ำ
เจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยทางอันมิชอบ บังคับให้เขาหาทรัพย์หรือผลประโยชน์อย่างใดๆ อันมิควรได้ตามกฎหมาย มาให้แก่ตัวมันนั้น ถ้าผู้ที่ถูกบังคับไม่ได้ตกลงหรือยอมจะให้เงินตามที่มันเรียกร้องแล้ว ก็มีความผิดเพียงฐานพยายามตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 136 เท่านั้น
เมื่อศาลลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 136 ฐานพยายามแล้ว ความผิดฐานทำให้เสื่อมเสียอิสระภาพตามมาตรา268 ซึ่งเป็นบทมีโทษเบา ก็ไม่จำต้องวินิจฉัยว่าจะเป็นความผิดสำเร็จหรือขั้นพยายามเพราะการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดหลายบทและศาลได้ใช้บทมีโทษหนักลงโทษไปแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1892/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องอาญามาตรา 136 ต้องระบุตัวบุคคลที่ถูกบังคับให้ส่งทรัพย์ชัดเจน เพื่อให้จำเลยสามารถต่อสู้คดีได้อย่างถูกต้อง
ฟ้องหาว่า จำเลยกระทำผิดตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา136 ซึ่งมีสาระสำคัญว่าจำเลยกระทำการบังคับบุคคลคนหนึ่งให้ส่งทรัพย์ให้แก่จำเลยนั้น ฟ้องจะต้องระบุถึงบุคคลนั้น พอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี จะระบุในฟ้องแต่เพียงว่าจำเลยบังคับผู้มีชื่อให้ส่งทรัพย์ให้แก่จำเลยเท่านั้นไม่ระบุชื่อ จำเลยย่อมไม่สามารถจะรู้ได้ว่าจำเลยต้องหาว่ากระทำการบังคับใคร ทำให้จำเลยมืดมนไม่รู้ที่จะแก้ข้อหาส่วนนี้อย่างไรได้จึงเป็นฟ้องที่ไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)
of 7