คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 449

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 63 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1049/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลียนแบบสลากปิดผ้าและการโฆษณาเปรียบเทียบสินค้า ถือเป็นการแข่งขันทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม
โจทก์ได้เลียนแบบลายกนกสลากปิดผ้าโสร่งของจำเลยที่ 1 โดยจงใจที่จะลวงประชาชนให้หลงเชื่อว่าสินค้าผ้าโสร่งของโจทก์เป็นของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 เสียหาย การที่จำเลยนำสลากปิดผ้าของจำเลยที่ 1 ปิดในใบปลิวซึ่งประทับตราห้างของจำเลยที่ 1 คู่กับสลากปิดผ้าของโจทก์ เขียนข้อความข้างสลากของจำเลยที่ 1 ว่า "แท้" ข้างสลากของโจทก์ว่า "เทียม" และทำเครื่องหมายกากบาทไว้บนสลากของโจทก์ด้วย ส่งไปให้ประชาชนและร้านค้าผ้า เพียงเพื่อให้ผู้รับใบปลิวเข้าใจได้ถูกต้องวา สลากปิดผ้าของจำเลยที่ 1 คือสลากปิดผ้าที่มีคำว่า "แท้" อยู่ข้าง ๆ ส่วนสลากปิดผ้าที่มีคำว่า "เทียม" อยู่ข้าง ๆ นั้นเป็นสลากของเทียม ไม่ใช่ของแท้ของจำเลยที่ 1 เป็นการเกี่ยวกับสลากปิดผ้าของจำเลยที่ 1 ไปตามความจริงเพื่อให้ผู้จะซื้อผ้าโสร่งปาเต๊ะของจำเลยที่ 1 ทราบจะได้เข้าใจถูกต้อง มิใช่เป็นการกล่าวทับถมว่าผ้าโสร่งปาเต๊ะของโจทก์มีคุณภาพเลวและไม่ควรซื้อแต่อย่างใด การกระทำของจำเลยทั้งสองยังไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ไม่เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1049/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลียนแบบสลากผ้าและเจตนาหลอกลวงประชาชน การกระทำไม่เป็นละเมิดหากเป็นการกล่าวตามความจริงเพื่อป้องกันสิทธิ
โจทก์ได้เลียนแบบลายกนกสลากปิดผ้าโสร่งของจำเลยที่ 1 โดยจงใจที่จะลวงประชาชนให้หลงเชื่อว่าสินค้าผ้าโสร่งของโจทก์เป็นของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 เสียหาย การที่จำเลยนำสลากปิดผ้าของจำเลยที่ 1 ปิดในใบปลิวซึ่งประทับตราห้างของจำเลยที่ 1 คู่กับสลากปิดผ้าของโจทก์ เขียนข้อความข้างสลากของจำเลยที่ 1 ว่า 'แท้' ข้างสลากของโจทก์ว่า 'เทียม' และทำเครื่องหมายกากบาทไว้บนสลากของโจทก์ด้วย ส่งไปให้ประชาชนและร้านค้าผ้า เพียงเพื่อให้ผู้รับใบปลิวเข้าใจได้ถูกต้องว่า สลากปิดผ้าของจำเลยที่ 1 คือสลากปิดผ้าที่มีคำว่า 'แท้' อย่างข้าง ๆ ส่วนสลากปิดผ้าที่มีคำว่า 'เทียม' อยู่ข้าง ๆ นั้นเป็นสลากของเทียมไม่ใช่ของแท้ของจำเลยที่ 1 เป็นการกล่าวเกี่ยวกับสลากปิดผ้าของจำเลยที่ 1 ไปตามความจริงเพื่อให้ผู้จะซื้อผ้าโสร่งปาเต๊ะของจำเลยที่ 1 ทราบ จะได้เข้าใจถูกต้อง มิใช่เป็นการกล่าวทับถมว่า ผ้าโสร่งปาเต๊ะของโจทก์มีคุณภาพเลวและไม่ควรซื้อแต่อย่างใด การกระทำของจำเลยทั้งสองยังไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ไม่เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1069/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์รถยนต์ซื้อขายมีเงื่อนไข: การโอนกรรมสิทธิ์เมื่อชำระเงินครบถ้วน และสิทธิในการยึดคืนเมื่อผิดนัด
ผู้ร้องซื้อรถยนต์โดยธนาคารชำระราคาแทน กรรมสิทธิ์โอนโดยไม่ต้องจดทะเบียน ผู้ร้องขายรถต่อไปโดยมีเงื่อนไขว่ากรรมสิทธิ์โอนเมื่อชำระราคาเป็นเงินสดครบถ้วน กรรมสิทธิ์ยังไม่โอนจนกว่าจะชำระราคาเสร็จ ถ้าผิดนัดชำระราคา ผู้ร้องกลับเข้าครอบครองรถได้ ผู้ร้องร้องขอรับรถของกลางที่ถูกริบคืนได้ตาม มาตรา36

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 768/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การละเมิดจากยึดรถของผู้อื่นโดยเข้าใจผิดถึงหนี้สิน และความรับผิดของนายจ้างต่อการกระทำของลูกจ้าง
รถยนต์พิพาทเป็นของโจทก์ น้องชายโจทก์เช่าไปขับรับจ้างชักลากไม้ให้บริษัทจำเลยที่ 3 โดยน้องชายโจทก์ได้เบิกเงินค่าจ้างล่วงหน้าไปจากจำเลยที่ 3 แล้วยังชักลากไม้ให้ไม่ครบตามจำนวนเงินที่ขอเบิกล่วงหน้าไปต่อมาโจทก์ต้องการใช้รถยนต์พิพาท จึงให้น้องชายโจทก์พาคนไปขับรถยนต์พิพาทไปเสียจากบริษัทจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 1 เป็นพนักงานของบริษัทจำเลยที่ 3 มีหน้าที่ควบคุมรถยนต์บรรทุกไม้รู้อยู่แล้วว่ารถยนต์พิพาทเป็นของโจทก์ ได้ไปขอกำลังตำรวจติดตามไปยึดรถยนต์พิพาทไว้โดยคำนึงอยู่แต่อย่างเดียวว่าน้องชายโจทก์ยังติดค้างหนี้สินบริษัทจำเลยที่ 3 อยู่ ดังนี้ การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมายและเป็นเหตุให้โจทก์เสียหาย ถือว่าเป็นการละเมิดต่อโจทก์ ต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดจากการกระทำนั้น เมื่อจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างจำเลยที่ 3 ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ในระหว่างที่ทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ของบริษัทจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 3 จึงต้องรับผิดในความเสียหายซึ่งเกิดจากผลของการละเมิดที่จำเลยที่ 1 ก่อขึ้นในฐานะเป็นผู้แทนนิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 76 กรณีไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นตามมาตรา 451 ส่วนจำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจได้ติดตามรถยนต์พิพาทไปกับจำเลยที่ 1 และแจ้งให้เจ้าพนักงานตำรวจอีกท้องที่หนึ่งยึดรถยนต์พิพาทไว้ เมื่อปรากฏว่าได้กระทำไปตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาโดยสุจริตใจจึงไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 768/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การละเมิดจากเจ้าหน้าที่บริษัทและตำรวจ ยึดรถของผู้อื่นโดยไม่ชอบ ศาลพิพากษาให้ชดใช้ค่าเสียหาย
รถยนต์พิพาทเป็นของโจทก์ น้องชายโจทก์เช่าไปขับรับจ้างชักลากไม้ให้บริษัทจำเลยที่ 3 โดยน้องชายโจทก์ได้เบิกเงินค่าจ้างล่วงหน้าไปจากจำเลยที่ 3 แล้งยังชักลากไม้ให้ไม่ครบตามจำนวนเงินที่ขอเบิกล่วงหน้าไป ต่อมาโจทก์ต้องการใช้รถยนต์พิพาท จึงให้น้องชายโจทก์พาคนไปขับรถยนต์พิพาทไปเสียจากบริษัทจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 1 เป็นพนักงานของบริษัทจำเลยที่ 3 มีหน้าที่ควบคุมรถยนต์บรรทุกไม้ รู้อยู่แล้วว่ารถยนต์พิพาทเป็นของโจทก์ ได้ไปขอกำลังตำรวจติดตามไปยึดรถยนต์พิพาทไว้โดยคำนึงอยู่แต่อย่างเดียวว่าน้องชายโจทก์ยังคิดค้างหนึ้สินบริษัทจำเลยที่ 3 อยู่ ดังนี้ การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมายและเป็นเหตุให้โจทก์เสียหาย ถือว่าเป็นการละเมิดต่อโจทก์ ต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดจากการกระทำนั้น เมื่อจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างจำเลยที่ 3 ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ในระหว่างที่ทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ของบริษัทจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 3 จึงต้องรับผิดในความเสียหายซึ่งเกิดจากผลของการละเมิดที่จำเลยที่ 1 ก่อขึ้นในฐานะเป็นผู้แทนนิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 76 กรณีไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นตามมาตรา 451 ส่วนจำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจได้ติดตามรถยนต์พิพาทไปกับจำเลยที่ 1 และแจ้งให้เจ้าพนักงานตำรวจอีกท้องที่หนึ่งยึดรถยนต์พิพาทไว้ เมื่อปรากฏว่าได้กระทำไปตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาโดยสุจริตใจจึงไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 535/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดจากการใช้อาวุธปืนโดยประมาท ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายในห้องขัง
อ.ยิงตำรวจตายเพื่อจะหลบหนีจากห้องขังของศาล จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นตำรวจกับพวกได้ล้อมห้องขังไว้ ขณะนั้นมีผู้ต้องขังอยู่ในห้องขังรวม 6 คน ประตูห้องขับเปิดไม่ได้ อ.ก็ไม่ได้ยิงจำเลยที่ 1 กับพวกอีก จำเลยที่ 1 เอาปืนยิงเข้าไปในห้องขังเพื่อให้ถูก อ. แต่กระสุนพลาดไปถูก ร.ผู้ต้องขังอีกคนหนึ่งถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลยที่ 1 ไม่ใช่วิธีหรือความป้องกันเท่าที่เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งเรื่องในการจับผู้พยายามจะหลบหนีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 83 วรรค 2 คดีไม่มีเหตุที่จำเลยจะปฏิเสธความรับผิดได้ จำเลยทั้งสองต้องร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์
โจทก์ซึ่งเป็นมารดา ร. ได้ถึงแก่ความตายในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ค่าขาดไร้อุปการะที่โจทก์ควรจะได้จึงคิดให้นับแต่วันที่ ร. ถึงแก่ความตายไปจนถึงวันที่โจทก์ถึงแก่ความตายเท่านั้น ไม่ใช่กำหนดให้ 10 ปีตามที่โจทก์ขอมาแต่เดิม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 535/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตำรวจยิงปืนในห้องขังพลาดถูกผู้ต้องขังอื่นถึงแก่ความตาย ศาลฎีกาพิพากษาให้รับผิดชดใช้ค่าเสียหาย
อ. ยิงตำรวจตายเพื่อจะหลบหนีจากห้องขังของศาลจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นตำรวจกับพวกได้ล้อมห้องขังไว้ ขณะนั้นมีผู้ต้องขังอยู่ในห้องขังรวม 6 คน ประตูห้องขังเปิดไม่ได้ อ. ก็ไม่ได้ยิงจำเลยที่ 1 กับพวกอีกจำเลยที่ 1 เอาปืนยิงเข้าไปในห้องขังเพื่อให้ถูก อ. แต่กระสุนพลาดไปถูก ร. ผู้ต้องขังอีกคนหนึ่งถึงแก่ความตายการกระทำของจำเลยที่ 1 ไม่ใช่วิธีหรือความป้องกันเท่าที่เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งเรื่องในการจับผู้พยายามจะหลบหนีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 83 วรรค 2 คดีไม่มีเหตุที่จำเลยจะปฏิเสธความรับผิดได้ จำเลยทั้งสองต้องร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์
โจทก์ซึ่งเป็นมารดา ร. ได้ถึงแก่ความตายในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ค่าขาดไร้อุปการะที่โจทก์ควรจะได้จึงคิดให้นับแต่วันที่ ร. ถึงแก่ความตายไปจนถึงวันที่โจทก์ถึงแก่ความตายเท่านั้น ไม่ใช่กำหนดให้ 10 ปี ตามที่โจทก์ขอมาแต่เดิม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 852/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กำหนดเวลาขายฝาก: หลักฐานการจดทะเบียนสำคัญกว่าสัญญา หากระบุเวลาในเอกสารจดทะเบียน แม้สัญญายังไม่ได้ระบุ
หลักฐานการจดทะเบียนเป็นหลักฐานสำคัญเพราะสัญญาขายฝากจะสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว เมื่อปรากฏตามเรื่องราวขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมและหน้าโฉนดว่า การขายฝากมีกำหนดเวลา 4 เดือน แม้ตัวสัญญาขายฝากจะมิได้กรอกกำหนดเวลาลงไป ก็ฟังได้ว่าการขายฝากมีกำหนดเวลา โจทก์ขอไถ่เมื่อพ้นกำหนดแล้วจึงไถ่ไม่ได้
เมื่อศาลรับฟังพยานเอกสารที่จำเลยอ้าง คือเรื่องราวขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม โฉนดที่ดิน เชื่อว่าคู่สัญญากำหนดเวลาขายฝากไว้มีกำหนดเวลา 4 เดือน จึงมิใช่เป็นการนำพยานบุคคลมาสืบเพิ่มเติมข้อความในเอกสารสัญญาขายฝาก และไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 852/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาขายฝาก: หลักฐานการจดทะเบียนสำคัญกว่าสัญญา หากระบุระยะเวลาไม่ตรงกัน ให้ใช้ตามที่จดทะเบียน
หลักฐานการจดทะเบียนเป็นหลักฐานสำคัญเพราะสัญญาขายฝากจะสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้วเมื่อปรากฏตามเรื่องราวขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมและหน้าโฉนดว่า การขายฝากมีกำหนดเวลา 4 เดือน แม้ตัวสัญญาขายฝากจะมิได้กรอกกำหนดเวลาลงไป ก็ฟังได้ว่าการขายฝากมีกำหนดเวลา โจทก์ขอไถ่เมื่อพ้นกำหนดแล้วจึงไถ่ไม่ได้
เมื่อศาลรับฟังพยานเอกสารที่จำเลยอ้างคือเรื่องราวขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมโฉนดที่ดิน เชื่อว่าคู่สัญญากำหนดเวลาขายฝากไว้มีกำหนดเวลา 4 เดือน จึงมิใช่เป็นการนำพยานบุคคลมาสืบเพิ่มเติมข้อความในเอกสารสัญญาขายฝาก และไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2151-2152/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำตามคำสั่งเจ้าพนักงานโดยสุจริตและผลกระทบต่อความรับผิดทางละเมิด
จำเลยกับพวกได้ทำทำนบปิดกั้นน้ำเพื่อให้ราษฎรมีน้ำใช้ในการทำนาโดยได้รับคำสั่งจากนายอำเภอให้ทำ ซึ่งจำเลยกับพวกได้กระทำไปโดยสุจริต เชื่อว่าเป็นคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมาย โดยไม่ปรากฏว่าจำเลยกับพวกได้กระทำไปเป็นการกลั่นแกล้งโจทก์ เมื่อทำทำนบแล้ว น้ำได้ท่วมข้าวในนาของโจทก์เสียหาย ดังนี้ จำเลยหาต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ไม่ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 449 แต่โจทก์อาจเรียกค่าสินไหมทดแทนจากบุคคลผู้ให้คำสั่งโดยละเมิดนั้นได้ตามบทบัญญัติในมาตราดังกล่าว
of 7