พบผลลัพธ์ทั้งหมด 761 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 443/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจับกุมโดยไม่มีหมายและการต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน: การพิพากษาขึ้นอยู่กับความชอบด้วยกฎหมายของการจับกุม
มีผู้แจ้งต่อนายร้อยตำรวจผู้บังคับกองฯ ว่า จำเลยกับพวกลักโคไป ผู้บังคับกองฯ สั่งให้นายสิบตำรวจไปเชิญตัวจำเลยบนบ้านโดยไม่มีหมายจำเลยไม่ยอมไป จึงเข้าจับกุม จำเลยใช้ขวานมีด ต่อสู้ขัดขวาง แม้ผู้บังคับกองฯ จะอยู่ไปห่าง 10 วา แต่ก็อยู่ที่บ้านผู้อื่น ไม่ได้ไปจับกุมด้วย การจับนี้ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 78, 81 จำเลยต่อสู้ขัดขวางจึงไม่มีความผิด แต่เมื่อผู้บังคับกองฯ นั้นไปทำการจับกุมด้วย ก็ชอบด้วยมาตรา 78, 92 วรรคท้าย
โจทก์กล่าวในฟ้องว่า นายสิบตำรวจ ฯลฯ ผู้เสียหายกับพวกซึ่งเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่สืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดตามกฎหมาย แม้จะไม่ระบุชื่อผู้บังคับกองฯ ซึ่งไปร่วมการจับกุมด้วย เมื่อผู้บังคับกองฯ เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จับกุมตามกฎหมายได้ ถือว่าฟ้องซึ่งได้ระบุว่ากับพวกเจ้าพนักงานฯ มีความหมายถึงผู้บังคับกองฯ ด้วย
โจทก์กล่าวในฟ้องว่า นายสิบตำรวจ ฯลฯ ผู้เสียหายกับพวกซึ่งเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่สืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดตามกฎหมาย แม้จะไม่ระบุชื่อผู้บังคับกองฯ ซึ่งไปร่วมการจับกุมด้วย เมื่อผู้บังคับกองฯ เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จับกุมตามกฎหมายได้ ถือว่าฟ้องซึ่งได้ระบุว่ากับพวกเจ้าพนักงานฯ มีความหมายถึงผู้บังคับกองฯ ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 484/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาโทษอาวุธปืน: ศาลต้องตรวจสอบหลักฐานข้อยกเว้น แม้จำเลยรับสารภาพ
ถึงแม้จำเลยจะรับสารภาพตามฟ้องและโจทก์จำเลยแถลงไม่สืบพยานก็ดี หากมีหลักฐานบางอย่างปรากฏอยู่ในสำนวนว่า ถ้าเป็นจริงตามหลักฐานนั้น จะไม่อาจลงโทษจำเลยได้แล้ว ศาลก็ชอบที่จะพิจารณาหลักฐานข้อนั้นให้ได้ความแน่ชัดเสียก่อน เช่นสอบถามโจทก์หรือสืบพยานหลักฐานที่อาจมีต่อไปให้เสร็จสิ้น แล้วจึงพิพากษาคดีไปตามที่ได้ความนั้น ไม่ใช่ด่วนพิพากษาไปตามคำรับสารภาพนั้นเลยทีเดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 484/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีอาญาต้องแสวงหาความจริง แม้จำเลยรับสารภาพ ศาลต้องพิจารณาพยานหลักฐานที่อาจทำให้จำเลยไม่ต้องรับโทษ
ถึงแม้จำเลยจะรับสารภาพตามฟ้อง และโจทก์จำเลยแถลงไม่สืบพยานก็ดี หากมีหลักฐานบางอย่างปรากฏอยู่ในสำนวนว่าถ้าเป็นจริงตามหลักฐานนั้น จะไม่อาจลงโทษจำเลยได้แล้วศาลก็ชอบที่จะพิจารณาหลักฐานข้อนั้นให้ได้ความแน่ชัดเสียก่อนเช่น สอบถามโจทก์ หรือสืบพยานหลักฐานที่อาจมีต่อไปให้เสร็จสิ้นแล้วจึงพิพากษาคดีไปตามที่ได้ความนั้นไม่ใช่ด่วนพิพากษาไปตามคำรับสารภาพนั้นเลยทีเดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1077/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกเว้นความผิดฐานหมิ่นประมาทเมื่อเป็นการป้องกันตนและชี้แจงข้อเท็จจริงที่ถูกกล่าวหา
ข้อความที่จำเลยโฆษณาออกอากาศทางวิทยุและพิมพ์แถลงการณ์ออกแจกจ่าย จะเป็นหมิ่นประมาทโจทก์ต่อเมื่อเป็นการใส่ความหากข้อความนั้นเป็นการชี้แจงแก้ข่าวหรือบทความซึ่งโจทก์ตำหนิจำเลยก่อนอย่างรุนแรงและทำโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนตามคลองธรรมโดยสุภาพแล้ว ก็ได้รับยกเว้นโทษ
เมื่อมีเหตุตามกฎหมายที่จำเลยไม่ควรต้องรับโทษ ศาลก็พิพากษายกฟ้อง
พนักงานอัยการมีอำนาจเข้าเป็นทนายแก้ต่างนายกเทศมนตรีซึ่งถูกฟ้องเป็นจำเลยในเรื่องการที่ได้กระทำไปตามหน้าที่ได้ แม้จะเป็นการแก้ต่างจำเลยในชั้นไต่สวนมูลฟ้องของศาลแขวง เพราะกฎหมายมิได้กำหนดอำนาจหน้าที่ผู้ว่าคดีให้เป็นทนายแก้ต่างจำเลยดังเช่นที่กล่าวไว้ชัดในพระราชบัญญัติพนักงานอัยการ
เมื่อมีเหตุตามกฎหมายที่จำเลยไม่ควรต้องรับโทษ ศาลก็พิพากษายกฟ้อง
พนักงานอัยการมีอำนาจเข้าเป็นทนายแก้ต่างนายกเทศมนตรีซึ่งถูกฟ้องเป็นจำเลยในเรื่องการที่ได้กระทำไปตามหน้าที่ได้ แม้จะเป็นการแก้ต่างจำเลยในชั้นไต่สวนมูลฟ้องของศาลแขวง เพราะกฎหมายมิได้กำหนดอำนาจหน้าที่ผู้ว่าคดีให้เป็นทนายแก้ต่างจำเลยดังเช่นที่กล่าวไว้ชัดในพระราชบัญญัติพนักงานอัยการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1077/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนทางกฎหมายและการยกเว้นความผิดฐานหมิ่นประมาทเมื่อมีการตอบโต้การใส่ร้าย
ข้อความที่จำเลยโฆษณาออกอากาศทางวิทยุและพิมพ์แถลงการณ์ออกแจกจ่ายจะเป็นหมิ่นประมาทโจทก์ต่อเมื่อเป็นการใส่ความหากข้อความนั้นเป็นการชี้แจงแก้ข่าวหรือบทความซึ่งโจทก์ตำหนิจำเลยก่อนอย่างรุนแรง และทำโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนตามคลองธรรมโดยสุภาพแล้ว ก็ได้รับยกเว้นโทษ
เมื่อมีเหตุตามกฎหมายที่จำเลยไม่ควรต้องรับโทษ ศาลก็พิพากษายกฟ้อง
พนักงานอัยการมีอำนาจเข้าเป็นทนายแก้ต่างนายกเทศมนตรีซึ่งถูกฟ้องเป็นจำเลยในเรื่องการที่ได้กระทำไปตามหน้าที่ได้ แม้จะเป็นการแก้ต่างจำเลยในชั้นไต่สวนมูลฟ้องของศาลแขวงเพราะกฎหมายมิได้กำหนดอำนาจหน้าที่ผู้ว่าคดีให้เป็นทนายแก้ต่างจำเลยดังเช่นที่กล่าวไว้ชัดในพระราชบัญญัติพนักงานอัยการ
เมื่อมีเหตุตามกฎหมายที่จำเลยไม่ควรต้องรับโทษ ศาลก็พิพากษายกฟ้อง
พนักงานอัยการมีอำนาจเข้าเป็นทนายแก้ต่างนายกเทศมนตรีซึ่งถูกฟ้องเป็นจำเลยในเรื่องการที่ได้กระทำไปตามหน้าที่ได้ แม้จะเป็นการแก้ต่างจำเลยในชั้นไต่สวนมูลฟ้องของศาลแขวงเพราะกฎหมายมิได้กำหนดอำนาจหน้าที่ผู้ว่าคดีให้เป็นทนายแก้ต่างจำเลยดังเช่นที่กล่าวไว้ชัดในพระราชบัญญัติพนักงานอัยการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1019/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดมาตรา 228: การปิดกั้นเหมืองสาธารณโดยสุจริต ไม่เป็นความผิดทางอาญา
จำเลยปิดกั้นเหมืองสาธารณเพราะเชื่อมั่นโดยสุจริตว่าเป็นเหมืองของจำเลยนั้น จำเลยย่อมไม่รู้ว่าเหมืองนั้นเป็นสาธารณูปโภคซึ่งเป็นองค์ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 228 จำเลยจึงไม่มีความผิดตามมาตรานี้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 26/2504)
เมื่อเป็นเช่นนี้ ฎีกาของจำเลยที่ว่าเป็นเหมืองของจำเลยก็ไม่ต้องวินิจฉัย เพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลง หากจำเลยมีข้อพิพาทเรื่องกรรมสิทธิ์ในเหมืองอย่างไร ก็ชอบที่จะว่ากล่าวเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 26/2504)
เมื่อเป็นเช่นนี้ ฎีกาของจำเลยที่ว่าเป็นเหมืองของจำเลยก็ไม่ต้องวินิจฉัย เพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลง หากจำเลยมีข้อพิพาทเรื่องกรรมสิทธิ์ในเหมืองอย่างไร ก็ชอบที่จะว่ากล่าวเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1019/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาปิดกั้นทางน้ำสาธารณะ หากเชื่อโดยสุจริตว่าไม่ใช่สาธารณูปโภค ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 228
จำเลยปิดกั้นเหมืองสาธารณะเพราะเชื่อมั่นโดยสุจริตว่าเป็นเหมืองของจำเลยนั้น จำเลยย่อมไม่รู้ว่าเหมืองนั้นเป็นสาธารณูปโภคซึ่งเป็นองค์ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 228(ประชุมใหญ่ ครั้งที่26/2504)
เมื่อเป็นเช่นนี้ ฎีกาของจำเลยที่ว่าเป็นเหมืองของจำเลยก็ไม่ต้องวินิจฉัย เพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลง หากจำเลยมีข้อพิพาทเรื่องกรรมสิทธิ์ในเหมืองอย่างไร ก็ชอบที่จะว่ากล่าวเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
เมื่อเป็นเช่นนี้ ฎีกาของจำเลยที่ว่าเป็นเหมืองของจำเลยก็ไม่ต้องวินิจฉัย เพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลง หากจำเลยมีข้อพิพาทเรื่องกรรมสิทธิ์ในเหมืองอย่างไร ก็ชอบที่จะว่ากล่าวเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1281/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้กู้ยินยอมให้คิดดอกเบี้ยเกินอัตรา ไม่เป็นผู้เสียหายในคดีเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พยานหลักฐานโจทก์ร่วมใช้ได้
ผู้กู้ที่ยอมตกลงในการกู้ให้เขาเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรานั้นไม่ใช่ผู้เสียหายในกรณีความผิดฐานเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา (อ้างฎีกาที่ 643/2486,1222/2502)
ศาลชั้นต้นอนุญาตให้บุคคลซึ่งอ้างว่าเป็นผู้เสียหายเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมกับผู้ว่าคดี แล้วภายหลังปรากฏว่าผู้อ้างไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีสิทธิจะเป็นโจทก์ ก็ดี ก็เป็นแต่เพียงทำให้ผู้นั้นไม่ได้รับผลของการฟ้องเท่านั้น หาทำให้กระบวนพิจารณาของผู้นั้นเสียเปล่าไป เท่ากับไม่ได้ดำเนินคดีเลยแต่อย่างใดไม่ ส่วนพยานหลักฐานที่โจทก์ร่วมอ้างอิงมานั้น ศาลย่อมนำมาประมวลวินิจฉัยข้อเท็จจริงแห่งคดีได้ไม่มีอะไรจำกัดห้ามให้ต้องฟังเฉพาะคดีของโจทก์แต่ละคน (ฎีกาที่ 133-134/2491)
ศาลชั้นต้นอนุญาตให้บุคคลซึ่งอ้างว่าเป็นผู้เสียหายเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมกับผู้ว่าคดี แล้วภายหลังปรากฏว่าผู้อ้างไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีสิทธิจะเป็นโจทก์ ก็ดี ก็เป็นแต่เพียงทำให้ผู้นั้นไม่ได้รับผลของการฟ้องเท่านั้น หาทำให้กระบวนพิจารณาของผู้นั้นเสียเปล่าไป เท่ากับไม่ได้ดำเนินคดีเลยแต่อย่างใดไม่ ส่วนพยานหลักฐานที่โจทก์ร่วมอ้างอิงมานั้น ศาลย่อมนำมาประมวลวินิจฉัยข้อเท็จจริงแห่งคดีได้ไม่มีอะไรจำกัดห้ามให้ต้องฟังเฉพาะคดีของโจทก์แต่ละคน (ฎีกาที่ 133-134/2491)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1281/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้กู้ตกลงรับดอกเบี้ยเกินอัตรา ไม่เป็นผู้เสียหายในคดีเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา ศาลรับฟังพยานหลักฐานของโจทก์ร่วมได้
ผู้กู้ที่ยอมตกลงในการกู้ให้เขาเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรานั้น ไม่ใช่ผู้เสียหายในกรณีความผิดฐานเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา (อ้างฎีกาที่ 642/2486, 1222/2502)
ศาลชั้นต้นอนุญาตให้บุคคลซึ่งอ้างว่าเป็นผู้เสียหาย เข้ามาเป็นโจทก์ร่วมกับผู้ว่าคดีแล้วภายหลังปรากฏว่าผู้อ้างไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีสิทธิจะเป็นโจทก์ก็ดี ก็เป็นแต่เพียงทำให้ผู้นั้นไม่ได้รับผลของการฟ้องเท่านั้น หาทำให้กระบวนพิจารณาของผู้นั้นเสียเปล่าไป เท่ากับไม่ได้ดำเนินคดีเลยแต่อย่างใดไม่ ส่วนพยานหลักฐานที่โจทก์ร่วมอ้างอิงมานั้น ศาลย่อมนำมาประมวลวินิจฉัย ข้อเท็จจริงแห่งคดีได้ ไม่มีอะไรจำกัดห้ามให้ต้องฟังเฉพาะคดีของโจทก์แต่ละคน (ฎีกาที่ 133/134 /2491)
ศาลชั้นต้นอนุญาตให้บุคคลซึ่งอ้างว่าเป็นผู้เสียหาย เข้ามาเป็นโจทก์ร่วมกับผู้ว่าคดีแล้วภายหลังปรากฏว่าผู้อ้างไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีสิทธิจะเป็นโจทก์ก็ดี ก็เป็นแต่เพียงทำให้ผู้นั้นไม่ได้รับผลของการฟ้องเท่านั้น หาทำให้กระบวนพิจารณาของผู้นั้นเสียเปล่าไป เท่ากับไม่ได้ดำเนินคดีเลยแต่อย่างใดไม่ ส่วนพยานหลักฐานที่โจทก์ร่วมอ้างอิงมานั้น ศาลย่อมนำมาประมวลวินิจฉัย ข้อเท็จจริงแห่งคดีได้ ไม่มีอะไรจำกัดห้ามให้ต้องฟังเฉพาะคดีของโจทก์แต่ละคน (ฎีกาที่ 133/134 /2491)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1004-1005/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันในคดีอาญา: ผลผูกพันต่อเนื่องแม้ศาลชั้นต้นยกฟ้อง & ศาลไม่มีหน้าที่วินิจฉัยเหตุจำเลยไม่มาศาล
ในคดีอาญา ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โดยศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มิได้สั่งให้ขังจำเลยไว้ หรือให้เรียกประกันระหว่างฎีกา แต่ในขณะที่คดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา ผู้ประกันได้ยื่นคำร้องขอให้ปล่อยชั่วคราวโดยมีประกันและศาลชั้นต้นได้สั่งอนุญาต สัญญาประกันดังกล่าวนี้ ยังคงมีผลสมบูรณ์ตลอดถึง คดีอยู่ระหว่างฎีกา เพราะสัญญาประกันในคดีอาญาจะสิ้นสุดก็ต่อเมื่อคดีถึงที่สุด เว้นแต่มีการถอนการตาย การผิดสัญญาประกัน หรือศาลสั่งยกเลิก ผู้ประกันจะอ้างว่าได้ทำสัญญาประกันโดยเข้าใจผิดหาได้ไม่ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 16/2503)
ถ้าผู้ประกันร้องเป็นประเด็นแต่ข้อเดียวว่า สัญญาประกันไม่ผูกพันเพราะไม่มีเหตุหรือมูลหนี้เท่านั้นศาลก็ย่อมไม่มีหน้าที่ที่จะเอื้อมไปวินิจฉัยว่าจำเลยไม่ไปศาลตามหมายนัดเพราะอะไร
ในคดีอาญา แม้โจทก์จำเลยต่างเป็นราษฎรด้วยกัน เมื่อมีการผิดสัญญาประกัน หรือมีกรณีเกี่ยวกับการบังคับตามสัญญาประกันเกิดขึ้น อัยการก็ย่อมมีอำนาจฎีกาได้
ถ้าผู้ประกันร้องเป็นประเด็นแต่ข้อเดียวว่า สัญญาประกันไม่ผูกพันเพราะไม่มีเหตุหรือมูลหนี้เท่านั้นศาลก็ย่อมไม่มีหน้าที่ที่จะเอื้อมไปวินิจฉัยว่าจำเลยไม่ไปศาลตามหมายนัดเพราะอะไร
ในคดีอาญา แม้โจทก์จำเลยต่างเป็นราษฎรด้วยกัน เมื่อมีการผิดสัญญาประกัน หรือมีกรณีเกี่ยวกับการบังคับตามสัญญาประกันเกิดขึ้น อัยการก็ย่อมมีอำนาจฎีกาได้